“ดร.อานนท์” สุดทน! คลิปว่อน line-Tiktok เหิมเกริมตัดต่อ หมิ่นสถาบันรุนแรง “อดีตทูตนริศโรจน์” สะใจชนะคดี “ตลาดหลวง” ของ “ปวิน” แฉญี่ปุ่นป้อง โยง นายใหญ่สหรัฐฯ “ทนาย 3 นิ้ว” มั่ว ไม่ให้ประกัน 4 แกนนำ เปรียบคดีเชอรี่แอน
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (25 ธ.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น “ดร.อานนท์” สุดทน! คลิปว่อน line-Tiktok เหิมเกริมตัดต่อ หมิ่นสถาบันรุนแรง
โดยระบุว่า ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า ได้โพสต์ข้อความถึงความเหิมเกริมที่ประชาชนคนไทยสุดจะรับได้ ทั้งยังอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบด่วนด้วย
ทั้งนี้ ข้อความที่ ดร.อานนท์ โพสต์ลงฟซบุ๊ก ระบุว่า มีคลิปเลวระย…ต่ำช้าใน line และใน Tiktok ที่ผมจะไม่เผยแพร่ต่อ แต่คลิปนี้ใช้เพลงพระราชนิพนธ์ยามเย็นเป็นเพลงประกอบ มีคำหยาบคายด่าทอหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
นำเอารูปของจิตอาสาพระราชทาน 904 มาใส่กรอบเป็นรูปงานศพ และขู่อาฆาตมาดร้ายว่าจะฆ่…ให้ตาย ซึ่งผมเห็นว่าเป็นการขู่อาฆาตมาดร้ายพระเจ้าอยู่หัว เป็นการกระทำผิดมาตรา 112 อย่างชัดเจน
และยังเอาคลิปที่ข้าราชบริพารคนหนึ่ง เกิดอุบัติเหตุล้มลงนอน และมีป้ายชื่ออย่างชัดเจน แต่เอามาตัดต่อว่า ข้าราชบริพารคนนี้เสียชีวิต ราวกับเป็นการใส่ร้ายป้ายสีพระเจ้าอยู่หัวว่าทรงทำร้ายโหดเหี้….ทารุณกับข้าราชบริพารในพระองค์ ซึ่งจะเป็นความจริงก็หาไม่
ทั้งหมดทั้งปวงเต็มไปด้วยอคติและความเกลียดชัง ล่วงละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลอย่างไม่สมควรให้อภัย และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างรุนแรงมาก
ผมคิดว่า ตำรวจทาง ปอท. ควรดำเนินคดี แต่ต้องหาให้ได้ว่าใครไปตัดต่อและปล่อยคลิป เรื่องเลวๆ วิธีการชั่วร้า…สกปรกแบบนี้ ไม่ต้องเกิดกับพระเจ้าแผ่นดิน เกิดกับคนธรรมดาก็เกินกว่าจะยอมรับได้ครับ
ขอไม่เผยแพร่คลิปดังกล่าวต่อไปนะครับ ที่โพสต์นี้คือ ต้องการให้รัฐบาลและตำรวจดำเนินคดีแจ้งความ จับกุม และปิดกั้นครับ”
อย่างไรก็ตาม เมื่อข้อความดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็ปรากฏว่า มีบุคคลเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็น ตำหนิต่อการกระทำดังกล่าว อาทิ
“คนตัดต่อคลิป เลว ระย…มาก ขอให้ผลกระทำ ทำให้ถูกดำเนินคดีและชีวิตตกต่ำไปตลอด”
“แจ้งความดำเนินคดีผู้เผยแพร่เลยค่ะ”
“ตำรวจไม่ทำหน้าที่เลย ปล่อยคลิปเต็มไปหมด”
“เดี๋ยวมันก็รับผลกรรมค่ะ”
“คลิปพวกนี้น่าจะทำมาจากเมืองนอกครับ จารย์ เคยตามด่าเม้นใน youtube หลายครั้งแล้วครับ”
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น “อดีตทูตนริศโรจน์” ชนะคดี แฉเด็ด ญี่ปุ่นป้อง “ปวิน” โยงนายใหญ่สหรัฐฯ เลี้ยงไว้เป็นหุ่นเชิด หมดประโยชน์ถีบหัวส่ง!
