รายการ “ถอนหมุดข่าว” ทาง NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันที่ 22 ม.ค.65 นำเสนอรายงานพิเศษ วิระชัย โดนน็อก สำรองราชการรอบ 2
ชีวิตราชการในโค้งสุดท้ายที่กำลังจะเข้าที่เข้าทาง อยู่แล้วเชียว กลับมาโดนสอยจนร่วงอีกหน นี่คือชะตาชีวิตยอกย้อนของ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา
เมื่อศาลปกครองสูงสุด กลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น ที่เคยตัดสินให้ พล.ต.อ.วิระชัยชนะคดี ได้รับการคุ้มครองชั่วคราวต่อไป จนกว่าคดีจะสิ้นสุด
เมื่อ วันที่21 มกราคม ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้ยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กรณีมีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 387/2563 ลงวันที่ 29 ก.ค. 63 สำรองราชการพล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา และประกาศของนายกรัฐมนตรี ที่มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีลงวันที่ 31 ส.ค 63 ให้ พล.ต.อ.วิระชัย พ้นจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
คดีนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น และนายกรัฐมนตรีได้ลงนามคำสั่งดังกล่าวหลังคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เห็นว่า การเผยแพร่เทปบันทึกเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ และ พล.ต.อ.วิระชัย กรณีคนร้ายลอบยิงรถยนต์ของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล
เข้าข่ายเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งพลตำรวจเอก วิระชัย เห็นว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งสำรองราชการ และคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ระหว่างพิจารณาคดีศาลปกครองชั้นต้นได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวทุเลาการบังคับตามคำสั่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ให้สำรองราชการ พล.ต.อ.วิระชัย และคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ให้พ้นจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไว้ก่อน จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ซึ่งต่อมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ยื่นอุทธรณ์
หลังศาลปกครองสูงสุด ออกคำสั่งระงับการทุเลาคำสั่งฯ ของศาลปกครองชั้นต้น ผลที่ตามมา คือพล. ต. อ. วิระชัย ต้องกระเด็นหลุดจากเก้าอี้รองผบ.ตร.เป็นคำรบสอง กลับไปโดนสำรองราชการตามเดิม
ไม่น่าเชื่อว่า พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา หรือบิ๊กต้อย จะต้องมาลงเอยแบบนี้ เขาเป็นตำรวจที่สะสมภาพลักษณ์ดีๆ ใส่ตัวไว้เต็มไปหมด
ที่เซอร์ไพรส์ระดับช็อกโลก เขาเป็นข้าราชการตำรวจที่มีฐานะร่ำรวยระดับเจ้าสัวเลยทีเดียว
จากการจัดอันดับเศรษฐีไทย โดยนิตยสารฟอร์บส์ เมื่อปี 2563 พล.ต.อ.วิระชัย มีทรัพย์สินถึง 1.91 หมื่นล้านบาท รวยอันดับที่ 40 ของประเทศ
พอปี 2564 ความรวยก็พุ่งกระฉูดเป็น 2.95 หมื่นล้านบาท ขยับอันดับมาอยู่ที่ 36
เป็นความร่ำรวยจากการทำธุรกิจพลังงานทางเลือก ที่มีกำไรต่อเนื่อง
ไม่แค่รวย ยังมีดีกรีเป็นดอกเตอร์ อีกทั้งยังแสดงออกให้คนเห็นถึงความเป็นสายบุญ โดยเพจ “ดร.วิระชัย ทรงเมตตา” ของเจ้าตัว ระยะหลัง แทบไม่โพสต์เรื่องงานตำรวจ แต่เน้นโพสต์เรื่องการเข้าวัดสะสมแต้มบุญ
แต่โปรไฟล์ดีๆ เหล่านั้น ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว คำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ชี้ชะตาอันเป็นที่สิ้นสุด พล.ต.อ.วิระชัยจะไม่ได้จบชีวิตราชการในตำแหน่งอันมีเกียรติอย่าง รอง ผบ.ตร.
วิบากกรรมนี้ ต้องย้อนรอยไปเมื่อต้นปี 2563 คราวที่เกิดคดีมือมืดยิงถล่มรถหรูของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก ตำรวจคนดังแห่งยุทธจักรสีกากี
พล.ต.อ.วิระชัย เป็นตำรวจขยันเป็นข่าว มักปรากฏตัวในคดีใหญ่ๆ มาตลอด ก็ย่อมเป็นธรรมดา ที่จะไปลุยติดตามคดีนี้ด้วยตัวเอง
แต่ไปแล้ว กลับได้รับโทรศัพท์ทางไกลจากต่างประเทศ ปลายสายเป็น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา หรือบิ๊กแป๊ะ ผบ.ตร. ขณะนั้น โทรมาเตือนให้พอแล้ว แล้วปล่อยให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้มีอำนาจตัวจริง ทำคดีไปตามปกติ
กลายเป็นว่าการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่าง 2 บิ๊ก ดันหลุดไปออกสื่อโซเชียล เนื้อหาสื่อไปในทางกล่าวหา ผบ.ตร. ดันมาเบรกการสอบสวนเสียเอง
เป็นเหตุให้พล.ต.อ.จักรทิพย์ สั่งตั้งกรรมการสอบสวนตามระเบียบ ต่อมาเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ให้ย้ายด่วน พล.ต.อ.วิระชัย ไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
ชีวิตของ พล.ต.อ.วิระชัย เหมือนจะฆ่าไม่ตาย เพราะต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คืนตำแหน่ง รองผบ.ตร.ให้ พล.ต.อ.วิระชัย
แต่ถูกเชือดดาบสอง ด้วยคำสั่งสำรองราชการ พร้อมสั่งสอบเอาผิดวินัยร้ายแรงกับ พล.ต.อ.วิระชัย
อย่างไรก็ตาม ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ก่อนมีคำพิพากษาต่อมาว่าคำสั่งสำรองราชการกระทำโดยมิชอบ ดูเหมือนอะไรๆ ก็เข้าทางพล.ต.อ.วิระชัย แม้จะสะดุดไม่ได้เป็น ผบ.ตร. แต่ก็ยังได้กลับมายืนตำแหน่งรองผบ. ตร. ที่เดิม
แต่แล้ว ศาลปกครองสูงสุด มีคำวินิจฉัยที่ลบล้างคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นในทุกประเด็น โดยชี้ว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ไม่ใช่คู่กรณี แต่เป็นผู้บังคับบัญชา จึงมีสิทธิ์ลงโทษผู้ที่ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย
การปล่อยคลิปสนทนาทางโทรศัพท์ ก็เป็นเจตนาเปิดเผยความลับทางราชการ ถือเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง มีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
อะไรๆ ก็ร้ายแรงตามที่ศาลว่า เส้นทางราชการของตำรวจ เจ้าสัวและนักวิชาการ นักบุญวิระชัย ก็คงสิ้นสุดลงที่คำว่า สำรองราชการ