ความจริงฟ้อง! จากปล่อยลือป่วย ถึงคอมเพล็กซ์นางเลิ้ง “ศักดิ์ เจียม” หมดท่า ถูกก่นด่า ชาวเน็ต-สาวกเท โดน 112 ยกก๊วน “ไบรท์” ยังปากดี อ้างไม่หมิ่นสถาบันฯ “อดีตบิ๊ก ศรภ.” คัดแค่ 2 เรื่อง เปิดกะโหลกไร้เดียงสา “ทั่นโรม”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (19 พ.ย. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น จากปล่อยลือป่วย ถึงคอมเพล็กซ์นางเลิ้ง ชาวเน็ตรุมสาป “ศักดิ์ เจียม” อคติ! สาวกเริ่มเทแหกตาสามนิ้ว
โดยระบุว่า จากกรณีที่มีการปรับเปลี่ยนสนามม้านางเลิ้ง ให้เป็นสวนสาธารณะ 216 ไร่ โดยจะเพิ่มพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพมหานคร ในโครงการนี้ มีสวนสาธารณะประมาณ 216 ไร่, พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙, จอดรถใต้ดิน 3 ชั้น รองรับรถยนต์ 700 คัน, ร้านค้าของ “ชุมชนนางเลิ้ง” และอาคารจอดรถโรงพยาบาลรามาธิบดี โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้ใช้บริการ ภายในปี 2565
โดยก่อนหน้านี้ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ปัจจุบันลี้ภัยที่ประเทศฝรั่งเศส ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า
“วัง………คอมเพล็กซ์” เอาแบบเต็มๆ อาจจะเป็นแบบนี้? ……มีไอเดียทำ “วังคอมเพล็กซ์” แบบนี้เลยไหม? ผมยืนยันไม่ได้ แต่เขามีไอเดียในการทำวังกลางเมือง โดยรวมพื้นที่บริเวณนั้นเข้าด้วยกัน ค่อนข้างแน่ เหลือแต่ว่า จะคลุมพื้นที่เท่าไหน จะทำได้จริงๆ หรือไม่”
ล่าสุด เมื่อวานนี้ (18 พ.ย. 64) นายสมบัติ ทองย้อย อดีตการ์ดเสื้อแดง โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวว่า “สนามม้านางเลิ้ง ปรับปรุงเป็นสวนสาธารณะ ไหนใครที่บอกว่า คอมเพล็กซ์ เฮ้อออ จินตนาการ บนอคติล้วนๆ”
ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก โดยมีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นถึงกรณีดังกล่าวว่า ไอ้หงอก ปั่น…จิ้งหรีด…จะกลับบ้าน ซึ่ง นายสมบัติ ก็ได้ตอบกลับว่า มั่วตลอด ผมไม่เคยเชื่ออะไรกับคน คนนี้เลยครับ
ใครเชื่อเจียมก็โง่แล้ว, ไม่ใช่แค่เรื่องนี้หรอกนะคะ ที่โดนแหกตา เพราะจินตนาการของหงอก คนที่ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอคติแบบนี้ ใครทำดีแค่ไหนก็หาข้อเสียคนอื่นได้เสมอ, แล้วข่าวทั้งหมดที่ปล่อยมา เสียๆ หายๆ มีอันไหนจริงไม่จริง ถ้าไม่จริง คนไม่ชอบเชื่อไปแล้ว ใครรับผิดชอบ ปล่อยร้อยเรื่อง ปลอมร้อยเรื่องป่ะ ส่วนบอกเรื่องจริง ไหนหลักฐาน?
