ข่าวปนคน คนปนข่าว
** เลิกทำตัวเป็นเทพเสียที ทางที่พอจะเอาตัวให้รอด-ทางออกสุดท้ายของ “ลุงตู่”?
สถานการณ์การเมืองเวลานี้ มีคำถามกันมาก ว่า รัฐบาลจะไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะทู่ซี้ไปต่อ หรือถูกบังคับให้พอแค่นี้ และหากจะไปต่อ นอกจากด้วยสถานการณ์บีบคั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ทางเลือก-ทางรอด มีแค่ไหน ?
ทุกย่างก้าวของ “ลุงตู่” เพลานี้ ถูกมองว่าล้วนเต็มไปด้วย “ทุ่นระเบิด” หลังจาก “พี่ป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ “พี่ใหญ่ 3 ป.” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โชว์สกิลเล่นเกมการเมืองขั้นเทพ ทำทีอัปเปหิ “ธรรมนัส” รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ตามคำขอของ “น้องตู่” และ แรงกดดันของบรรดาก๊วนพลังประชารัฐสายนายกฯ เพื่อเซ่นสังเวยแพ้เลือกตั้งภาคใต้ แต่กลายเป็นออก “ยกแก๊ง” ไปรวมตัวกันที่พรรคเศรษฐกิจไทย พรรคสำรองของตนเองที่มี “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค พปชร. คนสนิทเป็นหัวหน้า และ “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” น้องชายลุงป้อม เป็นที่ปรึกษา ซึ่งทำให้ฟากฝั่ง “ลุงป้อม” มีแต้มต่อเหนือ “ลุงตู่” อีกหนึ่ง ตรงกันข้ามกับพลังประชารัฐ ที่แตกร้าวค่อยๆ ตายลงไป
หมากเกมนี้ สะเทือนเลื่อนลั่น “ลุงตู่” แม้จะแก้เกมด้วยการท่องคาถา “ไม่ยุบสภา-ไม่ลาออก” ตามด้วยการมุดเข้า “ป่ารอยต่อ” เพื่อแสดงภาพความสัมพันธ์พี่น้องยังรักกันจนวันตายเหมือนทุกครั้งที่มีปัญหาขัดแย้ง แต่คำถามตามมา “ภาพ” แบบนี้ยังขลังอยู่หรือ ?
แถมการแสดงโมเมนต์อารมณ์อ่อนไหว เปิดเพลงปลุกปลอบใจ “ขออย่ายอมแพ้” ในที่ประชุม กับคำพูด “ผมไม่แพ้ใครอยู่แล้ว” ดูเฟกๆ ขัดกับใบหน้าอิดโรย .. ย้อนแย้งกับสภาพที่เป็นอยู่อย่างไม่อาจปิดบังกันได้
วันต่อมายังถูก นักร้องเจ้าของเพลงที่ลุงเปิด “อ้อม” สุนิสา สุขบุญสังข์ โพสต์ย้อนศรว่า ตอนนี้อยากร้องเพลง “ถอยดีกว่า” เพลงดังอีกเพลงของเจ้าตัววนไปเรื่อยๆ คล้ายๆ จะบอก “ลุงตู่” กลายๆ ว่า แทนที่ขออย่ายอมแพ้ มิสู้ ถอยดีกว่า ไม่อาวววดีกว่า มั้ยลุง
บทเพลงก็ว่ากันไปตามทำนอง แต่ชีวิตจริงๆ เพราะอะไรลุงควรต้องถอยดีกว่า ตรงนี้น่าคิด?
