ปล่อยได้ไง? “อัษฎางค์” ซัด คณะก้าวหน้า ปลุกปั่น “ปชช.” ปฏิวัติ คล้ายยุคคอมมิวนิสต์ ส่อชักพาสู่ “สังคมนิยม” จับพิรุธ “ปิยบุตร” เห็นธาตุแท้ กล้าบิดเบือนให้ร้ายสถาบันฯ แต่ลดโทษนักการเมืองคดีจำนำข้าว กลับรูดซิปปาก
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (13 ธ.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น ชำแหละยับ โรงเรียนคณะก้าวหน้า ปลุกปั่นประชาชนให้ลุกขึ้นปฏิวัติ มีเนื้อหาบิดเบือน
โดยระบุว่า หลายคนอาจจะพอรู้จัก Common school ซึ่งจัดสร้างขึ้นโดย คณะก้าวหน้า ซึ่ง นายปิยบุตร แสงกนกกุล เคยพูดก่อนมีโรงเรียน ว่า จะทำหลักสูตรประวัติศาสตร์นอกขนบ ทั้งยังดักทางว่า ไม่ใช่โรงเรียนปั้นนักการเมือง แต่ต้องการชวนให้เกิดการตั้งคำถามประวัติศาสตร์กระแสหลักที่เป็นอุดมการณ์รับใช้รัฐ
อย่างไรก็ตาม Common school ซึ่งจัดสร้างขึ้นโดย คณะก้าวหน้านี้ค่อนข้างชัดเจนว่า เป็นการสอนใจเชิงมุมมองของกลุ่มหนุนการชุมนุม ทำให้หลายๆคนต่างจับจ้องว่า รูปแบบการสอนจะเป็นภัยต่อความมั่งคงหรือไม่
ล่าสุด นายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค” ระบุว่า
“สังคมนิยมประชาธิปไตย
คือสังคมนิยม ไม่ใช่ประชาธิปไตย
สังคมนิยม คือระบอบการปกครองที่สังคมเป็นใหญ่ ไม่ใช่ประชาชนเป็นใหญ่
“รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยให้ Common school โลงเลียนของคณะก้าวหน้า ปลุกปั่นประชาชนให้ลุกขึ้นปฏิวัติ”
……………………
บทความของ Common school โลงเลียนของคณะก้าวหน้า ที่ปลุกปั่นประชาชนให้ลุกขึ้นปฏิวัติ มีเนื้อหาที่บิดเบือนประชาธิปไตยดังนี้
นักสังคมนิยมประชาธิปไตยต้องผูกโยงตัวเองเข้ากับการต่อสู้ของชนชั้นล่าง
(นี่คือกลยุทธ์ของสังคมนิยมคอมมิวนิสต์เคยใช้มาแล้ว)
ในประวัติศาสตร์อันยาวนาน ในช่วงยุคสมัยก่อนหน้านี้บรรดากษัตริย์และลัทธิศาสนาถือว่าเป็นผู้ครองอำนาจในการปกครองเหนืออาณาประชาราษฎร์
(นี่คือกลยุทธ์ของสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ที่มุ่งโจมตีและทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์และศาสนา)
ขณะที่ต่อมาเมื่อพูดถึงการกำเนิดขึ้นของระบบทุนนิยมนั้น ห่วงโซ่ของระบบสังคมแบบระบอบศักดินาก็แตกสลายลง
(นี่คือกลยุทธ์ของสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ที่มุ่งโจมตีระบบทุนนิยม)
คำถามต่อระบบแบบเดิมว่า “ถ้าหากมนุษย์ทั้งหลายนั้นต่างเกิดมาเท่าเทียมกัน แล้วอะไรคือสิ่งที่มอบสิทธิ์ให้คนกลุ่มหนึ่งนั้นมีอำนาจปกครองเหนือกว่าผู้อื่น? เหตุใดบรรดาชนชั้นนายทุนนั้นจึงมีอำนาจในการปกครองราวกับเป็นพระเจ้า?”
