สำนักงานอัยการสูงสุดเผยแพร่ข่าวคำตัดสินศาลฎีกา ตัดสินคดีนายเปรมชัย กรรณสูต กับพวก คดีล่าเสือดำ พร้อมชดใช้ค่าเสียหาย 2 ล้านบาท หลังมีการต่อสู้คดีกันมาอย่างยาวนานเกือบ 3 ปีเต็ม
จากกรณี นายวิเชียร ชิณวงษ์ อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก นำกำลังเข้าจับกุม นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกรวม 4 คน ขณะเข้าไปล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ท้องที่ ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พร้อมยึดของกลาง ประกอบด้วย ซากเสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา เก้ง พร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก เหตุเกิดระหว่างวันที่ 4-6 ก.พ. 2561 ล่าสุดวันนี้ (8 ธ.ค.) ศาลจังหวัดทองผาภูมิได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา สั่งจำคุกนายเปรมชัย กรรณสูต โดยแก้โทษจาก 2 ปี 14 เดือน ที่ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาไว้ เหลือ 2 ปี 14 เดือน ไม่รอลงอาญา ชดใช้เงิน 2 ล้านบาท ทำให้นายเปรมชัยถูกนำตัวเข้าเรือนจำทันที ส่วนจำเลยที่ 2 นายยงค์ โดดเครือ (คนขับรถ) จำคุก 2 ปี 9 เดือน จำเลยที่ 3 นางนที เรียมแสน (แม่ครัว) จำคุก 1 ปี 8 เดือน รอลงอาญา 2 ปี (ไม่ได้ฎีกา) จำเลยที่ 4 นายธานี ทุมมาศ (นายพราน) จำคุก 2 ปี 13 เดือน จำเลยที่ 1-3 ได้ลด 8 เดือน จาก พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าที่แก้ไขใหม่เมื่อปี 2562
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (8 ธ.ค.) ล่าสุดสำนักงานอัยการสูงสุดเผยแพร่ข่าวคำตัดสินศาลฎีกาตัดสินคดีนายเปรมชัย กรรณสูต จำเลย กับพวก (คดีเสือดำ) โดยระบุว่า
"คดีนี้เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2561 อัยการจังหวัดทองผาภูมิได้ยื่นฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1, นายยงค์ โดดเครือ คนขับรถ จำเลยที่ 2, นางนที เรียมแสน จำเลยที่ 3, และนายธานี ทุมมาศ พรานป่า จำเลยที่ 4 ในข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) โดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาอื่นๆ อีกหลายข้อหา ซึ่งต่อมา วันที่ 19 มี.ค. 2562 ศาลจังหวัดทองผาภูมิ พิพากษาจำคุกนายเปรมชัย 16 เดือน, นายยงค์ จำคุก 13 เดือน, นางนที จำคุก 4 เดือน และปรับ 10,000 บาท รอการลงโทษ 2 ปี, และนายธานี จำคุก 2 ปี 17 เดือน
โดยยกฟ้องจำเลยบางข้อหา โดยเฉพาะนายเปรมชัย ศาลยกฟ้องในข้อหาร่วมกันเก็บของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) แต่ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนในข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) แทน
ต่อมาวันที่ 24 พ.ค. 2562 อธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7 ได้ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามฟ้องของพนักงานอัยการโจทก์ทุกข้อหา และต่อมาวันที่ 12 ธ.ค. 2562 ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ได้มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยทุกคน ตามที่พนักงานอัยการศาลสูงภาค 7 ยื่นอุทธรณ์ โดยจำคุกนายเปรมชัย 2 ปี 14 เดือน, จำคุกนายยงค์ 2 ปี 17 เดือน, จำคุกนางนที 1 ปี 8 เดือน รอการลงโทษให้ตามศาลชั้นต้น, และจำคุกนายธานี 2 ปี 21 เดือน
หลังจากศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำพิพากษาลงโทษจำเลยทุกคน ตามที่พนักงานอัยการได้ยื่นอุทธรณ์แล้ว อธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7 จึงมีคำสั่งไม่ฎีกา ครั้งต่อมาวันที่ 31 มี.ค. 2563 จำเลย 3 ราย ได้แก่ นายเปรมชัย, นายยงค์, และนายธานี ได้ยื่นฎีกาต่อศาลฎีกา และอธิบดีอัยการศาลสูงภาค 7 ได้แก้ฎีกาเรียบร้อยแล้ว
คดีนี้ศาลฎีกาได้พิจารณาแล้ว ได้มีคำพิพากษาวันนี้ (8 ธ.ค.) ดังนี้ ฎีกาของจำเลยทั้ง 3 ฟังไม่ขึ้น และไม่มีเหตุรอการลงโทษ แต่ต่อมาได้มีการแก้ไข พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 โดย พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า แก้ไขเพิ่มเติม ปี พ.ศ. 2562 ให้ยกเลิกมาตรา 55 การกระทำของจำเลยทั้ง 3 จึงไม่มีความผิดในส่วนนี้ ตาม ป.อาญา มาตรา 2 คงจำคุกจำเลยที่ 1 จำคุก 2 ปี 6 เดือน, จำเลยที่ 2 คงจำคุก 2 ปี 9 เดือน, จำเลยที่ 4 คงจำคุก 2 ปี 13 เดือน
ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 2 ล้านบาท ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ แต่ให้ปรับแก้ไขดอกเบี้ยให้เป็นไปตามกฎหมายใหม่"