xs
xsm
sm
md
lg

รื้อม.112“ละครสองหน้า” เพื่อไทยได้ไม่คุ้มเสีย!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร  - นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว
เมืองไทย 360 องศา

ในที่สุดนายทักษิณ ชินวัตร ก็ส่งสัญญาณถอย โดยบอกว่าไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกมาตรา 112 และ มาตรา 116 ที่เป็นการกระทำผิดเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ในเรื่องของการ “ละเมิด” จากนั้น พรรคเพื่อไทยก็ยืนยันว่า พรรคจะไม่เสนอแก้ไขกฎหมายอาญาในมาตราดังกล่าวในสภาแล้ว แต่จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานรับฟังความคิดเห็นจากสังคมอย่างรอบด้าน

แน่นอนว่านี่คือความเคลื่อนไหวแบบต่อเนื่อง มีการรับส่งสัญญาณกันแบบเป็นขั้นเป็นตอน หรือจะเรียกว่า “รู้กัน” ก็น่าจะเข้าใจและเห็นภาพชัดกว่า เพราะสังคมรับรู้กันอยู่แล้วว่า นายทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย และยังเข้าใจอีกว่า สมาชิกพรรคนี้ต้องทำตามคำสั่ง เหมือนกับที่เข้าใจการเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ของนายชัยเกษม นิติสิริ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย อดีตอัยการสูงสุดที่เขียนจดหมายเปิดผนึกย้ำว่า ต้อง “แก้ไขมาตรา 112 และมาตรา 116” ในที่ประชุมรัฐสภาในสมัยประชุมนี้ โดยอ้างในเรื่องความล้าสมัยและถูกบิดเบือนโดยกระบวนการยุติธรรม เป็นต้น

หลายคนมองออกว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวของ นายชัยเกษม ย่อมต้องได้รับไฟเขียว จาก นายทักษิณ ชินวัตร อยู่แล้ว ทางหนึ่งต้องการหาคะแนนเสียงจากพวกเด็กๆ โดยเฉพาะจากพวกสนับสนุน “ม็อบสามนิ้ว” ขณะเดียวกันยังเป็นการ “แย่งคะแนนเสียง” จากบรรดาคนรุ่นใหม่มาจากพรรคก้าวไกล ที่ต้องแข่งขันกันโดยตรงในสนามเลือกตั้งคราวหน้าจากการที่มีมวลชนส่วนหนึ่ง “ทับซ้อน” กัน

อย่างไรก็ดี หลังจากมีการเคลื่อนไหวในเรื่องการเสนอแก้ไข มาตรา 112 ออกมาไม่นานก็มี “ปฏิกิริยาต่อต้าน” กลับมาแบบทันควันเช่นเดียวกัน ไม่เว้นแม้กระทั่งสมาชิกพรรคเพื่อไทยด้วยกันเอง เนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องที่ “อันตราย” และอ่อนไหวเกินความจำเป็น และคงไม่ต้องพูดถึงพรรคการเมืองส่วนใหญ่ ทั้งฝ่ายรัฐบาลที่ออกมาคัดค้านโดยทันที และฝ่ายค้านโดยเฉพาะ พรรคเสรีรวมไทยที่ย้ำว่า ไม่ควรยกเลิกหรือมีการแก้ไข และเน้นย้ำในเรื่องความระมัดระวังในการบังคับใช้เพื่อป้องกันการกลั่นแกล้งทางการเมือง

ที่สำคัญปฏิกิริยาต่อต้านในครั้งนี้ นอกเหนือจากพรรคการเมืองแทบจะทุกพรรคแล้ว กลายเป็นว่า ไม่ได้รับเสียงตอบรับจากฝ่าย “ม็อบสามนิ้ว” ที่เป็นแกนนำ “ล้มเจ้า” อย่าง นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ต้องหาหนีคดีความผิด มาตรา 112 ในต่างประเทศก็ได้โพสต์ เย้ยนายทักษิณ ชินวัตร ในทำนองว่า “ดีแต่หาประโยชน์จากเจ้า แต่ลับหลังหาประโยชน์จากเจ้า” และว่าปล่อยให้เด็กๆ และฝ่ายตามตัวเองต้องติดคุก และคอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทีหลังเมื่อได้รับชัยชนะ” ซึ่งเหมือนกับก่อนหน้านี้ที่บรรดาแกนนำที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยบางคนที่คอยให้การสนับสนุน ยุยงนักศึกษาให้ออกมาเคลื่อนไหวมักจะเหน็บแนม นายทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวทำนองว่า “สู้ไปกราบไป” เป็นต้น