เนื้อหาระบุว่า จากกรณี นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีที่ชนะคดีแอดมินเพจตลาดหลวง ในข้อหาหมิ่นประมาท โดยระบุข้อความว่า
ในที่สุดความยุติธรรมที่ผมรอคอยก็สิ้นสุดลง ในวันนี้ ศาลจังหวัดสมุทรปราการได้ตัดสินให้ผม (โจทก์) ชนะคดีที่แอดมินเพจตลาดหลวง (จำเลย) ได้กระทำการหมิ่นประมาทผมในหลายวาระ โดยศาลได้พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 1,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 16 ส.ค. 2564) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ถ้ากระทรวงการคลังปรับเปลี่ยนอัตราโดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกาเมื่อใด ก็ให้ปรับเปลี่ยนไปตามนั้น แต่ทั้งนี้ ต้องไม่เกิน 7.5 ต่อปีตามคำขอ และให้จำเลยโฆษณาผลคำพิพากษาในสังคมออนไลน์เฟซบุ๊กผ่านบัญชีของจำเลยโดยตั้งค่าเผยแพร่เป็นสาธารณะเป็นเวลา 15 วันติดต่อกัน โดยหากมีค่าใช้จ่ายในการโฆษณาให้จำเลยเป็นชำระ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 7,000 บาท
สำหรับติ่งลูกเพจที่เคยหมิ่นประมาทผม นั้น บางคนที่มาขอขมา ขออภัยแต่แรก เช่น นักร้องคนหนึ่ง ก็ถือว่ารอดตัวไป แต่รายอื่นๆ ที่เหลือซึ่งนิ่งเฉย ไม่เคยติดต่อขอโทษ ขอขมา ผมก็ต้องดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป ส่วนใครที่สมรู้ร่วมคิดจนทำให้เกิดการหมิ่นประมาทผมไม่ว่าในทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งผมทราบว่าเป็นใคร / กลุ่มใด ถ้ากฎหมายจัดการไม่ถึง ก็ขอให้ได้รับเวรตามกฎแห่งกรรมต่อไปด้วย
ต่อมา อดีตทูตนริศโรจน์ ก็ได้โพสต์ข้อความต่อว่า ลองติดต่อสอบถามไปที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการนะครับว่าที่โดนผมฟ้องแล้วแพ้คดีน่ะเป็นใคร ชื่ออะไร ? หมิ่นประมาทผมกี่กรรม กี่วาระ ใช้คำพูดหยาบคายและข้อมูลบิดเบือนอย่างไร ? และที่ผมเอาหลักฐานข้อมูลต่างๆไปหักล้างคำหมิ่นประมาทนั้นมีรายละเอียดอย่างไรที่ทำให้ผมชนะคดี !
จะได้กระจ่างซะทีว่าที่ศาลตัดสินให้ชดใช้ตามที่ผมเรียกร้องค่าเสียหายไปนั้นสมควรหรือไม่ ? ใครจะอยู่ ใครจะไป ผมไม่ทราบ ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของผม ? ผมทราบแต่ว่าคนที่แพ้คดีผมจะมีคดีเป็นชนักติดหลังติดตัวตลอดไป และสามารถโดนยึดทรัพย์ได้แค่นั้นเอง ถ้าไม่มีเงินจ่ายค่าเสียหาย !!!!! ส่วนตัวผมก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปแค่ว่า “ผมชนะคดี” แล้วเท่านั้น หมายเหตุ ส่งให้ทนายดูแล้วว่าหมิ่นศาลหรือไม่
ทั้งนี้ อดีตท่านทูตยังได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่มีแกนนำรายหนึ่ง โดยยกสำนวนไทยว่า “เงินง้างได้ดั่งใจ” โดยไม่ได้ระบุชื่อใครเลย ในโพสต์ที่เกี่ยวกับแกนนำม๊อบคนนึงที่เรียนเก่ง แต่สุดท้ายหนีไปพร้อมเงินบริจาค มีคนเข้ามาต่อว่านี่เป็นการเหยียด ! เพื่อนๆ คิดว่าอย่างไรครับ ? เดี๋ยวนี้ยกสำนวนไทยก็ไม่ได้แล้วหรือ !!?? ในขณะที่พวกเชียร์เด็กแกนนำหาว่าผมเหยียด แต่เด็กคนนั้นหอบเงินบริจาคหนีไปจริงๆ !! แปลกที่ไม่แตะ ไม่พูดว่าเด็กโกงสักคำ !!!
