ศาลแพ่งใต้นัดพร้อมเพื่อสืบพยานคดี “ฤทธิรงค์” ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 20 ล้าน เหตุถูกตำรวจปราจีนบุรี ซ้อมทรมาน เมื่อ 12 ปีก่อน เจ้าตัวเผย ยังหวาดกลัว หลังเห็นคลิปข่าว “ผกก.โจ้”
วันนี้ (21 ธ.ค.) ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ นัดพร้อมเพื่อกำหนดวันนัดสืบพยาน ในคดีหมายเลขดำ พ 949/2560 ที่ นายฤทธิรงค์ ชื่นจิตร ผู้เสียหายจากการซ้อมทรมาน ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย จำนวน 20,800,000 บาท กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กรณีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี ทำร้ายทรมานร่างกาย เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2552 เพื่อบังคับให้รับสารภาพในคดีวิ่งราวทรัพย์หญิงคนหนึ่งในพื้นที่ ซึ่ง นายฤทธิรงค์ ไม่ได้เป็นผู้กระทำ
นายสมศักดิ์ ชื่นจิตร บิดา กล่าวว่า ที่ผ่านมา เรียกร้องความเป็นธรรมให้บุตรชายด้วยความยากลำบาก แม้มีความกลัวซึ่งเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะเกี่ยวกับคดีตำรวจซ้อมทรมานประชาชน นอกจากตนจะเชื่อมั่นว่าสังคมจะมีความยุติธรรมแล้ว เบื้องต้นเชื่อในคำพูดและความบริสุทธิ์ของบุตรชายตน และต้องการพิสูจน์ว่าไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาแต่ถูกตำรวจซ้อมทรมานเพื่อบังคับให้รับสารภาพ จนคดีถึงที่สุดแล้ว
แม้วันนี้ประสบความสำเร็จบางส่วน แต่ยังมีคดีความอีกมากที่เกี่ยวเนื่องกันทั้งคดีที่ผู้ถูกวิ่งราวทรัพย์ชี้ตัวบุตรชายตนและคดีความเกี่ยวกับพยานเท็จ ซึ่งนอกจากให้คดีการจับแพะและซ้อมทรมานเป็นตัวอย่างแก่สังคมแล้ว ยังต้องการให้จัดการ “ระบบการว่าจ้างพยานเท็จ” ด้วย
ด้าน นายฤทธิรงค์ ได้เล่าเหตุการณ์ที่ถูกตำรวจซ้อมทรมานเพื่อบังคับให้สารภาพ พร้อมยืนยันว่า หลังเหตุการณ์ตนใช้ชีวิตด้วยความทุกข์ทรมานและต้องป่วยโรคจิตเวช คือ หวาดกลัวสังคม ซึ่งต้องรักษาต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และอาการกำเริบอีกครั้ง เมื่อได้เห็นคลิป "ผู้กำกับโจ้คลุมถุงดำ" ซ้อมทรมานผู้ต้องหาเมื่อไม่นานมานี้
นายปรีดา นาคผิว ทนายความ กล่าวว่า ต้องการให้คดีนี้เป็นบรรทัดฐานทางสังคม ว่า ไม่ควรมีการซ้อมทรมานโดยเฉพาะตำรวจที่เป็นผู้รักษากฎหมาย ไม่ควรเป็นอาชญากรเอง จึงถือว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก ซึ่งคดีหรือกรณีลักษณะนี้มีจำนวนมาก ส่วนค่าเสียหายที่เรียกไป 20 กว่าล้านบาท แล้วแต่ศาลจะพิจารณา แต่ข้อเท็จจริงปรากฏชัดแล้วว่า ตำรวจได้ซ้อมทรมานจริง หลังคำพิพากษาศาลอาญาถึงที่สุด
พร้อมกันนี้ เรียกร้องให้ช่วยกันผลักดันกฎหมายป้องกันการซ้อมทรมานและบังคับให้สูญหาย ที่จะมีกลไก ทั้งการป้องกัน, ปราบปรามและฟื้นฟูเยียวยา ซึ่งกำลังอยู่ในการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรขณะนี้
โดยคดีทางอาญา เมื่อปี 2562 มีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ลงโทษจำคุก ตำรวจปราจีนบุรีที่ซ้อมทรมานนายฤทธิรงค์ 1 ปี 4 เดือน แต่ให้รอลงอาญา ซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว ดังนั้น ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ จึงนำคดีกลับสู่การพิจารณาอีกครั้งหลังจากจำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว