xs
xsm
sm
md
lg

เส้นทางใหม่ “มหาสมปอง” จะ “จึ้ง” หรือ “ต๊าซ” แค่ไหน รอชมกัน **“ลุงป้อม” จะอยู่เคียงข้าง “ลุงตู่” ถึงปี 70 หรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และสังขาร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**เส้นทางใหม่ “มหาสมปอง” จะ “จึ้ง” หรือ “ต๊าซ” แค่ไหน รอชมกัน

เป็นไปตามวาจาที่บอกกล่าวไว้ล่วงหน้า ฝนจะตก ขี้จะแตก ผู้หญิงจะคลอด “พระจะสึก” ไม่มีใครห้ามได้ ในที่สุด “พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต” พส.ชื่อดัง ก็ลาสิกขา โดยก่อนลาสิกขา เพจ “แม่ปอง” ของพระมหาสมปอง ได้โพสต์ว่า ...“เมฆสวย ฟ้าใส ในวันลาสิกขา อีกมุมหนึ่งก็ใจหายเนาะ”... และ “ไม่กี่ชั่วโมงจะมีคนใส่เสื้อ “แม่ปอง” และเสื้อท้องถิ่น “ไทยคอนสาร” ชัยภูมิ ออกมาจากเงานี้” สะท้อนถึงความอาลัยอาวรของเจ้าตัวที่มีต่อ “ผ้าเหลือง” ที่ครองมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี

เหตุผลในการสลัดจีวรที่ห่มคลุมมาตั้งแต่เป็นเณรน้อย ศึกษาพระปริยัติธรรม จนสอบได้เปรียญธรรม 7 ประโยค จบปริญญาตรี-โท และ เอก และมามีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักของสังคมจากการเป็นผู้บรรยาย ในรายการ “ธรรมะเดลิเวอรี่” รวมถึงรายการ “หลวงพี่มาแล้ว” ทางช่อง 3 มาสู่การเป็น “ฆราวาส” ครั้งนี้ก็คล้ายๆ อดีต พส.คู่หู “ไพรวัลย์” ที่ลาสึกจากพระออกมาก่อนนี้ เพื่อออกมาดูแลแม่ และเพราะมองเห็นความไม่เป็นธรรมในวงการสงฆ์ นั่นเอง

ทิดสมปอง
เส้นทางชีวิตของ “ทิดสมปอง” ในวัย 40 ต้นๆ บุตรของนางตาล คนพื้นเพ จ.ชัยภูมิ หลังจากนี้ เจ้าตัวเปรยเอาไว้ว่า อยากจะใช้ทักษะที่มีในตัวเอง ซึ่งเกี่ยวข้องกับ “การพูด” และ “นักเอนเตอร์เทน” โดยมีทั้งอยากจะเป็น “นักพากย์” “นักรีวิว” ขายของ “พิมรี่ ปอง มองเห็นแล้วเอามาขายทุกอย่าง” ตามอย่าง “พิมรี่พาย” แม่ค้าออนไลน์ชื่อดังที่เป็นไอดอล รวมไปถึงอยากจะเป็น “นักธุรกิจ” ที่คิดจะตั้งบริษัทเป็นของตัวเอง

เมื่อมองดูพื้นฐานของ “ทิดสมปอง” ที่สั่งสมประสบการณ์จากการเป็นพระนักเทศน์ และช่วงท้ายๆ ของความเป็นพระภิกษุที่ “แบตเทิล” คู่กับ “ทิดไพรวัลย” จนสร้างปรากฏการณ์บนโลกโซเชียลฯ มีแฟนคลับติดตามมากมาย รวมถึงเพจ “แม่ปอง” ของตัวอดีตพระมหาสมปองเอง ก็มีคนติดตามกว่า 1.2 ล้านคน ก็น่าจะเป็นฐานที่มั่นให้เจ้าตัวทำอะไรที่อยากจะทำได้ไม่ถึงกับ “นับหนึ่งใหม่” จะมีก็แต่การวิพากษ์วิจารณ์การเมือง ซึ่งสมัยที่เป็นพระมักจะ “แซะ” และ “แซว” รัฐบาลลุงอยู่บ่อยครั้ง พอเป็นฆราวาส บทบาทแม้จะพูดได้มากขึ้น แต่ก็อาจจะถูกแรงสะท้อนกลับที่รุนแรงกว่าที่ยังอยู่ในสถานะความเป็นพระแน่ๆ แต่หากจะเล่นการเมืองจริงๆ เชื่อว่า คงมีหลายพรรคยินดีต้อนรับ

ทิดไพรวัลย์
แน่นอนว่า เส้นทางชีวิตใหม่ของอดีตพระมหาสมปอง ย่อมถูกจับจ้องจากสังคมไม่ต่างไปจาก “ทิดไพรวัลย์” โดย เพจ “ไพรวัลย์ วรรณบุตร” ได้โพสต์แซวเอาไว้ว่า “สึกก่อนเป็นรุ่นพี่ สึกทีหลังเป็นรุ่นน้อง” ซึ่งจะ “จึ้ง” หรือ “ต๊าซ” แค่ไหนก็ต้องรอติดตามชมกัน



**“ลุงป้อม” จะอยู่เคียงข้าง “ลุงตู่” ถึงปี 70 หรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และสังขาร

ใกล้ขึ้นปีใหม่ก็มีการวิเคราะห์ วิจารณ์กันว่าปีหน้าการเมืองจะเข้มข้น เพราะมีหลาย “อีเวนต์” รออยู่ อาทิ “ศึกซักฟอก” อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. รวมทั้งการเลือกตั้งซ่อม หรืออาจถึงขั้นมีการเลือกตั้งใหญ่ เรื่องแก้ไข รธน. ว่าด้วยเรื่องที่มาและอำนาจ ส.ว. ในการโหวตนายกฯ