โดยย้อนไปก่อนหน้านี้ สมศักดิ์ เคยได้โพสต์ข้อความโดยบอกว่า มีข่าวลือว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระประชวร และประทับอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมากมาแล้ว
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็นอัยการฟ้อง 112 ยกก๊วน “ไบรท์ ชินวัตร” ยังปากดีไม่ได้หมิ่นสถาบันฯ
เนื้อหาระบุว่า จากกรณีวันนี้ (19 พ.ย.) อัยการนัดส่งตัว นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน”, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์ ระยอง”, ทนายอานนท์ นำภา, นายพรหมศร วีระธรรมจารี หรือ “ฟ้า พรหมศร”, นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง “ไบร์ท ชินวัตร” และ นางสาว วรรณวลี ธรรมสัตยา หรือ “ตี้ พะเยา” พร้อมพวกอีก 3 คน ผู้ต้องหาในคดี SCB ส่งฟ้องต่อศาลในฐานกระทำผิดตามมาตรา 112 โดยสืบเนื่องจากกรณีที่มีการชุมนุมหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2563
ทั้งนี้ นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง “ไบร์ท ชินวัตร” เดินทางมาศาลพร้อมครอบครัว และให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่า ตนเองเชื่อมั่น ว่าการปราศรัยที่หน้า SCB ไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้พูดพาดพิงสถาบัน แม้กล่าวถึงเรื่องงบประมาณก็ตาม
โดยเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 63 นายชินวัตร ปราศรัยที่หน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักรัชโยธิน ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน อ่านประกาศเรื่องให้ผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุม ในเวลา 17.00 น. เนื่องจากไม่ได้แจ้งจัดการชุมนุม แต่ นายชินวัตรกล่าวว่า ประชาชนไม่ฟังท่านอีกต่อไปแล้ว นี่คือ เขตราษฎร ในวันนั้นแกนนำ ประกอบด้วย นายพริษฐ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์, นายอานนท์ นำภา และมี นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ ให้การสนับสนุน
นอกจากนี้ “ไบร์ท ชินวัตร” ยังอ้างถึงประเด็นที่ พลเอก ประยุทธ์ ได้พูดถึงมาตรา 112 ว่า “ในหลวง” ทรงมีพระเมตตารับสั่งไม่ให้ใช้ ม.112
โดยเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า สิ่งที่กังวลมากที่่สุดในขณะนี้ คือ การละเมิดสถาบันเบื้องสูง โดยเฉพาะกระแสข่าวการเคลื่อนไหวนอกประเทศ โดยขอร้องอย่าเชื่อถือข้อมูลบิดเบือนที่เผยแพร่ตามสื่อต่างๆ เพื่อหวังสร้างความเกลียดชัง
“ทำไมมาตรา 112 ถึงไม่ถูกดำเนินคดี เพราะในหลวงทรงมีพระเมตตา พระมหากรุณาธิคุณ ได้กำชับมากับผมโดยตรง ตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการใช้ไหม ม.112 ก็ละเมิดกันไปเรื่อย เพราะฉะนั้นทุกคนที่อยู่ในประเทศมีความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ก็ต้องช่วยกันด้วย”
