ข่าวปนคน คนปนข่าว
**พปชร.แบรนด์เสื่อม แถมปาก “ธรรมนัส” พาพัง ส่ง “น้ำหอม” นางงามแบ็กดีคว้าชัย เบื้องหลัง ปชป.ฟัดชนะพรรคลุง ในถิ่นใต้
ศึกเลือกตั้งซ่อมที่สงขลาและชุมพร จบลงด้วยชัยชนะของพรรคประชาธิปัตย์ แต่สงครามที่แท้จริงเหมือนเพิ่งเริ่มต้นเข้าทำนอง เกมแพ้คนไม่แพ้ เมื่อ “น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร” รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ “เอ๋” น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่ศาลมีคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ไปตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 64 โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “เหตุผลเดียว ประชาธิปัตย์ ชนะเลือกตั้ง ซ่อมเขต 2 เขต คือ ซื้อเก่งกว่าค่ะ”
งานนี้ ปชป.จะไม่ทน บอกว่า มีข้อร้องเรียนจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เป็นจำนวนมาก ขอให้ดำเนินคดีกับ “ปารีณา” ให้ถึงที่สุด
ก่อนหน้านี้ ก็มีวาทกรรม จาก “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพรรค ก็เปิดวอร์กลายๆ ทำนองว่า “ไม่เคยเห็นการโกงเลือกตั้งซ่อมแบบนี้มาก่อน” จนขุนพลพรรคแม่พระธรณีบีบมวยผมต้องออกมาตอบโต้ยกใหญ่ สำทับซ้ำด้วยการเกทับจาก “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรค ว่า ที่ ปชป.ชนะนั้น มาจากคะแนนบริสุทธิ์ทั้งนั้น
นั่นก็ว่ากันไป... แต่หากถามคนที่อยู่ในพื้นที่ เขาก็วิเคราะห์กันว่า ปชป. ชนะในพื้นที่ที่ควรชนะ แต่ก็ใช้ทรัพยากรไปมหาศาล ขณะที่ พปชร. ชัดเจนว่า “แบรนด์เสื่อม” ทุ่มสุดตัวแต่แพ้ขาด
ส่วน “พรรคก้าวไกล” นั้น ทรุดหนักเมื่อเทียบกับเลือกตั้งปี 62 จากหลักหมื่นเหลือไม่กี่พัน รวมสองจังหวัด ยังแพ้ “พรรคกล้า” ผู้มาใหม่
อันที่จริงเขาว่า พ่ายแพ้เป็นบทเรียน แต่ พปชร. จะเรียนรู้เรื่องนี้หรือไม่ ไม่อาจทราบได้ โดยเฉพาะที่สงขลา คนในพื้นที่มองว่า ก่อนหย่อนบัตร กระแส-กระสุน ความพร้อมของ “อนุกูล พฤกษานุศักดิ์” ของพรรคลุงป้อมนั้น ได้เปรียบคู่แข่งอยู่หลายขุม ไหนจะเป็นคนหนุ่ม มีความรู้ มีเงินทุน มีพ่อที่เป็น “คหบดี” รายใหญ่ของ จ.สงขลา เป็นอดีตนักการเมืองท้องถิ่น อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสะเดา มีอาเป็นสมาชิกสภา อบจ.เขต อ.สะเดา แถมได้ “อนุมัติ อาหมัด” อดีต ส.ว. นักธุรกิจใหญ่ใน อ.สะเดา คนใกล้ชิด “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และมี “ถาวร เสนเนียม” อดีต ส.ส.เจ้าของพื้นที่ ให้การสนับสนุน
ถ้าเทียบตัวคน พปชร. ประกอบกับ “ลุงป้อม” อุตส่าห์ล่องใต้ลงทุนลงแรงขึ้นเวที งานนี้สู้แพ้ “น้ำหอม” สุภาพร กำเนิดผล ของปชป.ได้อย่างไร ทำเอาลุงป้อมมึนตึ้บ
งานนี้ส่วนหนึ่งต้องโทษตัวเองด้วย เพราะความไม่รู้จักวัฒนธรรมท้องถิ่นดีพอ ประเมิน ปชป.ต่ำ ที่ทั้งความช่ำชองในการหาเสียง การปราศรัยหาเสียงที่ ปชป. ขึ้นชื่อ “เก่งเรื่องปาก” มาแต่ไหนแต่ไร ยิ่ง “ธรรมนัส” ปราศรัย ให้เลือก “คนรวย” เอาฐานะความรวย-จน มาหาเสียง แบบไม่คิดว่าจะถูก ปชป. หยิบคำพูดนี้เอามาบดขยี้ จนเกมพลิกในช่วงสองวันสุดท้าย