ถ้ามองตามจริง หลัง “แก๊งธรรมนัส” 20 คน เล่นปาหี่ให้ลุงป้อม เสียงของรัฐบาลก็รู้กันว่าในสภาอยู่ในภาวะปริ่มน้ำ รัฐบาลจะลำบากขึ้นเรื่อยๆ อาจจะมีเสียงที่เคยอยู่ พปชร. ที่ตอนนี้ต่ำร้อยแล้วทยอยออกตามธรรมนัส ไปอยู่พรรคเศรษฐกิจไทย หรือพรรคอื่นๆ อีก
นัยยะตรงนี้ วิเคราะห์กันว่า หากกลุ่มนี้เลยบทไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ยอมมาประชุม ไม่โหวตช่วยหรือมาโหวตกับฝ่ายค้านในบางเรื่อง ก็ทำให้รัฐบาลมีปัญหาทันที
ดังที่ “วิษณุ เครืองาม” รองนายกฯ เนติบริกร ผู้ส่งซิกให้รัฐบาลระวัง “อุบัติเหตุ” เรือล่มได้ทุกเมื่อ เพราะ “เรือสนิมเกรอะ” ง่อนแง่นเต็มที สนิมนี้ไม่ใช่ใครทำ หากเป็นสนิมที่เกิดขึ้นจากเนื้อในตน
“วิษณุ” ยังมองว่า หากเป็น “ลุงตู่” ตอนนี้คือเสือลำบาก จะตัดสินใจยุบสภาในขณะที่ร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ยังไม่ผ่าน ก็ต้องคิดหนัก กม. ก็จะค้างอยู่อย่างนั้น หรือเรียกว่าตกไปก็ได้ เพราะเมื่อยุบสภาแล้ว จะไม่สามารถประชุมสภาได้ ซึ่งกฎหมายทั้งสองฉบับ จะต้องเข้าสู่ทั้งสองสภา
เรียกว่า ทางเลือกนี้ไม่ควร ทางเลือกลาออกก็ไม่ได้ เพราะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้
ขณะนี้ถือว่ารัฐบาลอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยง พร้อมที่จะเกิดอุบัติเหตุทุกเวลา
พูดง่ายๆ ว่า เป็นช่วงเวลาหนักหน่วงของรัฐบาล และ “ลุงตู่” ที่ต้องยอมรับ แล้ว นับถอยหลังได้เลย !
รัฐบาลปริ่มน้ำนี้มีทางรอดไปได้สักกี่น้ำ นั่นคือคำถาม ซึ่งฝ่ายค้าน มองว่าน่าจะได้แค่สมัยประชุมนี้ หากเปิดสมัยประชุมหน้าก็จะมีเรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรื่องของ พ.ร.บ. งบประมาณ 2566 หากเป็นการเมืองในฟากรัฐบาลเป็นแบบนี้ ซึ่งนั่นหมายถึง สถานะของรัฐบาลคงไปไม่รอด
สรุปด้วยเกมการเมืองที่เป็นภัยคุกคาม “ลุงตู่” ขณะนี้ “วิษณุ” และ ฝ่ายค้าน ต่างมองไปทางเดียวกัน ซึ่งหากอธิบายให้ชัดขึ้นไปอีก ก็อย่าง “สนธิ ลิ้มทองกุล” ผู้เฒ่าเล่าเรื่องจากค่ายบ้านพระอาทิตย์ วิเคราะห์ฟันธงลงไปในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” สั้นๆง่ายๆ ว่า..END GAME มันจบแล้วนาย!
ดูอย่างนี้แล้ว เหมือนเวลาเกือบ 8 ปีที่อยู่ในอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ ใกล้จะถึงวันอันเป็นสัจธรรม “ไม่มีใครอยูค้ำฟ้า” สูงสุดคืนสู่สามัญ
ประเด็นนี้ก็มีคำถามว่า “ลุงตู่” ที่อีโก้สูง ยอมหักไม่ยอมงอ “ผมไม่แพ้ใครอยู่แล้ว” จะทำใจได้หรือ? จะฝ่าวงล้อมหมากการเมืองอย่างไร
ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง สันทัดกรณีบอกกับ “ข่าวปนคนฯ” กรณีว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยากจะสัประยุทธ์ต่อในวงการการเมือง คิดว่ายังอยากจะไปต่อไหว อยากสืบทอดอำนาจ มีหนทางเดียวเท่านั้น พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเลิกทำตัวเป็น “เทพ” เสียที
ตลอดมา “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นนายกฯ ที่แสดงตัววางโพสิชันตัวเองอยู่เหนือการเมือง อยู่เหนือนักการเมือง ไม่เกลือกกลั้วกับพรรค หรือ ส.ส.ของพลังประชารัฐ ร่วมกับพี่น้อง 3 ป. เล่นกันคนละบท “พี่ป้อม” คุมพรรค อยู่กับ ส.ส. “พี่ป๊อก” ดูเครือข่ายอำนาจรัฐ
