“กลุ่มปกป้องสถาบัน” ยื่น “ชวน” ค้านแก้ไข ม.112 ย้ำ หากมีการแก้ไขทุกเครือข่ายเตรียมเคลื่อนไหว ยัน พร้อมปกป้อง ปชต.ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ด้าน “ประธาน ศอช.” ซัด อย่าใฝ่ต่ำดึงสถาบันมาย่ำยี “เต้ อาชีวะ” เตรียมยื่นรายชื่อเพิ่ม 5 พ.ย.นี้ ลั่น อยากให้เพิ่มโทษจากเบาเป็นหนัก ขณะที่ “หญิงจากอยุธยา” จวก 2 พรรคการเมือง แน่จริงติดป้ายหาเสียงล้มสถาบัน กรีดซ้ำ อย่าเป็นอีแอบเอาสีน้ำเงินออกจากพรรค
วันนี้ (3 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่รัฐสภา นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ตัวแทนกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ยื่นหนังสือถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่าน นายแทนคุณ จิตต์อิสระ คณะทำงานประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อคัดค้านการแก้ไขมาตรา 112
โดย นายอานนท์ กล่าวว่า อย่างที่ทราบกันดีว่าการดึงพระมหากษัตริย์ลงมาเกี่ยวข้องกับการเมือง เป็นเรื่องที่ไม่สมควร เนื่องจากพระมหากษัตริย์ท่านไม่ได้ทรงยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเลย แต่มีบางพรรคการเมืองจ้องที่จะแก้ไขมาตราที่เกี่ยวข้องกับหมวดพระมหากษัตริย์ ทำให้ตน กลุ่ม ศปปส. และเครือข่ายต่างๆ เกิดความไม่พอใจ จึงเดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านการแก้ไข ม.112 ต่อนายชวน
นายอานนท์ กล่าวต่อว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมา มีการนัดชุมนุมเพื่อล่ารายชื่อเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมาย ม.112 ของคนกลุ่มเดิมที่มีพฤติกรรมบิดเบือน และด้อยค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งการก้าวล่วง จาบจ้วงสถาบัน อันเป็นที่เคารพศรัทธาของพสกนิกรชาวไทย อีกทั้งแสดงพฤติกรรมใส่ร้าย ด้อยค่า บิดเบือน อาฆาตมาดร้ายต่างๆ เช่น การเผาพระบรมฉายาลักษณ์ในพื้นที่สาธารณะ การทาสีบนท้องถนนเชิงสัญลักษณ์ เพื่อด้อยค่าสถาบัน การปลุกปั่นให้เยาวชนและประชาชนเข้าใจผิดว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ คือ อุปสรรคในการพัฒนาประเทศ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้มิได้สร้างสรรค์ และไม่มีความชอบธรรมทางกฎหมาย จึงถือได้ว่าเป็นภัยร้ายของสังคมไทย
นายอานนท์ กล่าวด้วยว่า ในนามตัวแทนของส่วนรวมประชาชนปกป้องสถาบันและเครือข่ายที่มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตลอดจนยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงขอแจ้งว่า หากมีการแก้ไขกฎหมาย ม.112 กลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบันและทุกเครือข่าย จะออกมาเคลื่อนไหวและคัดค้านทุกวิถีทาง เพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างมั่นคงตลอดไป
ด้าน นายนพดล พรหมภาสิต ในฐานะประธานศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิดบูลลี่ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) กล่าวว่า ตนมาแสดงจุดยืนคัดค้านการแก้ไขหรือยกเลิก ม.112 ด้วยเหตุผลที่ว่า ทาง ศชอ.ได้ดำเนินการทำคดีนี้มาตั้งแต่ต้น ซึ่งมีคดีที่อยู่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) อยู่อีก 21 คดี ที่แจ้งแกนนำม็อบที่กระทำความผิดตาม ม.112 ซึ่งดำเนินคดีเสร็จไปแล้ว 9 คดี อยู่ระหว่างการดำเนินคดี 12 คดี ฉะนั้น ตนในฐานะที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ ม.112 โดยตรง จะขอคัดค้านคนที่คิดจะแก้ไขมาตรานี้ ซึ่งการแก้ไขกฎหมายนี้หมายความว่าเขาจงใจที่จะกระทำผิดที่กฎหมายห้ามซึ่งชัดเจนว่าเขาต้องการที่จะจาบจ้วงสถาบัน
“ผมขอฝากไปถึงคนที่คิดจะขึ้นมาเป็นใหญ่ อย่าได้คิดใฝ่ต่ำที่จะดึงสถาบันลงมาย่ำยีเลย ถึงคุณจะโยนก้อนหินถามทาง แต่นี่คือบทพิสูจน์แล้วว่าคุณกำลังมาตีรังต่อ รังแตน รังผึ้ง นี่เป็นแค่ส่วนออเดิร์ฟ หากคุณยังไม่หยุด โยนหินถามทางที่จะแก้ไขหรือยกเลิก คุณจะต้องแรงตอบโต้อย่างหนัก” นายนพดล กล่าว
นายอัคราวุธ ไกรศรีสมบัติ หรือ เต้ อาชีวะ กล่าวว่า สำหรับวันนี้ทุกคนเข้ามายื่นเรื่องเพื่อคัดค้านการแก้มาตรา 112 บางครั้งตนก็ไม่เห็นด้วยกับภาคีฯ ที่จะคัดค้านการแก้ไข ม.112 แต่สิ่งที่ตนอยากให้แก้ไข คือ จากโทษที่เบาอยากให้หนักขึ้น เพราะเด็กรุ่นใหม่ไม่เคารพและเกรงกลัวในกฎหมาย แต่ถ้าเราทำโทษในกฎหมายให้เข้มแข็ง ตนว่าคนรุ่นใหม่ที่จาบจ้วงสถาบัน เขาจะกลัวและไม่กล้าทำ ตนเชื่อว่า วันนี้ต่อให้แก้หรือไม่แก้ ม.112 ก็ไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ที่เด็กเกรงกลัว หรือไม่เกรงกลัว และตนขอฝากไปถึงคนที่เสี้ยมเด็กเหล่านี้ ว่า ถึงจะเอาสีน้ำเงินออกไปได้ แต่เอาออกจากตัวตนไม่ได้ วันนี้ภาคีฯ มาแค่นี้ แต่วันที่ 5 พฤศจิกายน ตนจะเอารายชื่อมายื่นให้ดูว่า 28,000 รายชื่อ กับ 1,000,000 รายชื่อ ต่างกันอย่างไร คนที่จงรักภักดีต่อสถาบันมีอยู่มาก บางคนกล้าแสดงออก บางคนไม่กล้าแสดงออก วันนี้พวกตนแสดงออกแล้ว ก็อยู่ที่คนอื่นจะพิจารณากัน
ขณะที่ตัวแทนชาวบ้านจากอยุธยา กล่าวว่า ฝากบอกสองพรรคการเมืองใหญ่ไว้ด้วยว่า คุณจะเจออะไรอีกมากมาย และถ้าแน่จริงก็ติดป้ายหาเสียงเลยว่าคุณล้มสถาบัน อย่ามาเป็นอีแอบเอาสีน้ำเงินออกจากพรรค อย่าเอาคนโกงซ้ำแล้วซ้ำอีกมาโกงพวกเราชาวไทย ซึ่งพวกเราก็พร้อมจะปกป้องสถาบัน