xs
xsm
sm
md
lg

พลังประชารัฐ ใกล้แตกหักชัดเจน !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สุชาติ ชมกลิ่น - สมศักดิ์ เทพสุทิน  - ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
เมืองไทย 360 องศา

แม้ว่ามีรายงานข่าวล่าสุดออกมา เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาว่า “กลุ่มสามมิตร” และอีกบางกลุ่ม กำลังรอจังหวะที่จะย้ายพรรคในการเลือกตั้งสมัยหน้า โดยอ้างว่า จะกลับไปรังเก่า คือ “พรรคเพื่อไทย” ก็ตาม แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่ชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะเป็นไปตามนั้น หรือไม่ หรือหากมีรายการย้ายพรรคกันจริง จะยกโขยงกันไปพรรคเพื่อไทย จริงหรือเปล่า

เพราะตามแหล่งข่าวที่อ้างอิงนั้น มาจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งรายการแบบนี้อาจเป็น “ข่าวปล่อย” ที่จงใจออกมาเพื่อให้เกิดความหวาดระแวงกันเองภายใน ในช่วงที่กำลังถูกมองว่าเริ่มเข้าสู่ภาวะ “หัวเลี้ยวหัวต่อ” ในทางการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ

นั่นคือ หากโฟกัสในแต่ละพรรค โดยเฉพาะบรรดาพรรคขนาดใหญ่ และขนาดกลาง เริ่มมีการเคลื่อนไหวในทางลับ แบบเห็นเงาหลังกันวูบวาบ ซึ่งหากเข้าใจการเมืองแบบไทยๆ ก็ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะมันเป็นมาแบบนี้กันทุกสมัย มีการย้ายเข้าย้ายออก หรือแยกไปตั้งพรรคใหม่เป็นเรื่องธรรมดา

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาในเรื่องดังกล่าว ก็ต้องเชื่อมต่อเนื่องกันไปสองสามเรื่องที่บังเอิญมาสอดคล้องกันพอดี อย่างแรกคือ ความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้กลับไปใช้บัตรเลือกตั้งสองใบ ทำให้มองและเชื่อว่า พรรคขนาดใหญ่โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยได้เปรียบ และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดพรรคการเมืองใหม่ และกลายเป็นพรรคขนาดใหญ่ในอนาคต

เริ่มจากปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐกันก่อน นาทีนี้ต้องยอมรับกันว่า ยัง “อึมครึม” ไม่มีความชัดเจนแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะจากกรณีการเคลื่อนไหว “โค่นล้ม” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใน “ศึกซักฟอก” ครั้งที่ผ่านมา ย่อมไม่มีทางสมานเป็นเนื้อเดียวกันไปได้ และเมื่อมองจากอาการของแต่ละฝ่าย มันก็ทำให้มองได้อย่างนั้นจริงๆ เพราะหากเค้นถาม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ถูกปลดพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่ยังเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ

และก็ยังไม่เคยยืนยันเลยสักครั้งว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ อีกครั้ง มีคำตอบที่ว่าทุกอย่างอยู่ที่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรคเท่านั้น

อีกทั้งในการเลือกตั้งครั้งหน้า ก็ยังไม่ชัดอีกเช่นเดียวกันว่า นอกเหนือจากพรรคพลังประชารัฐ ที่ พล.อ.ประวิตร ย้ำว่า จะให้การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ยังมีรายชื่อคนอื่น หรือไม่ ซึ่งในนั้นจะเป็นชื่อของ “ลุงป้อม” หรือไม่ และที่ผ่านมา หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวจะเห็นภาพของ ร.อ.ธรรมนัส และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ซึ่งเคลื่อนไหวร่วมกันจนถูกปลดจากเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ก็ยังคงรั้งตำแหน่งเหรัญญิกของพรรคเช่นเดิม และยังแสดงบทบาทในพรรคมากขึ้นกว่าเดิม โดยพยายามเดินสาย “เปิดตัวผู้สมัคร” ในหลายจังหวัด ในภาคอีสาน และจังหวัดชายแดนภาคใต้

แม้ว่า ที่ผ่านมา จะพยายามแสดงบทบาทในลักษณะแยกกันแบบไม่ทับซ้อน เช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ย้ำก่อนหน้านี้ ว่า เขาทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริหารในรัฐบาล ส่วนเรื่องของพรรคพลังประชารัฐ ต้องแยกออกไปเป็นหน้าที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และแม้ว่า ล่าสุด จะมีการยืนยันหนักแน่นอีกครั้งจากปากของ พล.อ.ประวิตร ว่า ไม่มีทางแยกจากกันได้กับ พล.อ.ประยุทธ์ นอกจากความตายเท่านั้น เพราะเป็นความสัมพันธ์ที่พิเศษยาวนานกว่า 40 ปี

แต่นั่นก็ยังไม่ชัวร์อยู่ดี เพราะเมื่อพิจารณาจากท่าทีของ “ลูกหาบ” รอบตัวแล้ว มันไม่มีทางเดินทางเดียวกันได้เลย เพียงแต่ว่ายังไม่ถึงเวลาเท่านั้นเอง