เรียกว่า การเมืองเรื่องขัดแย้งผลประโยชน์ เรื่องน้ำเน่า “พี่ป้อม” ก็รับไปเต็มๆ “ลุงตู่” เพียงลอยตัวอยู่เหนือปัญหา ไม่ต่างอะไรกับ คนบุญหนักศักดิ์ใหญ่ ที่นั่งชูคออยู่บนเสลี่ยง ให้ “พี่ป้อม” และพวกแบกหาม
ยามนี้ “ลุงตู่” ต้องเลิกสร้างภาพเทพ ต้องลงมาเป็นนักการเมืองนำหัวแถวได้แล้ว เป็นหัวหน้าพรรคด้วยตัวเอง ถ้า พปชร. แบรนด์เสื่อม ก็ยังมีพรรคแนวร่วมที่ศรัทธา และพร้อมจะเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ เช่น พรรคไทยภักดี ของ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เป็นหัวหน้าพรรค เจรจากันดีๆ เชื่อว่า หมอมือปราบจำนำข้าวก็คงไม่ปฏิเสธ เผื่อเหลือเผื่อขาด “ติ่งลุงตู่” และกลุ่ม “เชียร์ลุง” ก็คงยินยอมพร้อมใจหันหลังจาก พปชร. มาหนุนไทยภักดี งานนี้จะ “แยกทางกันเดิน รวมกันตี” แบบยุทธวิธีทหารของถนัดพี่น้อง 3ป. ก็ไม่มีใครว่า
เอาเป็นว่า ขอแต่ พล.อ.ประยุทธ์ เลิกทำตัวเป็นเทพ ยอมลดตัวเป็นนักการเมืองที่ตัวเองเลี่ยงเกลือกกลั้วมาตลอด อาจจะพอเป็นทางเลือกทางรอดสุดท้ายที่เป็นไปได้ในสายตาผู้เฒ่าเล่าเรื่อง
งานนี้ ก็แล้วแต่ลุงละว่าจะกล้ามั้ย? ออกความเห็นมาตรงนี้ ก็ด้วยความปรารถนาดี..นะจ๊ะ
** เปิดหลุม พล.ต.อ. ตัวเต็งว่าที่ ผบ.ตร. มีหนาว ชื่อ “ต่อศักดิ์” ผงาดขึ้นลิฟต์ หลัง “วิระชัย” หลุดวงโคจร !!??
ว่ากันว่า ขณะนี้แถวปทุมวัน อันเป็นที่ตั้งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. กระเพื่อมอย่างหนัก หลังศาลปกครองสูงสุดพลิกคดี “พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา” หลุดวงโคจรสีกากีรอบ 2 ส่งผลให้ตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ว่าอะไรที่แน่ๆ ทั้ง บิ๊กเด่น- บิ๊กรอย -บิ๊กหิน “มีหนาว” เจอกระดูกชิ้นใหญ่ขวางทางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งนี้ อันเนื่องมาจากวิบากกรรมของ “พล.ต.อ.ดร.วิระชัย ทรงเมตตา” รอง ผบ.ตร.ฝ่ายกิจการพิเศษที่ถูกศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งศาลปกครองกลางกรณี “บิ๊กต้อย” ที่ถูกสั่งสำรองราชการโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ในขณะนั้น กลายเป็นคำสั่งที่ชอบแล้ว โดยสาเหตุมีที่มาจากการปล่อยคลิปเสียงบทสนทนา ระหว่าง “บิ๊กแป๊ะ” กับ “บิ๊กต้อย” จนเป็นเรื่องเป็นราว ตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัย และมีคำสั่งให้ออกจากราชการ ต่อจากนั้น ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งคุ้มครองจนทำให้ พล.ต.อ.ดร.วิระชัย กลับมารับราชการอีกครั้ง ...แต่เมื่อโดนคำสั่งศาลปกครองสูงสุดไม่เห็นด้วยกับศาลปกครองกลาง จึงทำให้ “บิ๊กต้อย” ต้องอยู่ในสภาพคนตายซ้ำกันถึง 2 รอบ นับเป็นวิบากกรรมที่จำต้องรับสภาพ และถือเป็นการสิ้นสุดชีวิตทางราชการตำรวจอย่างแท้จริง