(นี่คือกลยุทธ์ของสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ที่โจมตีและต่อต้านนายทุน และหยอดคำหวานว่าจะทำให้ทุกคนเท่าเทียมกัน)
บรรดาผู้ที่ถือครองอำนาจเอาไว้ในมือนั้นย่อมไม่ต้องการที่จะถูกแย่งชิงเอาอำนาจของตนเองไป การพยายามจะสร้างการเปลี่ยนผ่านไปสู่การกระจายอำนาจอย่างเท่าเทียมกันของมนุษย์ทั้งมวลนั้นย่อมจะกระตุ้นให้เกิดการตอบโต้กลับอย่างรุนแรงจากกลุ่มผู้ปกครองที่ไม่ต้องการสูญเสียอำนาจ
(นี่คือกลยุทธ์ของสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ที่โจมตี บิดเบือนและสร้างภาพให้ผู้ปกครองเป็นตัวร้าย)
หากแต่ว่าการหลบเลี่ยงการเผชิญหน้ากับความขัดแย้งเหล่านี้นั้น ก็เท่ากับการยอมรับระเบียบทางสังคมที่ยังคงเต็มไปด้วยความสัมพันธ์ทางสังคมแบบเจ้านาย-ทาส เราต้องไม่ยอมรับต่อระเบียบทางสังคมเหล่านี้ เราต้องเชื่อมั่นเสมอว่ายังคงมีความหวังอยู่
(นี่คือกลยุทธ์ของสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ที่ปลุกปั้นในประชาชนลุกฮือขึ้นปฏิวัติ)
เนื้อหาข้างบนนี้ปรากฏอยู่ในบทความของ commoschool
ซึ่งการอ้างด้วยคำว่า สังคมนิยมประชาธิปไตย
ทั้งที่ความจริงมันเป็นสังคมนิยมประชาธิปไตยที่จำแลงมาจากสังคมนิยมคอมมิวนิสต์
ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มคนที่แสดงท่าทีรังเกียจแต่ต่อต้านการปฏิวัติและรัฐประหาร ทั้งที่ตนเองและพรรคพวกกลับบ้าคลั่งการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง
………………………
สังคมนิยมประชาธิปไตย คือสังคมนิยม ไม่ใช่ประชาธิปไตย
คำว่า สังคมนิยมประชาธิปไตย ความจริงก็คือหลักการของระบอบสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์ ไม่ใช่ประชาธิปไตยอย่างที่เอามาหลอกกัน การที่เอาคำว่าประชาธิปไตยมาเสียบเอาไว้ในสังคมนิยมเพื่อเอาไว้หลอกคนเท่านั้น
เหมือนประเทศสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ดังต่อไปนี้ที่ตั้งชื่อประเทศว่า
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
(Lao People’s Democratic Republic)
สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
(Socialist Republic of Vietnam)
สาธารณรัฐประชาชนจีน
People’s Republic of China
ประเทศที่ปกครองในระบอบสังคมนิยม คือ ประเทศที่ยกประชาชนเป็นข้ออ้าง แล้วเอาคำว่าประชาธิปไตยมาเป็นหน้ากาก ปิดบังความเป็นสามกีบ อ้างว่าเรียกร้องประชาธิปไตยและต่อต้านเผด็จการ และหลอกเด็กเรื่อง สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค ด้วยคำว่า “สังคมนิยมประชาธิปไตย” สังคมนิยม คือ ระบอบการปกครองที่สังคมเป็นใหญ่ ไม่ใช่ประชาชนเป็นใหญ่
ซึ่งในที่สุดเรื่องสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลที่เอามาโฆษณาชวนเชื่อคือเรื่องโกหกที่ไม่เคยเกิดขึ้นในคะบอบสังคมนิยม
………………………..
สังคมนิยม หรือ Socialism
คือ รูปแบบเศรษฐกิจ ที่ทุกคนในสังคมเป็นเจ้าของปัจจัยในการผลิต โดยมีส่วนกลางหรือรัฐบาลจะเป็นคนวางแผนเศรษฐกิจ และรัฐบาลจะเข้ามาควบคุมกิจการที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภค หรือที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของของประชาชน
ระบบสังคมนิยม เป็นระบบเศรษฐกิจที่ทุกคนจะเป็นเจ้าของกิจการร่วมกัน
ประเทศที่เป็นระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมได้แก่ เวียดนาม ลาว เกาหลีเหนือและจีนในอดีต
รูปแบบการปกครองแบบนี้หรือที่สามกีบต้องการ?
………………………..
ระบบทุนนิยม หรือ Capitalism
เป็นระบบที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้ และทุกคนก็สามารถจ้างพนักงานได้ หรือถ้าจะพูดอีกแบบนึงก็คือขอให้เรามีเงิน เราก็จะมีโอกาสเสมอ … ในสังคมและระบบแบบนี้ ทุกคนมีโอกาส
ประเทศที่เป็นระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ เยอรมัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และ ไทย เป็นต้น
ตกลงสามกีบและก้าวหน้า ก้าวไกล ต้องการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นเหมือน เวียดนาม ลาว เกาหลีเหนือและจีนในอดีต อย่างนั้นหรือ?
………………………..
ประเทศจีน
ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ และเคยใช้ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมตามแบบสหภาพโซเวียตมาหลายทศวรรษ ก่อนจะพบความจริงว่า ในทางปฏิบัติ ระบบสังคมนิยมไม่ได้ทำให้ประชาชนมีความเท่าเทียมกัน และไม่สามารถทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีได้อย่างที่ทฤษฎีเขียนไว้
ซึ่งหลังจากจีนถูกกองทัพประชาชนปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นสังคมนิยม ประเทศจีนซึ่งเคยเป็นประเทศมหาอำนาจของโลกมาหลายศตวรรษก็กลายเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกประเทศหนึ่งเมื่อศตวรรษที่ผ่านมา
แต่หลังจีนเปลี่ยนแปลงจากระบบสังคมนิยมเป็นทุนนิยม จีนก็ค่อยๆ เจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างรวดเร็ว จนปัจจุบันจีนกลายมาเป็นประเทศมหาอำนาจทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง การทหาร อันดับที่ 2 ของโลก แซงหน้า อังกฤษ เยอรมัน และญี่ปุ่น และกำลังจะแซงหน้าสหรัฐอเมริกามาเป็นที่ 1 อีกไม่นานข้างหน้านี้
ปัจจุบันจีนเป็นเจ้าหนี้อันดับ 1 ของสหรัฐอเมริกา
…………………………
ขนาดยักษ์ใหญ่อย่างจีน ซึ่งได้พิสูจน์ด้วยการเปลี่ยนประเทศเป็นสังคมนิยมแล้ว ยังพบความจริงว่าประเทศล้มจม ประชาชนอดอยากปากแห้ง ความเสมอภาคที่ว่าไม่เกิดขึ้นจริง มีแต่ความอดอยากยากจนโดยเสมอภาคกันเท่านั้น ไม่เคยมีความร่ำรวยอยู่ดีมีสุขอย่างเสมอภาคกัน
หรือแม้แต่สหภาพโซเวียตที่มีเทคโนโลยีก้าวล้ำที่สุดในโลก เคยก้าวหน้ามากกว่าสหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียตซึ่งเป็นประเทศต้นแบบสังคมนิยม ก็ล้มสลายลงไปนานแล้ว ปัจจุบันก็กลายเป็นประเทศรัสเซียที่เป็นประชาธิปไตยแบบทุนนิยม
แล้วคุณประชาชนคนไทย จะคล้อยตามปิยะบูด ธนาธร สามกีบซึ่งวาดหวังจะนำพาประเทศให้เปลี่ยนแปลงจากประชาธิปไตยแบบทุนนิยมไปสู่ความเป็นสังคมนิยม เพื่อก้าวตามความหายนะที่มีตัวอย่างให้เห็นแล้วอย่างนั้นหรือ?
