ข่าวปนคน คนปนข่าว
**“ธรรมนัส” ไฮแจ็ก!! ขู่ยกทีม 21 ส.ส.ไขก๊อก บีบ “ลุงตู่” ยุบสภา หรือไม่ก็ต้องส่งเก้าอี้รัฐมนตรีมาสุดท้ายถูก “ลุงป้อม” ตลบหลังขับพ้นพรรคยกก๊วน
หลังพรรคพลังประชารัฐ แพ้เลือกตั้งซ่อมที่ ชุมพร และสงขลา ให้แก่พรรคประชาธิปัตย์ มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมาก ว่า แพ้เพราะความนิยมในตัว “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เสื่อมโทรมลง... แพ้เพราะปากของ “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ที่ไปปราศรัยประเด็น แบ่งแยกคนรวย คนจน เพื่อจูงใจให้คนหันมาเลือกพลังประชารัฐ แต่ผลกลับกลายเป็นตรงข้าม คนไปเทคะแนนให้ประชาธิปัตย์
วันก่อนในไลน์ของกลุ่มทีมโฆษกวิป ก็มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ โดย “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และรองหัวหน้าพรรค พปชร. เสนอให้มีการทำโพลเกี่ยวกับความตกต่ำของพรรคพลังประชารัฐ “แรมโบ้” เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ในกลุ่มก็เห็นด้วย
ที่เป็นเรื่องเป็นราวกันขึ้นมาก็เพราะ “เสี่ยเฮ้ง” ดันเสนอให้ตั้งคำถามแบบชี้นำว่า สาเหตุเป็นเพราะ “ธรรมนัส” เป็นเลขาธิการพรรค หรือเพราะว่า “ธรรมนัส” ไม่มีคนยอมรับหรือไม่ ...แล้วแชตไลน์ที่พูดคุยกัน ก็ดันหลุดไปข้างนอก ...“ผู้กองธรรมนัส” ก็ควันออกหูล่ะสิ
เป็นที่รู้กันว่า “เสี่ยเฮ้ง” ซึ่งเป็นคนในสาย “ลุงตู่” ไม่กินเส้นกับ “ผู้กองธรรมนัส” ที่เป็นเด็กของ“ลุงป้อม”อยู่แล้ว เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นอาจลุกลามถึงขั้น “พรรคแตก” ได้ เพราะ “ผู้กองธรรมนัส” ย่อมมองออกว่า การทำโพลก็เพื่อเป็นข้ออ้างที่จะเขี่ยตนเองออกจากตำแหน่ง “เลขาธิการพรรค” ...เพราะในช่วงหลังการอภิปรายไม้ไว้วางใจ “ผู้กอง” ถูกปลดออกจากตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ก็เคยมีแรงกดดันมาแล้วรอบหนึ่ง แต่ “ลุงป้อม” ขวางเอาไว้ พร้อมวาทะ “ถ้าไม่เลิกทะเลากัน กูออก” ... และครั้งนี้ก็ฉวยจังหวะแพ้เลือกตั้งที่ภาคใต้มาแซะ “ธรรมนัส” อีกรอบ
คราวนี้ “ธรรมนัส” จึงแก้เกมด้วยการปล่อยข่าวออกไปว่าตนเองพร้อม ส.ส. ในกลุ่ม รวม 21 คน จะยกทีมลาออกจากพรรค ซึ่งจะมีผลให้หลุดจากการเป็น ส.ส.ด้วย ... เพื่อบีบให้ “ลุงตู่” ยุบสภา ... เพราะถ้าฝืนต่อไปก็เสี่ยงแพ้เกมสภา หรือถ้าเลือกตั้งใหม่ ก็ต้องใช้งบประมาณไม่ใช่น้อย เนื่องจากกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็น ส.ส.เขต
งานนี้ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ต้องเรียกประชุม ส.ส.ทุกคนของพรรคอย่างด่วน ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ เพื่อเจรจายับยั้งการลาออกของ ส.ส.กลุ่มนี้ ... ทำเอาสภาปั่นป่วนวุ่นวาย “สุชาติ ตันเจริญ” รองประธานสภา นับองค์ประชุมแล้วต้องสั่งปิดประชุม ทั้งที่ยังพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ค้างอยู่
