รองนายกฯ แจงย้ำไทม์ไลน์กฎหมายลูก 2 ฉบับ เร็วสุด ก.ค.ประกาศใช้ ยอมรับบอก “นายกฯ” ยุบสภา ก่อนคลอดกฎหมายยุ่งแน่ แย้มหาทางออกรองรับอุบัติเหตุการเมืองล่วงหน้าได้
วันนี้ (2 ก.พ.) เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และ ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้แจ้งมายังรัฐบาลว่ารับฟังความคิดเห็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะส่งร่างกฎหมายดังกล่าวมาให้รัฐบาลในวันที่ 7 ก.พ.นี้ ซึ่งไม่ต้องนำเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะ ครม.รับทราบเรื่องนี้ เนื่องจากผ่านคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว รัฐบาลสามารถส่งไปที่คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ได้เลย โดยวิปรัฐบาลจะกำหนดจำนวนวันและจะแจ้งกลับมายังรัฐบาล ซึ่งจะเข้า ครม.ในวันที่ 15 ก.พ.นี้ และได้ตกลงกับนายกฯแล้วว่า ในวันที่ 15 ก.พ.จะนำเรื่องดังกล่าวเข้า ครม.ให้ทราบว่าวิปรัฐบาลว่าอย่างไร ย้ำว่ากฎหมายทุกฉบับต้องผ่านวิปรัฐบาล เมื่อวิปรัฐบาลว่าอย่างไร ครม.ก็ว่าอย่างนั้น และจากนั้น ครม.รับทราบใช้เวลา 1 นาที โดยนายกฯเซ็น ส่งไปให้ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาทั้ง 3 ฉบับ รวมถึงร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เป็นกฎหมายเกี่ยวกับการเงิน จากนั้นแล้วแต่ประธานรัฐสภาจะนัดประชุมวันไหน
นายวิษณุ กล่าวย้ำว่า หากเกิดการยุบสภาในระหว่างกฎหมายลูกดังกล่าวยังไม่เสร็จก็จะเกิดปัญหา เพราะยังไม่มีกฎหมายลูก ซึ่งที่จริงอาจจะกล้อมแกล้มทำอะไรไปได้ แต่จะเกิดการถกเถียงกันขึ้น เพราะเมื่อไม่มีกฎหมายก็ไม่ได้ข้อยุติก็จะยุ่งยาก
เมื่อถามว่า การออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) หรือประกาศของคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) จะสามารถทำได้หรือไม่ หากเกิดการยุบสภา กล่าวว่า กกต.ก็ไม่กล้าออก และ พ.ร.ก.ถ้าไว้ใจให้รัฐบาลออก รัฐบาลก็ออกได้แต่คงไม่ไว้ใจ เพราะรัฐบาลเป็นคนกำหนดกติกาเอง ก็จะทำให้เกิดปัญหา ส่วนรัฐบาลมีการเตรียมความพร้อมหรือไม่ หรือรอให้เหตุเกิดแล้วค่อยแก้ไข นายวิษณุ กล่าวว่า ก็แล้วแต่ บางครั้งอาจไม่ต้องรอให้เหตุเกิดก็ได้ ไม่เป็นอะไรก็ช่วยกันแสดงความคิดเห็นได้
เมื่อถามย้ำว่า บรรยากาศแบบนี้นายกฯสั่งให้เตรียมความพร้อมไว้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่รู้จะเตรียมอย่างไร เพราะ กกต.จะต้องเป็นคนเตรียมในเรื่องนี้ การยุบสภาเป็นอำนาจของรัฐบาล แต่การจัดการเลือกตั้งหลังยุบสภา เป็นเรื่องของ กกต.ทั้งหมด ทั้งเรื่องเลือกตั้ง วันรับสมัคร และการนับคะแนน กกต.จะต้องเป็นคนบอก หากจะให้ออก พ.ร.ก.รัฐบาลจะต้องเป็นคนออก ซึ่งก็ไม่ใครไว้ใจให้รัฐบาลเขียนกติกาเอง อย่างไรก็ตาม ถ้าทุกอย่างผ่านไปตามที่กล่าวมากฎหมายลูกก็จะประกาศใช้ได้ในเดือน ก.ค. ซึ่งอาจจะช้ากว่านั้น แต่ไม่ก่อนหน้านั้น และในเดือน ก.พ.กฎหมายดังดบ่าวจะเข้าสู่การพิจารณาวาระ 1 เมื่อสภาปิด คณะกรรมาธิการไปทำงาน แต่ถ้าเสร็จในเดือน มี.ค.และเดือน เม.ย. รัฐบาลจะเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ แต่ถ้ายังไม่เสร็จ และไปเสร็จในเดือน พ.ค.ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดสมัยประชุมสมัยวิสามัญ เพราะเปิดประชุมรัฐสภาสมัยสามัญปกติแล้ว ก็นำเข้าสู่การพิจารณาของสภาในวาระ 2 และวาระ 3 ได้ในเดือน พ.ค. จากนั้นเมื่อพิจารณาเสร็จแล้วจะสอบถามไปยัง กกต.ว่าเห็นชอบหรือไม่ ซึ่ง กกต.จะต้องตอบมาว่าเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ถ้าเห็นชอบก็เป็นไปตามนั้น แต่ถ้า กกต.ไม่เห็นชอบจะต้องแก้ไขภายใน 1 เดือน หากมีการแก้ไขก็จะเสร็จสิ้นในเดือน มิ.ย. และนำขึ้นทูลเกล้าฯเร็วที่สุดในเดือน ก.ค. แต่อาจจะช้ากว่านั้นก็ได้ เพราะเมื่อทูลเกล้าฯไปแล้ว ทรงมีเวลา 90 วัน ฉะนั้น ในเดือน ก.ค.- ก.ย. ได้ทั้งนั้น แต่จะไม่ก่อนเดือน ก.ค.
เมื่อถามอีกว่า การรายงานความคืบหน้ากฎหมายลูก 2 ฉบับต่อนายกฯ โดยเฉพาะที่เน้นย้ำว่า กฎหมายทั้ง 2 ฉบับสำคัญ และถ้ายุบสภาจะเกิดปัญหานายกฯมีท่าทีอย่างไร นายวิษณุ กล่าวเลี่ยงว่า ตนไม่เห็นท่าทีนายกฯ เพราะเป็นการประชุม ครม.แบบวิดีโอคอล นายกฯนั่งอยู่ไหนตนยังไม่เห็น แต่ยอมรับว่าที่ขึ้นไปพูดคุยกับนายกฯบนตึกไทยคู่ฟ้า มีพูดคุยเรื่องดังกล่าว แต่นายกฯไม่ได้พูดอะไรในเรื่องการยุบสภาฯ ส่วนที่บรรยากาศการเมืองตอนนี้พรรคการเมืองออกมาขย่มให้มีการยุบสภานั้น นายวิษณุ กล่าวว่า แน่หรือ