พร้อมกับเปิดเผยว่า มีคนถามผมว่า ถ้าจำเลยซึ่งอยู่ต่างประเทศยังโอหัง และยังด่าผมต่อไป จะทำยังไง ? ก็ไม่ยังไงครับ ถ้าไม่หยุดด่า ผมก็ไม่หยุดฟ้องดำเนินคดี ต่อให้ฟ้าสีทองผ่องอำไพ เขาก็จะได้กำไรจากคดีที่ผมฟ้องเป็นชนักติดหลังไปตลอด ผมเฉยๆนะ ผมไม่เหนื่อย ผมเกษียณแล้ว ดีเสียอีกจะได้มีอะไรทำสนุกๆ ส่วนพวกติ่งลูกเพจ อยากร่วมสนุกด้วยก็ยินดีครับ
และมีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อว่า ต้นสังกัดที่ญี่ปุ่นเขาปกป้องกันครับ เพราะเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯนายใหญ่ เขาคงไม่กล้าทำอะไร เขาก็เลี้ยงมันเอาไว้เป็นหุ่นเชิดบ่อนทำลายประเทศไทยต่อไป จนกว่ามันจะหมดประโยชน์นั่นแหละ ถึงจะถูกถีบหัวส่ง
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน THE TRUTH โพสต์ประเด็น ตะลึงทั้งประเทศ!ทนาย3นิ้วโยงศาลไม่ให้ประกัน4แกนนำ เปรียบจับแพะคดีเชอรี่แอน
โดยระบุ จากที่ ศาลอาญา มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวทั้งเพนกวิน พริษฐ์-อานนท์ นำภา-ไมค์ ภาณุพงศ์-ไผ่ จตุภัทร โดยศาลเห็นว่ายังมีเหตุอันควรเชื่อว่าถ้าปล่อยตัวไป ทั้งหมดจะไปกระทำในลักษณะเดิมซ้ำอีก ยังไม่มีข้อเท็จจริงที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมนั้น
นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า คณะผู้พิพากษาศาลอาญาประชุมลงมติกันไม่ให้ประกันตัวทั้ง 4 คน ส่วนแนวทางสู้คดีจากนี้มี 3 แนวทางคือยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว, การยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวอีกครั้ง และสุดท้ายคือ ไม่ต้องยื่นประกันตัวเลยซึ่งให้ผู้ต้องหาทั้ง 4 คนและครอบครัวปรึกษาแนวทางร่วมกัน
ทั้งนี้ นายกฤษฎางค์ ยังกล่าวอีกว่า โดยส่วนตัวในฐานะทนายความคิดว่า โอกาสจะได้การรับประกันตัวยากมาก แต่ละคนมีโทษหลายคดีต้อง หากไม่ได้รับการประกันตัวต้องถูกจองจำระหว่างต่อสู้คดีอย่างน้อย 3 ปี โดยเทียบกับคดีชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมัน เมื่อปลายปี 2563 ศาลอาญากรุงเทพฯใต้นัดสืบพยานนัดแรกปี 2566 ซึ่งถือว่ายาวนานมาก ซึ่งตนต่อสู้คดีอย่างเต็มที่แล้ว หลังมีคำสั่งมาให้ประกันญาติของแกนนำราษฎรหรือ ‘ราษมัม’ ก็ร้องไห้ด้วยความผิดหวังและเสียใจและตนเองก็ไม่รู้จะปลอบอย่างไรด้วย
อย่างไรก็ตาม นายกฤษฎา กล่าวยืนยันว่า ผู้ต้องหาคดีอาญาทุกคนควรได้รับการประกันตัว ตามรัฐธรรมนูญและหลักกฎหมายที่ต้องถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นคดีร้ายแรงหรือโดนกี่คดีก็ตาม ขณะที่มีความเห็นต่างระหว่างฝ่ายอัยการกับฝ่ายทนายความจำเลย โดยฝ่ายอัยการ เห็นว่าคดีมีความร้ายแรง จึงคัดค้านการปล่อยตัวและศาลก็เห็นตาม