แต่ที่ผ่านมา อาจมีการอะลุ้มอล่วยกันบ้าง แต่ขณะนี้เกินเลยไปมากแล้ว จึงคิดว่าสิ่งที่รับฟังมาจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ประชาชนยอมรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงนี้ ดังนั้น เราต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่ และเป็นเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำงานตามหน้าที่อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา พฤติกรรมต่างๆ ของกลุ่มผู้ชุมนุม โดยเฉพาะบรรดาแกนนำนั้น ไม่ว่าจะเป็นการปราศรัย หรือในโลกออนไลน์ ล้วนมีพฤติกรรมที่คนส่วนใหญ่แยกแยะได้ว่า พาดพิงสถาบันฯหรือไม่ และมีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ออกมาคัดค้านการแก้มาตรา 112 เพราะต้องการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมแสดงความคิดเห็นด้วยว่า มาตรา 112 ไม่เคยทำให้คนที่คิดดีต่อสถาบันฯเดือดร้อน ส่วนใครที่คิดไม่ดี ถึงมีตัวอย่างให้เห็น ว่ามักจะพาดพิง และไม่เกรงกลัวกฎหมายของบ้านเมือง
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ในหัวข้อ “ใครกำลังทำลายลูกหลานของท่าน ตอน 1” โดยระบุว่า
“รังสิมันส์ออกมาพูดสนับสนุนรัฐธรรมนูญฉบับไอติม มีข้อความบางตอนประหลาดและไร้เหตุผล คัดเอาเฉพาะที่เละเทะมากๆ สัก 2 เรื่อง
1) โจมตีศาลว่า ทำไมไม่ให้ประกัน รุ้ง ไมค์ อานนท์ ทั้งๆ ที่พวกนี้ไปรายงานตัวทุกครั้ง ผมก็สงสัยว่า รังสิมันต์ จบนิติศาสตร์มาได้อย่างไร ถึงไม่รู้ว่าการให้ประกันตัวของผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดนั้น ศาลจะต้องระบุเงื่อนไขลงไปด้วย อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ห้ามไปทำเรื่องที่ถูกกล่าวหาซ้ำอีก แต่ทุกครั้งที่ศาลให้ประกันตัว บุคคลเหล่านี้ก็ออกไปทำเหมือนเดิม และยิ่งทำมากขึ้นอีก ไม่เคยหยุดตามข้อตกลงในศาลเลย แล้วจะให้ศาลให้ประกันตัวต่อไปอีกหรือไง คนดีๆ มากมายที่เสียสิทธิของตนเองจากคนพวกนี้ก็หันมาว่าศาลว่า ”ไม่รักษากฎหมาย”
สมมติว่า มีคนไปชกหน้ารังสิมันต์ แล้วประกันตัวออกไป เจอรังสิมันต์ ก็ชกซ้ำอีก ศาลก็ให้ประกันตัวไป เจอรังสิมันต์ก็ชกซ้ำแถมแรงกว่าเดิมอีก รังสิมันต์เห็นว่าควรให้ประกันตัวไหม นี่ขนาดคนธรรมดานะ แต่พวกคุณเล่นระดับประมุขของประเทศเลย คิดถึงเหตุผลบ้าง ก่อนพูดอะไรออกมา โตแล้วนะตอนนี้ ที่สำคัญคือ เมื่อออกไปทำเรื่องเดิมซ้ำอีก มันกลายเป็นความผิด หลายกรรม หลายกระทง ศาลต้องลงโทษตามวาระกรรมที่ได้กระทำ ถ้ามีความผิดจริงก็ติดคุกหัวโตเลย
ดังนั้น ที่ศาลไม่ให้ประกันตัวนะดีแล้ว เพราะพวกคุณยุเด็กออกไปสู้อยู่ข้างหน้า แต่พวกคุณกลับแอบฟังอยู่ ตามร้านกาแฟ ศูนย์การค้า หรือที่บ้าน ไม่ต้องติดคุกตามพวกเค้านี่ ก็สนับสนุนได้ซิ อ้างว่า ร่ำเรียนมาโดยตรงทางนี้ บอกน้องๆ เค้าบ้างซิครับ อย่าปล่อยให้เค้าสะสมคดี เพียงเพื่อคำเยินยอว่าเป็นวีรบุรุษ ผู้เสียสละ (ไปคนเดียวละกัน)
2) “ทำไมทหารทำรัฐประหาร ศาลจึงไม่ออกมาพูดอะไรเลย” รังสิมันต์ รู้ไหมว่า การทำรัฐประหารน่ะ ต้นแบบมาจากคณะราษฎร ที่พวกคุณเคารพบูชากันหนักหนา เมื่อทำสำเร็จรัฐธรรมนูญยังถูกยุบเลย แล้วศาลจะไปทำอะไรได้ แต่ถ้าทำไม่สำเร็จก็กลายเป็นกบฏ ตอนนั้นศาลถึงออกมาทำหน้าที่ได้