อีกประเด็นที่ใหญ่และร้อนมาก ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความร้อนแรงทั้งในสภา บนท้องถนน รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญ อาจงานจะเข้าด้วย ก็คือ เรื่องการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของ “นายกฯ ลุงตู่” มันสิ้นสุดลงตรงไหนกันแน่

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน บัญญัติไว้ว่า นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นติดต่อกัน หรือไม่ติดต่อกันก็ตาม ... ที่สำคัญคือ ยังมีบทบัญญัติในบทเฉพาะกาล รับรองเอาไว้ว่า ให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ เป็นคณะรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญนี้ด้วย

ประเด็นนี้ เคยมีนักวิชาการ นักกฎหมายถกเถียง ตีความกันว่าอย่างนี้ต้องนับตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ารับตำแหน่งฯนายกฯเมื่อปี 2557 ซึ่งจะครบกำหนด 8 ปี ในเดือนสิงหาคม 2565 ...บ้างก็ว่า ต้องนับตั้งแต่เป็นนายกฯ หลังเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ดังนั้น “ลุงตู่” สามารถเป็นนายกฯไปถึงปี 2570

ฝ่าย “เชียร์ลุงตู่” ก็บอกว่าอยู่ยาวไปถึงปี 70 ส่วน “ฝ่ายแช่ง” ก็บอกว่า ส.ค. 65 ก็บ๊ายบายแล้ว

ดังนั้น เมื่อใกล้จะถึงเดือน ส.ค. 65 เรื่องนี้คงจะเป็นประเด็นร้อนที่ต้องถึงมือศาล รธน.ตัดสินว่าตกลงแล้ว “นายกฯ ลุงตู่” เริ่มนับหนึ่งตั้งแต่เมื่อไร เพราะจะมีผลต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไปด้วย ...

ถ้า “ลุงตู่” เป็นนายกฯครบ 8 ปีแล้ว ทางพรรคพลังประชารัฐ ของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะชูใครเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีกันล่ะ

วันก่อนมีข่าวว่า ทางสภาผู้แทนฯได้มอบให้ฝ่ายกฎหมาย ไปพิจารณาหาข้อสรุปในเรื่องนี้... ก็ได้ข้อสรุปส่งให้เลขาธิการสภาฯ และ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ รับทราบแล้วว่า การนับระยะเวลาดำรงตำแหน่งนายกฯ ตาม รธน. 60 มาตรา 158 วรรค 4 ต้องเริ่มนับตั้งแต่ วันที่ 9 มิ.ย. 62 ที่เป็นวันโปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นต้นไป

โดยมีเหตุผลรองรับว่า การกำหนดเงื่อนไขให้นายกฯ ดำรงตำแหน่งรวมแล้วเกิน 8 ปีไม่ได้นั้น เป็นเงื่อนไขการจำกัดสิทธิบุคคล เป็นการบัญญัติกฎหมายในทางเป็นโทษ จะนำมาบังคับใช้ย้อนหลังในทางที่เป็นโทษไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ส่วนบทเฉพาะกาล มาตรา 264 ที่แม้จะกำหนดให้ ครม.ที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้ รธน.นี้ เป็น ครม.ตามบทบัญญัติแห่ง รธน.นี้นั้น มีการอธิบายว่า...การปฏิบัติหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ตามมาตรา 264 เป็นการปฏิบัติหน้าที่แทน ครม. ตามบทหลักของ รธน.60 เพียงชั่วเวลาหนึ่ง และต้องพ้นจากหน้าที่ภายหลังจากที่ ครม. ตาม รธน. 60 เข้าปฏิบัติหน้าที่ หาก รธน.มีเจตนารมณ์ ให้นับระยะเวลาปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ก่อนหน้านี้ จะต้องบัญญัติไว้ใน รธน.ให้ชัดเจนว่า ให้นับระยะเวลาดังกล่าวรวมเป็นระยะเวลาดำรงตำแหน่งนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์ ด้วย

เป็นอันว่าทีมกฎหมายของสภา สรุปว่า “นายกฯ ลุงตู่” นับหนึ่งตั้งแต่ 9 มิ.ย. 62 สามารถอยู่ในตำแหน่งได้ยาวไปถึงปี 2570 ... ก็นับว่าเป็นข่าวที่เป็นคุณกับรัฐบาล

แต่นั่นเป็นความเห็นของทีมกฎหมายสภาฯ ไม่ได้มีผลผูกพันทุกองค์กร... ดังนั้น เรื่องนี้ต้องไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น

นักข่าวเจอหน้า “ลุงป้อม” หัวหน้าพรรค พปชร. ก็ถือโอกาสถามว่า พร้อมที่จะอยู่เคียงข้าง “ลุงตู่” ไปจนถึงปี 70 หรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่า... ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทั่วไป ก็แล้วแต่ว่าร่างกายจะไหวหรือเปล่าด้วย...

แหม...นึกว่า “ลุงป้อม” จะปล่อยมุกเดิม...อยู่ด้วยกันชั่วฟ้าดินสลาย มีแต่ความตายเท่านั้นที่จะทำให้ “3 ป.” เลิกรักกัน!!




กำลังโหลดความคิดเห็น