“ในส่วนนี้อัยการซึ่งเป็นทนายแผ่นดินควรทบทวนหลักคิดและการทำหน้าที่ของตัวเองเกี่ยวกับหลักการ สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์เมื่อยังไม่มีคำตัดสินถึงที่สุดว่ามีความผิดตามที่ถูกกล่าวหาด้วย ที่สำคัญ คดีนี้ ตนยืนยันกับผู้เกี่ยวข้องและผู้บริหารศาลอาญาหลายครั้งว่า เป็นคดีการเมือง ซึ่งราษฎรขัดแย้งกับผู้มีอำนาจรัฐ ดังนั้น รัฐบาลย่อมไม่พอใจและเอาผิดข้อหาร้ายแรง” นายกฤษฎางค์ กล่าว
นอกจากนี้ นายกฤษฎางค์ ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า สังคมก็รับรู้ว่าตำรวจในชั้นพนักงานสอบสวนมีมาตรฐานขนาดไหน ใช้ถุงดำคลุมหัวเพื่อบังคับให้ผู้ถูกกล่าวหารับสารภาพก็ทำได้ มีหลายคดีทำส่งอัยการฟ้อง และทำให้ผู้ถูกกล่าวหาต้องติดคุกหลายปี เนื่องจากไม่ได้ประกันตัวระหว่างต่อสู้หรือพิจารณาคดี ก่อนที่ศาลจะยกฟ้องคดีในที่สุด อย่างเช่นคดี “เชอรี่แอน” ที่เป็นเรื่องอื้อฉาวกรณีจับแพะ
กระนั้นทีมข่าวเดอะทรูธ มีความกังวลว่าการไปลากเอาคดีจับแพะเชอรี่แอน ของทนายกลุ่มสามนิ้ว อาจทำให้สังคมสับสนและรับรู้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน เพราะคดีดังกล่าว แตกต่างกับคดีที่แกนนำม็อบถูกสั่งฟ้องราวฟ้ากับเหว เรียกว่าเป็นคนละเรื่อง นั่นเพราะแกนนำแต่ละคนถูกดำเนินคดีเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีตามความผิดมาตรา 112 ที่แกนนำได้รับการปล่อยตัว ทางศาลให้ประกันไปหลายครั้งด้วยเงื่อนไข แต่เมื่อปล่อยออกไปก็ปรากฏตามที่สารธารณชนได้รับทราบคือ แกนนำรวมทั้งแนวร่วมบางคนยังทำผิดความในทำนองเดียวกันอีกซ้ำๆ หลายครั้ง
อีกทั้งทางเจ้าหน้าที่ยังมีพยานหลักฐานเป็นคลิปที่มัดแน่นด้วย ซึ่งยืนยันได้ว่าบรรดาแกนนำและแนวร่วมกลุ่มสามนิ้วไม่ใช่แพะอย่างแน่นอน...
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ การทำผิดคดีอาญาของขบวนการ 3 นิ้ว โดยเฉพาะคดี ป.อาญา ม.112 (หมิ่นสถาบันฯ) ซึ่งไม่มีทางบิดเบือนได้อยู่แล้ว และกรณีที่ ดร.อานนท์ ยกมาให้เห็นก็ผิด ม.112 ชัดเจน
แต่ปรากฏว่า ยังมีนักกฎหมายฝ่าย 3 นิ้ว ที่พยายามบิดเบือน เพื่อช่วยพวก 3 กีบ ว่า เป็นคดีการเมือง พวกเขาพยายาม ที่จะอ้างการต่อสู้ทางการเมือง มาหักล้างคดี ม.112 ทั้งที่เป็นคนละส่วนกัน กล่าวคือ การเรียกร้องทางการเมือง ก็เป็นส่วนหนึ่ง การทำผิด ม.112 ก็อีกส่วน ดังนั้น แม้เป็นคนคนเดียวกันทำผิด ก็ต้องแยกแยะให้ออก ว่าผิดคดีการเมือง หรือ ผิดคดีอาญา?
ประเด็นก็คือ ใช่ว่าพวกสามกีบไม่รู้กฎหมาย หรือ ตีความกฎหมายไม่ได้ แต่พวกเขาจงใจที่จะไม่ยอมรับกฎหมาย ภายใต้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่พวกเขาต่อต้าน ทั้งที่คนไทยทั้งประเทศ ยอมรับ เพราะมาจากรัฐบาลเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ผ่านประชามติเรียบร้อยแล้ว จึงไม่ใช่รัฐบาลเถื่อนที่ไหน
แล้วถ้าสู้กันอย่างนี้ ก็มีแต่จะติดคุกหัวโต เพราะสู้ด้วยการทำผิด และกฎหมายก็คือ กฎหมาย ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย หรือว่า ขบวนการสามกีบ เป็น “อภิสิทธิ์ชน” อยู่เหนือกฎหมาย?