จากผลพวงในชะตากรรมของ “บิ๊กต้อย” กลับทำให้วงการตำรวจไทยเกิดบรรยากาศทั้งตึงเครียด และคึกคัก พร้อมกัน 2 ปีกอำนาจ กล่าวคือ อีกประมาณ 8 เดือน “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” ผบ.ตร.จะลุกจากเก้าอี้ ขณะที่ตัวเต็ง 3 นายคือ “พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์” รอง ผบ.ตร. อาวุโสสูงสุด “พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ” และ “พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์” ก็พร้อมขยับ มีสิทธิที่จะขึ้นรับตำแหน่งเท่าๆ กัน แต่ดูเหมือนว่า “บิ๊กเด่น” นรต.38 ในฐานะน้องเลิฟของ นรต.36 ไล่มาตั้งแต่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. คนปัจจุบัน จะมีภาษีดีกว่าคนอื่น นอกจากเป็นน้องรักทำงานร่วมเป็นร่วมตายกับพี่ๆ นรต.36 แล้วยังมีอาวุโส ที่สำคัญ ทำงานเข้าตา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแล สตช.ด้วย
ผลพวงวิบากกรรมของ “พล.ต.อ.ดร.วิระชัย” ทำให้ตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.ว่างทันที 1 ตำแหน่ง เป็นการเปิดหลุมนายตำรวจระดับรอง ผบ.ตร. ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก 1 ในตัวเต็งอีกคน คือ “พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” ผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่มีข่าวเป็นระยะๆ ว่า อาจจะขึ้นมาหยิบชิ้นปลามัน “ปาดหน้า” 3 รอง ผบ.ตร.เอาง่ายๆ ก็ได้เพราะผลงานที่ผ่านมา “บิ๊กต่อ” นับว่าเป็นนายตำรวจที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนายตำรวจโตเร็ว เคยทำสถิติเพียงแค่ 6 ปี จากตำแหน่งรอง ผกก.ยศ พ.ต.ท. ขึ้นมาเป็นผู้บังคับการ ติดยศ พล.ต.ต. ก็เคยมาแล้ว จุดนี้เองจึงทำให้ขั้วอำนาจปีกหนึ่งมีชีวิตชีวา แต่อีกปีกเริ่มมีความวิตกกังวล
ถ้ามองผ่าน 3 รอง ผบ.ตร.มาโฟกัสที่ “บิ๊กต่อ” เส้นทางของนายตำรวจผู้นี้ ไม่ธรรมดาเลยเริ่มยศ ร.ต.ต.เป็นรองสารวัตรกองบังคับการสายตรวจและหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (191) ก่อนโยกมาเป็น รอง สว.ผ.กก.2 ป. เป็น สว.ท่องเที่ยว บางกอกน้อย เป็น สว.หน่วยปฏิบัติการพิเศษกองปราบปราม เป็นรอง ผกก.หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองปราบปราม เป็น ผกก.หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองปราบปราม เป็นรอง ผบก.ป. เป็น ผบก.ปฏิบัติการพิเศษกองปราบปราม เป็น รอง ผบช.ก. เป็น ผบช.ก ล่าสุดเป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. และมีข่าวว่าจะเลื่อนเป็น รอง ผบ.ตร.ช่วงเดือน เม.ย.นี้ แต่เนื่องจากเกิดกรณีของ “บิ๊กต้อย” จึงมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะใช้โอกาสนี้ก้าวขึ้นเป็นรอง ผบ.ตร. คั่วตำแหน่งสูงสุดของยุทธจักรสีกากีในปีนี้ และเกษียณอายุราชการในปี 2567 ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น กลุ่มนายตำรวจที่จะสืบอำนาจแทน ก็คือ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในเวลานี้ประกอบด้วย พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ นรต.42 เกษียณปี 2569 พล.ต.ท.ภานุวัฒน์ หลักบุญ นรต.41 เกษียณอายุปี 2568 และ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ หักพาล นรต.47 เกษียณอายุปี 2574
แต่ที่เหนือกว่าใครทั้งหมดคือ “พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช” ผบช.ก.นรต.50 เกษียณอายุปี 2579
นี่ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า ทั้งหมดทั้งมวลใครจะเข้าวิน สมมาตรปรารถนาตำแหน่งใหญ่ใน สตช.