ส่วนการเจรจาที่มูลนิธิป่ารอยต่อ มีรายงานว่า “ธรรมนัส” แจ้งกับ “ลุงป้อม” ว่ามี ส.ส.ที่พร้อมจะลาออกพร้อมตนเองรวม 21 คน ถ้าไม่ต้องการให้กลุ่มนี้ออก ก็ต้องปรับ ครม.และให้ ส.ส.ในกลุ่มนี้ได้เป็นรัฐมนตรี 1 คน โดยต้องปรับ ครม.ทันที... ถ้ายังเล่นเกมยื้อ ส.ส.กลุ่มนี้ก็จะไม่ไปเป็นองค์ประชุมสภาให้
ปรากฏว่า “ลุงป้อม” ไม่ยอมถูกขู่...งัดไม้เด็ดขอมติในที่ประชุม ขับ ส.ส.กลุ่มนี้พ้นพรรค...แล้วกรรมการบริหารพรรครวมทั้งส.ส.พรรค ทั้งหมด 78 เสียง ก็มีมติขับ “ธรรมนัส” พร้อมพวกรวม 21 คน พ้นพรรคด้วยข้อหาสร้างความขัดแย้งภายในพรรค
เป็นอันว่าตอนนี้ “ก๊วนธรรมนัส” ขาดทุนย่อยยับ ต้องพล่านหาพรรคใหม่สังกัดภายใน 30 วัน เพื่อรักษาสถานภาพ ส.ส.ของตัวเอง!!
**จุดยืนชัด! “อุตตม-สนธิรัตน์” คิกออฟ “สร้างอนาคตไทย” ไม่ซ้ายสุดขั้ว-ไม่ขวาสุดโต่ง ไม่โกงชาติ ไม่ใช่พรรคอะไหล่ ไม่เสนอ “ประยุทธ์” เป็นแคนดิเดตนายกฯ
หวือหวาฮือฮาสมการรอคอย ...สำหรับการเปิดตัว “พรรคสร้างอนาคตไทย” ของ “สองกุมาร” อุตตม สาวนายน-สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ที่สปอตไลต์การเมืองส่องกันพรึ่บพรั่บ คลาคร่ำไปด้วยสื่อที่ให้ความสนใจแน่นขนัด
งานนี้ อาจจะไม่ถึงกับมีบิ๊กเซอร์ไพร์ส แต่ “อุตตม-สนธิรัตน์” ก็แสดงให้เห็นความพร้อมในการ “คัมแบ็ก” พร้อมๆ กับ “ขุนพล” ที่ขนมาเปิดตัวชุดแรก ไม่ว่าจะเป็น “นิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ” อดีต ส.ส.พัทลุง หลายสมัย จากประชาธิปัตย์, “สุพล ฟองงาม” อดีต ส.ส.อุบลราชธานี หลายสมัย, “วัชระ กรรณิการ์” อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือ “สันติ กีระนันทน์” อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นรายชื่อที่รู้กันดี ในวงการการเมือง
หรือบรรดานักธุรกิจ อดีตข้าราชการ บุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคม เช่น “นริศ เชยกลิ่น” อดีตผู้บริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ,“ณพพงศ์ ธีระวง” อดีตประธานสมาพันธ์ SMEs ไทย, พงศ์พรหม ยามะรัต อดีตซีอีโอ บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ, “วิรัช วิฑูรย์เธียร” อดีตหัวหน้าผู้เชี่ยวชาญสิ่งแวดล้อมจากธนาคารโลก, “อิธวัฒน์ พิทักษ์คุมพล” บุตรชายและรองเลขาธิการจุฬาราชมนตรี, “ศ.กำพล ปัญญาโกเมศ” อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า), “โอฬาร วีระนนท์” ประธานสมาคมฟินเทคประเทศไทย และ “มนต์ชีพ ศิวะสินางกูร” หรือ “ครูเป็ด” ศิลปินนักร้องชื่อดัง เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่มีดี มีแสงในแต่ละแขนงของตัวเอง