และนอกเหนือจากนี้หากพิจารณาถึงกลุ่มก๊วนภายในพรรคพลังประชารัฐแล้ว มีอยู่หลากหลายกลุ่ม ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มสามมิตร ที่นำโดย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายอนุชา นาคาศัย เท่านั้น เพราะยังมีกลุ่มอื่น เช่น กลุ่มตะวันออก ของ นายสุชาติ ชมกลิ่น กลุ่มภาคกลาง ของ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ภาคเหนือตอนล่าง กลุ่มเพชรบูรณ์ เป็นต้น ซึ่งจะว่าไปแล้วกลุ่มต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งอาจรวมถึงกลุ่มสามมิตรนั้น ระยะหลังมีความใกล้ชิดกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มากเป็นพิเศษ ไม่ได้เห็นร่วมกิจกรรมกับกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส ยกเว้น “กลุ่มโคราช” ของนายวิรัช รัตนเศรษฐ เท่านั้น

เมื่อมีรายงานที่อ้างว่า “กลุ่มสามมิตร” จะแยกวงออกไป หรือย้ายกลับรังเพื่อไทยนั้น ก็มองอย่างอื่นไม่ได้เลยว่าเป็นเพราะปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐนั่นเอง ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าคนที่ปล่อยมาจากข้างในเอง หรือไม่ก็มาจากฝ่ายพรรคเพื่อไทย ที่ “ได้ประโยชน์” ทั้งขึ้นทั้งล่อง ที่สำคัญก็คือ สร้างความหวาดระแวงภายในพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งฝ่ายตรงข้าม เป็นการ “ตอกลิ่ม” ให้แยกออกไปอีก

แต่ข่าวที่ว่านั้นเป็นจริงก็อาจเป็นไปได้ ที่ต้องมองไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าอันเป็นผลมาจาก “กติกาใหม่” ที่เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เปรียบ รวมไปถึงมองเห็นว่า พรรคพลังประชารัฐ ไม่มีจุดขาย “กระแสลุงตู่” ตกลงไป

เพราะหากมองเรื่องจุดขายแล้ว ก็เห็นจะปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่า ทั้ง “แป้ง” และ “นาฬิกา” ย่อมไม่อาจเป็น “กระแส” นำไปสู่การชนะการเลือกตั้งทั่วประเทศได้อย่างแน่นอน อีกทั้งมีจำนวนไม่น้อยที่ยังกระอักกระอ่วนประเภทแฟนคลับ “ลุงตู่” แต่ไม่อยากได้ แป้งและนาฬิกา อะไรประมาณนั้น ก็มีไม่น้อย

และที่เชื่อมโยงต่อเนื่องกันถึงความเป็นไปได้อีกเรื่องหนึ่ง ก็คือ โอกาสที่จะเกิด “พรรคสำรอง” เพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในลักษณะที่ชัดเจน “สะเด็ดน้ำ” ซึ่ง “โมเดล” นี้ ก็ยังมีการเคลื่อนไหวลับๆ อย่างต่อเนื่อง และก็เชื่อว่า ยังน่าเป็นไปได้สูงไม่น้อย เพราะหากพิจารณาจาก “ยุทธวิธี” ของทหารแล้วย่อมต้องมี “แผนสำรอง” หรือแผนสองเสมอ ซึ่งแผนแบบนี้มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเร่งเผยไต๋ออกมา หากสถานการณ์ยังไม่เหมาะสมเพียงพอ

หากพิจารณาถึงความเป็นไปได้แล้ว ถ้าชั่งน้ำหนักกันระหว่างที่ “กลุ่มสามมิตร” และกลุ่มอื่นในพรรคพลังประชารัฐ จะย้ายไปเพื่อไทยนั้น แม้จะยังห้าสิบห้าสิบ แต่ก็ยังเชื่อว่า หากแยกออกไป น่าจะมองไปที่ “พรรคสำรอง” นี่มากกว่า เพราะหากพิจารณาจากกิจกรรม และความเคลื่อนไหวที่ผ่านมาแล้วถือว่า “แนบแน่น” ทีเดียว

ที่สำคัญ นาทีนี้ สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังถือว่า “ไม่ธรรมดา” ยังมีพลังทางการเมืองอยู่ไม่น้อย แม้ว่าพรรคเพื่อไทย จะถูกมองว่า “มาแรง” ในสนามเลือกตั้งคราวหน้า แต่ต้องไม่ลืมว่า กระแส “กลัวทักษิณกลับมา” หรือประเภท “ไม่เลือกเราเขามาแน่” หรือกระแส “ต้านล้มเจ้า” ย่อมเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกัน

ดังนั้น หากมองกันแบบสรุปรวบยอดก็ต้องบอกว่า ข่าวแยกวงแบบนี้ยังไม่ชัวร์ แต่เชื่อว่า สาเหตุจากเรื่องดังกล่าวทำให้ทุกอย่างในพรรคพลังประชารัฐชัดเจนขึ้น ซึ่งรวมไปถึงการ “แตกหัก” ที่ใกล้จะเลี่ยงไม่ได้แล้ว !!


กำลังโหลดความคิดเห็น