………………………….
Common School โลงเลียนสำหรับการเบิกเนตรหรือถูกแหกตาจนตาแหก
โลง คือ หีบสำหรับบรรจุศพ.
เลียน คือ เอาอย่าง, ตามอย่าง, ทำให้เหมือน
โลงเลียน คือ เลียนแบบให้มีจุดจบในโลงศพ
Common คือ ทั่วไป
Common School โลงเลียนของคณะก้าวหน้าที่เลียนแบบให้มีจุดจบในโลงศพ
………………………….
ผมแปลกใจเหลือเกิน
สมัยก่อนนู้น ในยุคที่จีนมีเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม รัฐบาลไทยในยุคนู้นสั่งปิดโรงเรียนที่สอนเป็นภาษาจีนทั้งหมด เพื่อไม่ให้มีการสั่งสอนปลุกระดมในเรื่องสังคมนิยม
แต่สมัยนี้ รัฐบาลพลังประชารัฐของลุงตู กลับปล่อยปละละเลยให้มีกลุ่มคนสั่งสอนเรื่องผิดๆ บิดเบือนและปลุกระดมคนให้ลุกขึ้นปฏิวัติเปลี่ยนแปลงประเทศให้ประเทศเป็นสังคมนิยม โดยที่เจ้าหน้าที่รัฐและรัฐบาลไม่สนใจเลย หรือสนใจและพยายามต่อสู้แบบเงียบๆ และเงียบจนทุกอย่างเกือบจะสายไปแล้ว
ประเทศจะล้มจมหรือถูกปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองได้สำเร็จ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกกบฏเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับผู้ปกครองที่อ่อนด้อยอีกด้วย
ถ้ายังคงเป็นแบบนี้ต่อไป อีกไม่นานเกินรอ คงทันเห็น”สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยไทย” ที่มีประธานาธิบดีชื่อทักษิณ นายกรัฐบาลชื่อธนาธร และประธานสภาชื่อปิยบุตร
และโลกจะจารึกเอาไว้ว่า ท่านผู้มีอำนาจปกครองในปัจจุบันทั้งหลายคือผู้มีส่วนที่ทำให้ราชอาณาจักรไทยล้มสลาย”
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น จับพิรุธ “ปิยบุตร” กล้าบิดเบือนให้ร้ายสถาบันฯ แต่ปมอภัยโทษจำนำข้าว กลับรูดซิปปากเงียบ!?
เนื้อหาระบุว่า ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งข้อสังเกต ถึงการพาดพิงให้ร้ายสถาบันฯ ของนายปิยบุตร ที่พยายามอยากจะเรียกร้อง หมิ่นเหม่ จี้ให้มีการล้มล้างฯ และอ้างว่าปฏิรูป แต่แท้จริงไม่ได้ย้อนดู ว่า นักการเมืองคือตัวการปัญหา ดังเช่นการแทรกแซงให้พระราชอำนาจอันพึงมีของพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย นำไปสู่การพระราชทานอภัยโทษ และนำมาซึ่งการลดโทษอย่างรวดเร็วจนดูไม่เป็นธรรม
ดร.นิว ระบุว่า เรื่อง “การเมืองกระแสต่ำของ ปิยบุตร แสงกนกกุล” ระบุว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยถูกลดทอนบทบาทและพระราชอำนาจอันพึงมีของพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย แล้วถูกเบียดบังนำไปใช้โดยฝ่ายการเมืองที่ฉ้อฉลนับตั้งแต่ พ.ศ. 2475 จนถึงวินาทีนี้ เราจึงได้เห็นการพระราชทานอภัยโทษที่นำมาซึ่งการลดโทษอย่างรวดเร็วจนดูไม่เป็นธรรม ทั้งๆ ที่เป็นกรณีของนักโทษการเมืองฉ้อราษฎร์บังหลวงครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ชาติไทย