เรียกว่า พปชร.ต้องเอามือเขกกะโหลกตัวเอง ได้เปรียบมีแต้มต่ออยู่ดีๆ กลับมาตายเพราะ “ปากธรรมนัส” นั่นเอง
ว่ากันอีกว่า อีกส่วนหนึ่งที่ พปชร. ที่นำโดย “ธรรมนัส” ปราชัย เพราะเพื่อนรักต่างพรรคมาห้ำหั่นกันเอง ระหว่าง “ธรรมนัส” กับ “เดชอิศม์ ขาวทอง” หรือ “นายกชาย” ส.ส.เขต 5 พรรคประชาธิปัตย์
สามี “น้ำหอม” น.ส.สุภาพร กำเนิดผล ผู้ชนะนั้น รู้ไส้รู้พุงกันดี ขยับตัวยังไง คิดอะไรอยู่ย่อมทันกัน
สำหรับ “สุภาพร กำเนิดผล” ว่าที่ ส.ส.หญิงคนแรกของสงขลา เองก็จัดว่าโปรไฟล์ไม่ธรรมดา แม้จะอายุ 39 ปี แล้วก็ยังคงเป็นผู้หญิงหน้าตาสะสวย โดย “น้ำหอม” เคยเข้าชิงตำแหน่งนางงามเมืองสงขลา จนขาวบ้านชาวช่องเรียกกันติดปากว่า “นางงามสมิหลา”
เธอเข้าสู่เส้นทางการเมืองท้องถิ่นในตำแหน่ง รองนายก อบจ.สงขลา ต่อมาได้ลาออกจากตำแหน่งรองนายก อบจ.สงขลา เพื่อเข้าชิงตำแหน่ง ส.ส.หญิงคนแรกของจังหวัดและชนะอนุกูลตามผลที่ออกมา
งานนี้บอกให้ พปชร. รู้ว่า ประชาธิปัตย์ แม้ว่าจะอยู่ในยุคตะวันตกดิน แต่ตัวเองกลับย่ำแย่กว่าผลลัพธ์ ก็เลยเป็นอย่างที้เห็น และ ที่ต้องจำใส่ใจ ไม่ควรสู้แบบโฉ่งฉ่างอย่าง “ธรรมนัส” ทำในถิ่นใต้กับ ปชป. ที่ถือเป็น “งูเจ้าถิ่น”
เพราะได้ชื่อว่างู แม้จะดูซึมเซายังไงๆ ก็พอมีพิษสงอยู่บ้าง ฉกกัดได้อยู่..นะจ๊ะ.
**เปิดม่าน “สร้างอนาคตไทย” พรรคของ “อุตตม-สนธิรัตน์” มี 2 ส.ส.พปชร. ไหลไปร่วมแล้ว มีกระแสข่าวออกมาเป็นระยะว่า 2 อดีตรัฐมนตรี ใน “กลุ่มสี่กุมาร” คือ “อุตตม สาวนายน” อดีต รมว.คลัง กับ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” อดีต รมว.พลังงาน กำลังฟอร์มทีมตั้งพรรคการเมือง เป็นที่รวมพลคนดี คนมีความรู้ความสามารถ หลากหลายสาขาอาชีพ เพื่อเสนอตัวเข้ามาร่วมขับเคลื่อนประเทศไทย ในนาม “พรรคสร้างอนาคตไทย”
ล่าสุด “วัชระ กรรณิการ์” หนึ่งในสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง ก็ออกมาเปิดเผยว่า จะมีกิจกรรมแถลงข่าวเปิดตัว “สร้างอนาคตไทย” ที่ ห้อง World Ballroom ชั้น 23 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เวลา13.30 น. วันที่ 19 ม.ค.นี้
จะมีการประกาศเจตนารมณ์ทางการเมืองของผู้ร่วมอุดมการณ์ ที่จะมาร่วม “สร้างอนาคตไทย” นำโดย “อุตตม-สนธิรัตน์ ” และกลุ่มบุคคลจากหลากหลายสาขาอาชีพ จากทุกสถานะของสังคม ทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ นักบริหาร นักวิชาการ คนรุ่นใหม่ หรือแม้กระทั่งภาคประชาชน ที่เป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง จะมาทำงานร่วมกันในนามของพรรค “สร้างอนาคตไทย”...เพื่อเป็นตัวเลือกใหม่ และความหวังใหม่ทางการเมืองของประชาชน และของประเทศไทย อย่างแท้จริง ... ขอให้จับตาดูในวันงานแถลงข่าวจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ เกิดขึ้นก็ได้...