การทำรัฐประหารในปัจจุบันจึงเป็นเรื่องเสี่ยง ต่อการต่อต้านจากประชาชนและต่างชาติ ยกเว้นแต่ประชาชนจะออกมาสนับสนุนเท่านั้น ทหารถึงจะกล้าออกมารัฐประหาร 2 ครั้งสุดท้าย จึงมีเหตุผลเพียงพอ เพราะทุจริตกันถึงขนาดนั้น ประชาชนออกมาหนุน ต่างชาติก็แอบหนุนอยู่ พวกคุณไม่เคยพูดเรื่องการโกงชาติโกงบ้านเมืองกันเลย แปลกจริงๆ
นอกจากนั้น ในรัฐธรรมนูญฉบับไอติมที่คุณหนุนอยู่ โดยยกย่องว่า เป็นฉบับประชาชน รู้ไหมว่าเนื้อหามันเตรียมสนับสนุนการทุจริตอย่างเต็มรูปแบบเลย ผมไม่แน่ใจว่าคุณไร้เดียงสาจริงๆ หรือเรียนจบมา ด้วยเพียงแค่การนับหน่วยกิตให้ครบๆ เพราะจากการที่คุณอ้างว่าอาย “รุ่นพี่ๆ” ที่ทำไม่ได้ดั่งใจคุณ พอ “รุ่นพี่ๆ” เค้าฟังคุณพูด เค้าก็คงอายที่มีรุ่นน้องอย่างคุณเช่นกัน อย่าเอาใจสปอนเซ่อร์มากนัก เดี๋ยวใครๆ เค้ารู้ไส้กันหมด”
แน่นอน, สิ่งที่จำเป็นต้องพูดถึงในวันนี้ ก็คือ “จุดอ่อน” ของขบวนการ “3 นิ้ว” ที่ยก “ศักดิ์ เจียม” เป็น “ศาสดา” เนื่องเพราะ “ศักดิ์ เจียม” ถึงแม้เป็นนักวิชาการ แต่มักทำตัวเป็นเจ้ากรมข่าวลือ โดยเฉพาะข่าวลือเกี่ยวกับสถาบันฯ
โดยส่วนใหญ่มักสร้างเรื่องขึ้นมา แล้วปล่อยข่าวออกไป ให้สาวกคาบไปขยายผลทางการเมืองอย่างเป็นขบวนการ แล้วก็ได้ผล เพราะหลายเรื่องถูก ส.ส.สามนิ้ว มวลชนสามนิ้ว นำไปขยายผลกันยกใหญ่ทั้งบนดินใต้ดิน แบบชนิดไม่มีที่มาอะไรเลย เหมือนกับกลุ่มผู้ลี้ภัยในต่างประเทศก็เช่นกัน อาศัยว่า โลกออนไลน์ไร้พรมแดน สร้างเรื่องขึ้นมาหลอกคนไทยเป็นว่าเล่น สิ่งเหล่านี้จึงนับว่าเป็นปัญหาใหญ่ของคนไทยที่ห่างไกลข้อมูล และชอบเชื่อข่าวลือ
อย่าลืมว่า ส.ส.บางคน เคย “จงใจ” นำข่าวลือ ที่ “ศักดิ์ เจียม” อ้างว่า มีคนสั่งไม่ให้ประกันแกนนำ 3 นิ้ว ถึงขนาดจะเชิญประธานศาลฎีกาไปชี้แจงในคณะกรรมาธิการ เลยทีเดียว หลายคนที่ติดตามข่าวคงจำได้
และเมื่อไม่นานมานี้ ก็นำเอาเรื่องที่ “ศักดิ์ เจียม” มั่วข้อมูลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คดีล้มล้างการปกครองฯ กรณีอ้างปี พ.ศ.ผิด ไปขยายผลพร้อมกับขบวนการสามนิ้ว จนนักวิชาการบางท่านทนไม่ได้ ต้องออกมาอธิบายความจริงต่อสาธารณชน ไม่อย่างนั้นศาลรัฐธรรมนูญก็คงถูก “ดิสเครดิต” ว่า อ้างอิงมั่ว ไปแล้ว
แต่พอมีการสร้างข่าวลือ ข่าวปลอม แล้วก็รับลูกกันเป็นขบวนการหลายต่อหลายครั้ง โดยปรากฏความจริงขึ้นมาในภายหลังว่า ไม่จริง ก็ยิ่งทำให้ขบวนการสามนิ้วเสื่อมไปใหญ่ โดยเฉพาะในหมู่มวลชนสามนิ้วที่หลงเชื่อ และไม่ยอมโกหกตัวเอง จนที่สุดหลายคนก็เริ่มตาสว่าง
อย่างกรณีที่เห็นได้ชัด ก็คือ ข่าวลือ จาก “ศักดิ์ เจียม” ที่ปล่อยออกมาว่า “ในหลวง” ทรงพระประชวร ซึ่งไม่จริง และข่าวปล่อยเรื่อง “คอมเพล็กซ์นางเลิ้ง” ซึ่งก็ไม่จริงเช่นกัน จึงกลายเป็นประเด็น ย้อนกลับมาดิสเครดิต “ศักดิ์ เจียม” เสียเองอยู่ในเวลานี้
ส่วนขบวนการสามนิ้วที่ยังหน้ามืดตามัว ก็ถือว่า ถูกแหกตาตามระเบียบต่อไป
เหนืออื่นใด ทำให้คนไทย เห็นธาตุแท้ของ ขบวนการสามนิ้ว หรือสามกีบ ว่า ที่แท้ก็ไม่ได้วิเศษกว่าใครมาจากไหน ที่พยายามต่อสู้เปลี่ยนแปลงประเทศ ใครจะเชื่อ!?