ข้อเสนอทั้งหลายเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ของปิยบุตร แสงกนกกุล จึงเป็นความเห็นผิด ที่เพ้อฝัน เพ้อเจ้อและเหลวไหล เป็นเพียงการเมืองกระแสต่ำที่ใช้การบิดเบือนให้ร้ายซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริงในการเคลื่อนไหว หลอกใช้ผู้อื่นให้ทำผิดติดคุกติดตะรางแทนตัวเอง ตลอดจนปลุกเร้าให้ลุกขึ้นสู้ด้วยการใช้ความรุนแรงที่ล้าหลังและป่าเถื่อน เลียนแบบการปฏิวัติล้มล้างการปกครองที่ตัวปิยบุตรเองหมกมุ่นเสียจนจมปลักดักดาน
แม้ว่าปิยบุตรจะแอบอ้างประชาธิปไตย แต่ปิยบุตรกลับเงียบต่อการแทรกแซงและเบียดบังพระราชอำนาจไปใช้โดยฝ่ายการเมือง แสดงให้เห็นว่าที่ปิยบุตรไม่ได้มีเจตนาอันดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อีกทั้งเพิกเฉยต่อประโยชน์สุขของปวงชนและความเป็นธรรมของสังคม โดยที่ปิยบุตรไม่เคยชี้ให้เห็นว่านักการเมืองต่างหากที่เป็นเผด็จการตัวจริงและเป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดในระบอบปกครองปัจจุบัน ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด
ถ้าอยากประเมินว่าการเมืองกระแสต่ำของปิยบุตรนั้นต่ำมากแค่ไหน ก็ลองพิจารณาจากการบิดเบือนให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนการแอบอ้างประชาชนในการนำเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นโดยตัวปิยบุตรเอง ซึ่งยิ่งลดทอนบทบาทและพระราชอำนาจอันพึงมีของพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย แล้วกลับเพิ่มอำนาจอันมหาศาลให้กับนักการเมืองที่ฉ้อฉลอยู่แล้ว ให้กลายเป็นเผด็จการที่เป็นเผด็จการเสียยิ่งกว่าเดิม มีเพียงแต่ฝ่ายเผด็จการและกบฏเท่านั้นที่เห็นสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเป็นศัตรู เพราะฝ่ายประชาธิปไตยตัวจริงจะเห็นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเป็นความหวังของอนาคต ทรงวางรากฐานของชาติและระบอบประชาธิปไตยมาตั้งแต่ต้น เป็นผู้ถือดุลอำนาจการปกครองของปวงชน เพื่อถ่วงดุลอำนาจกับนักการเมืองฉ้อฉล และรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของชาติและประชาชน
แต่ทุกวันนี้สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยไม่ได้มีพระราชอำนาจดังกล่าว เว้นแต่ปวงชนชาวไทยจะเรียกร้องด้วยเสียงอันแท้จริงของประชาชน ปลุกพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ เพื่อกำราบนักการเมืองเผด็จการที่ฉ้อฉล และทำอำนาจอธิปไตยให้เป็นของปวงชนอย่างแท้จริง เพื่อเปลี่ยนผ่านยุคสมัยไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้องและเป็นธรรม #พระมหากษัตริย์ไทยคือผู้สร้างประชาธิปไตยตัวจริง