สำหรับการส่งสัญญาณถอยของนายทักษิณ ชินวัตร ที่โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กล่าสุด โดยระบุว่ากฎหมายไม่ได้มีปัญหา ไม่ควรยกเลิก แต่ควรให้มีการปรับกระบวนการพูดคุยเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน และเรียกร้องให้หยุดดรามาทั้งสองฝ่าย เรียกว่าพยายามยกตัวเอง “ให้เหนือ” ทุกฝ่ายไปเลย

“เพราะฉะนั้นก่อนที่จะบอกว่า ยกเลิกมาตรา 112 เพราะอารมณ์โกรธ จากอารมณ์โกรธ หรือบางคนก็ต้องการจะยกเลิกโดยไม่มีเหตุผล หรือไม่ยกเลิกมาตรา 112 ไม่เอาเด็ดขาด ซึ่งแน่นอนมันมี Yes and No แต่ขณะเดียวกันนั้น การพูดคุยกันน่าจะดีกว่า และการจัดระเบียบให้เป็นระเบียบเสียจะดีกว่า วันนี้บ้านเมืองเหมือนกับอยู่ในภาวะที่ไม่มีการจัดการ ไม่มีการบริหาร บ้านเมืองเปรียบเสมือนอยู่ในภาวะไม่มีการบริหารการจัดการ คงเลือกใช้แต่ Law and Order ซึ่งมันเป็นการขัดหลักที่จะให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างสามัคคีไม่แตกแยก”

“ดังนั้น สรุป ผมขอแนะนำว่า ก่อนจะมาบอกว่าจะแก้มาตรา 112 หรือไม่ ขอให้ไปเริ่มย้อนคิดว่าเมื่อตัวกฎหมายไม่เคยมีปัญหา แต่คนที่เป็นปัญหา คือคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม และคนที่นำประเด็นนี้มาสร้างความแตกแยกในสังคมต่างหาก ถ้ามีการจัดระเบียบให้ถูกต้อง และมีการพูดคุยกับผู้เห็นต่างบ้าง ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และนำไปสู่การรักษากฎหมายที่เป็นธรรม และก็จะไม่มีใครเดือดร้อน แต่วันนี้ขอย้ำอีกครั้งว่า ประเทศขาดการบริหารการจัดการ เลือกที่จะใช้ Law and order เท่านั้น ขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดดรามา หายใจยาวๆ มาเริ่มต้นใหม่ตามที่ผมแนะนำเบื้องต้น เพื่อความรัก เพื่อการถวายความจงรักภักดีที่ถูกต้อง ถูกทาง ไม่ให้เจ้านายต้องถูกครหาโดยที่ไม่รู้” นั่นคือคำพูดของ นายทักษิณ ชินวัตร ในโพสต์ล่าสุด

แน่นอนว่านี่คือการ “สั่งถอย” หลังจากที่จับสัญญาณแล้วเห็นว่า “ได้ไม่คุ้มเสีย” โดยเฉพาะจะกระทบกับ “ฐานเสียงส่วนใหญ่” ทั้งประเทศที่เคยสนับสนุนพรรคเพื่อไทยในอดีต และพรรคเพื่อไทย ก็คงไม่กล้าที่จะประกาศเป็นนโยบายในเรื่องการเสนอแก้ไขหรือยกเลิก มาตรา 112 อย่างแน่นอน ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งกลายเป็นว่า “ยังไม่ได้ใจ” จาก “กลุ่มม็อบสามนิ้ว” ซึ่งเวลานี้มีเพียงพรรคก้าวไกล ที่ประกาศชัดเจนว่าจะเกิดหน้าแก้ไขมาตราดังกล่าวในสภา โดยแยกเสนอกฎหมายพรรคเดียว

ดังนั้น หากพิจารณาในภาพรวมๆ คราวนี้การส่งสัญญาณ “ถอยกรูด” ของ นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค ได้ประกาศชัดเจนแล้วว่า จะไม่เป็นตัวตั้งตัวตีในการเสนอแก้ไข มาตรา 112 และ มาตรา 116 แต่จะประสานงานทำหน้าที่รับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายเพื่อลดความขัดแย้งในสังคม ถือว่างานนี้อาจเป็นเพราะ “เกมสองหน้า” ถูก “จับได้ไล่ทัน” เสียก่อน นั่นคือ ได้ไม่คุ้มเสีย ที่สำคัญพวกเขายังไม่กล้าเสี่ยงเดินต่อ เพราะเด็กรุ่นใหม่ไม่เอา จึงต้องชักฟืนจากไฟ กลับมาเดินในเส้นทางเดิมดีกว่า และคอยหาจังหวะอีกรอบ หรือเปล่า !!


กำลังโหลดความคิดเห็น