ประเด็นสำคัญที่ได้รับความสนใจอยู่ที่ความ “ระหว่างบรรทัด” ในคำแถลงของ 2 คีย์แมน “อุตตม-สนธิรัตน์” ที่หลายช่วงหลายตอนถือว่า แสดงจุดยืน “ชัดเจน” ทั้งการประกาศจุดยืนทางการเมืองของ “อุตตม” ที่ว่า “ไม่ซ้ายสุดขั้ว ไม่ขวาสุดโต่ง ไม่โกง ไม่ปล้นชาติ อาสาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้คนไทย”
หรือคำประกาศของ “สนธิรัตน์” ไม่ว่าจะเป็นการประกาศว่า ไม่ใช่อะไหล่ หรือทำพรรคเพื่อสืบทอดอำนาจให้ใคร และจะไม่เสนอ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคอย่างแน่นอน
เคลียร์คัตข้อคาใจที่ว่า เปิดตัวพรรคเพื่อแต่งตัวรอ “บิ๊กตู่” ใช้เป็นนั่งร้านขึ้นเก้าอี้นายกฯสมัยที่ 3
เมื่อสอบถามถึงความเป็นไปได้ในการเสนอชื่อ “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ ที่เป็น “ที่พึ่งทางใจ” ของกลุ่มสี่กุมาร เป็นแคนดิเดตนายกฯ ตำตอบของ “อุตตม” ไปในแนว “แบ่งรับแบ่งสู้” ว่า “สมคิด” ไม่ทอดทิ้งพวกเรา และคิดว่ามีความเหมาะสม แต่การมารวมกันจะช่วยพิจารณาว่ามีบุคคลใดบ้าง โดยมี 3 ตำแหน่ง ในการที่จะเสนอ ส่วน “สมคิด” จะอยู่ใน 3 รายชื่อหรือไม่ อยู่ที่การพิจารณาของพรรคต่อไป
หลังจากที่เปิดตัวไปแล้ว ก็ต้องจับตาจังหวะก้าวต่อไปของ “พรรคสร้างอนาคตไทย” ว่า จะเลี้ยงกระแสที่สปอตไลต์กำลังสาดส่อง และจะมี “บิ๊กเซอร์ไพร์ส” มาเติมกระแสพรรคอย่างไร
“บิ๊กเซอร์ไพร์ส” ที่ว่าไม่พ้นตัวบุคคลที่จะเข้ามาร่วมงาน ท่ามกลางกระแสข่าวว่า กำลังเนื้อหอม มีคนสนใจเข้ามาร่วมงานด้วยจำนวนมาก ทั้ง “สุรนันทน์ เวชชาชีวะ” อดีตเลขาฯนายกรัฐมนตรี สมัย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีข่าวว่าได้พูดคุยกันมาหลายรอบ และเจ้าตัวก็มาด้อมๆ มองๆ สังเกตการณ์อยู่หน้างานเมื่อวานด้วย แต่ยังไม่ลงใจสมัครเป็นสมาชิก หรือจะเป็น “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่มีข่าว
ขณะเดียวกัน ก็ต้องยอมรับว่า การเปิดตัวของพรรคสร้างอนาคตไทย กระทบชิ่งไปถึงพรรคพลังประชารัฐ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งฐานะของ “อุตตม-สนธิรัตน์” ที่เป็นผู้ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ อีกทั้งยัง “สันติ กีระนันทน์-สุพล ฟองงาม” ที่ลาออกจากส.ส.พลังประชารัฐ มาเป็นผู้ร่วมก่อการด้วย
คงเป็นอย่างที่ “สุทิน คลังแสง” ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) นักการเมืองประสบการณ์สูง หล่นความเห็นเกี่ยวกับการเปิดตัว “สร้างอนาคตไทย” ไว้แบบ “จี้ใจดำ” ว่า ทำให้พรรคพลังประชารัฐ “อ่อนแอลง” ในเชิงปริมาณ และเชื่อว่า จะมีระลอก 2-3 ตามมาอีก
ตามกระแสข่าวว่า “กลุ่มบ้านใหญ่” ในพรรคพลังประชารัฐ เตรียมจะไหลออกมาซบ “สร้างอนาคตไทย” ในอนาคต
สภาพวันนี้ ทั้ง “คนใน-คนนอก” ต่างเห็นตรงกันว่า พรรคพลังประชารัฐ “เน่าใน” ไปต่อลำบาก
เป็นภาพสวนทางกัน “สร้างอนาคตไทย” เหมือนพระอาทิตย์กำลังขึ้น ส่วน “พลังประชารัฐ” กำลังอยู่ในช่วงโพล้เพล้ ใกล้หมดแสง.