สอดคล้องกับข่าวเปิดตัวพรรค “สร้างอนาคตไทย” ก็มีข่าวลาออกของ 2 ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ คือ “สุพล ฟองงาม” กับ “สันติ กีระนันทน์” โดยทั้งคู่ยอมรับว่า ได้ไปลาออกจากสมาชิกพรรคต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองที่ กกต. และไปลาออกจากการเป็น ส.ส.ต่อ “ชวน หลีกภัย” ประธานสภาผู้แทนราษฎร เรียบร้อยแล้ว
“สุพล ฟองงาม” นั้น บอกชัดเจนว่าลาออกจากพลังประชารัฐ เพื่อไปร่วมงานการเมืองกับ “พรรคสร้างอนาคตไทย” ส่วน “สันติ กีระนันทน์” แม้จะไม่พูดตรงๆ ว่าจะไปร่วมสร้างอนาคตไทยด้วยหรือไม่ แต่ก็บอกว่าอีกสองวันเจอกัน ... ซึ่งก็น่าจะเป็นการเจอกันที่งานเปิดตัวพรรคสร้างอนาคตไทย ในวันที่19 ม.ค.นี้ ...
สำหรับ “สุพล” นั้น เป็นนักการเมืองจากอุบลราชธานี เป็นอดีต ส.ส.พรรคพลังประชาชน และย้ามมาสังกัดพรรคเพื่อไทย งานในพรรคเคยเป็นเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ส่วนตำแหน่งทางการเมือง เป็น รมช.มหาดไทย ในรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ในรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นอดีตแกนนำ นปช.ในภาคอีสาน เมื่อมาเข้าเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคพรรคพลังประชารัฐ ก็ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค แต่ปัจจุบันเป็นอดีตไปแล้ว
ส่วน “สันติ กีระนันทน์” นักเรียนเก่ากรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และ สวนกุหลาบวิทยาลัย บัญชีเกียรตินิยม จากจุฬาฯ บริหารธุรกิจ ม.ธรรมศาสตร์ ปริญญาเอก บริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต (Finance) จากจุฬาฯ เคยทำงานเป็นอาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ และเคยทำงานที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เมื่อเข้าสู่การเมืองก็ได้ดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหนึ่งในคณะทำงานด้านเศรษฐกิจของพรรคพลังประชารัฐ ในยุคที่นำโดย “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” และยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการทำนโยบายพรรคชุด “ประชารัฐ” จนมาเป็นชื่อพรรคพลังประชารัฐ...เรียกว่าเป็นสายตรงของ “กลุ่มสี่กุมาร” ในอดีต
เนื่องจากทั้งคู่เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ เมื่อพรรคพลังประชารัฐเปลี่ยนทีมผู้บริหารใหม่ การเลือกตั้งครั้งหน้าโอกาสที่จะได้รับการจัดให้อยู่ในบัญชีลำดับต้นๆ ก็ค่อนข้างริบหรี่ เมื่อคนคุ้นเคยออกมาตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย จึงไม่ลังเลที่จะเข้าร่วม แบบไม่เสียดายเวลาที่จะยังอยู่ในตำแหน่ง ส.ส. อีกประมาณปีเศษ
ก็ต้องจับตาว่า หลังเปิดตัวพรรคสร้างอนาคตไทยอย่างเป็นทางการ จะมี “เลือดไหล” ออกจากพรรคพลังประชารัฐ อีกหรือไม่