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ ยุทธศาสตร์ทางการเมืองของคณะก้าวหน้า โดยการนำของ นายธนาธร และนายปิยบุตร ที่มีความชัดเจน ว่าต้องการ “ปฏิรูปสถาบัน” ซึ่งหลายฝ่าย วิเคราะห์ว่า มันเป็น ข้ออ้าง แต่แท้จริงแล้ว อาจต้องการ “ปฏิวัติ” อย่างที่ นายปิยบุตร ก็เคยพูดเอาไว้หลายครั้ง ทำนอง “ปฏิรูปแบบปฏิวัติ” ซึ่งถือว่า ชัดเจนในเป้าหมายการต่อสู้ และแม้แต่พรรคก้าวไกล ซึ่งเคยสังกัดอดีตพรรคอนาคตใหม่ ของ ธนาธร-ปิยบุตร ก็ต่อสู้ในยุทธศาสตร์เดียวกัน
เมื่อชัดเจนอย่างนี้แล้ว ก็แทบไม่ต้องสงสัยว่า ยุทธวิธีแต่ละอย่างที่ตามมา ล้วนแล้วแต่เพื่อให้สำเร็จตามเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็น การสนับสนุนการชุมนุมของ ม็อบ 3 นิ้ว ซึ่งแม้พฤติกรรมของม็อบจะก้าวร้าวรุนแรง หรือทำผิดกฎหมายอย่างไร ก็ไม่เป็นประเด็นให้ ธนาธร-ปิยบุตร ติติง ตักเตือน หรือแสดงความไม่เห็นด้วย ตรงข้ามกลับยุยงส่งเสริมปลุกเร้า ถือหาง ปกป้อง จนม็อบได้ใจ และถูกมองว่า เป็นอีแอบอยู่เบื้องหลัง
สิ่งที่เกิดขึ้นกับม็อบ ก็ไม่ต่างอะไรกับ ประเด็นที่สังคมกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างร้อนแรง กรณีลดโทษคดีทุจริตร้ายแรง โดยเฉพาะ คดีทุจริตจำนำข้าว ที่จะทำให้คนทำผิดรับโทษจริงไม่กี่ปี ก็ได้ออกมาแล้ว และบางคนพ้นโทษออกมาแล้วด้วยซ้ำ แม้ว่าจะสร้างความเสียหายให่กับประเทศอย่างมหาศาล
แต่ปรากฏว่า “ปิยบุตร” และ “ธนาธร” เงียบกริบ เหมือนถูกรูดซิปปาก ถามว่า เพราะอะไร ถ้าให้วิเคราะห์ ก็อาจเนื่องมาจาก นี่ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ของ พวกเขา และไม่ใช่เป้าหมาย อีกทั้ง ถ้าสังเกตจากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ที่คณะก้าวหน้า และพรรคก้าวไกลสนับสนุน จะเห็นได้ชัดว่า อำนาจสูงสุดอยู่ที่ “รัฐสภา” ซึ่งนักการเมือง เป็นใหญ่ในแผ่นดิน
ที่บอกว่า นักการเมือง เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ก็เพราะที่มาของ ส.ส. ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีการซื้อสิทธิ-ขายเสียง มีเงินสีเทาเข้ามาสู่ระบบเลือกตั้ง มีอิทธิพลทางการเมือง มีสืบทอดทายาททางการเมือง ฯลฯ จากนั้น ก็มีตู้เอทีเอ็ม มีกล้วย เป็นลูก เป็นหวี เพื่อไต่เต้าขึ้นเป็นรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรี อย่างนี้แล้ว ยังคิดฝากความหวังเอาไว้กับพวกที่เข้ามาเล่นการเมืองเพื่อถอนทุน เพื่อธุรกิจการเมือง อยู่อีกหรือ ลองคิดดู
จึงไม่แปลกที่ “ปิยบุตร” เงียบ! ถ้าออกมาวิพากษ์วิจารณ์ตามกระแส อันนั้นถือว่า แปลก และทั้งหมดก็เห็นได้ชัดแล้วว่า การเมืองของ ธนาธร-ปิยบุตร คืออะไร ไม่ใช่เพื่อประชาชนตามที่กล่าวอ้างอย่างแน่นอน หรือว่าไม่จริง?