xs
xsm
sm
md
lg

พท.-ก้าวไกล ฟัดกันเละ เชิด “อุ๊งอิ๊ง” ไม่หมู !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา

สังเกตหรือไม่ว่า การผลักดัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร “ลูกสาวคนเล็ก” ของนายทักษิณ ชินวัตร ขึ้นเป็นที่ปรึกษาของพรรคเพื่อไทย ด้านการมีส่วนร่วม และนวัตกรรม ระหว่างการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรค เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้จะพยายาม “สร้างกระแส” ให้ดูน่าสนใจและตื่นเต้นกับการ “ขายภาพคนรุ่นใหม่” ที่มีการปูพื้นมาล่วงหน้านานหลายวัน แต่เอาเข้าจริงกลายเป็นว่ามัน “ไม่เปรี้ยง” เท่าที่ควร

สาเหตุที่พอมองเห็น น่าจะมีหลายอย่าง เช่น “ไม่เป็นธรรมชาติ” ถูกมองเห็นชัดเจนว่า นี่คือ การผลักดันแบบ “เชิด” ขึ้นมา ไม่ได้เป็นการสะสมบารมี หรือเคยแสดงบทบาทในด้านความรู้ความสามารถ ที่เคยโดดเด่นมาก่อน และอีกเรื่องหนึ่งก็คือ มันเป็นลักษณะของการ “สืบทอดโดยสายเลือด” ที่ในปัจจุบันถือว่า “ตกยุค” ไปแล้ว

กลายเป็นว่า พรรคเพื่อไทยยังเป็นพรรคของครอบครัวชินวัตร ห่างไกลจากความเป็นสถาบันพรรคการเมืองตามที่เคยคุยฟุ้งเอาไว้ ซึ่งการเข้ามาของ น.ส.แพทองธาร ในครั้งนี้ ทุกสายตามองเห็นตรงกันหมด ว่า นายทักษิณ ชินวัตร ส่งเข้ามาคุมพรรค และเตรียมที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็น “แคนดิเดตนายกฯ” ในการเลือกตั้งคราวหน้าอย่างแน่นอน

เป็นภาพของ “ทายาทโดยสายเลือด” ในแบบที่ “เลือดข้นกว่าน้ำ” ความหมายก็คือ นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ไว้ใจใคร จึงต้องส่งลูกสาวที่เปรียบเหมือน “ดวงใจ” เข้ามาเสี่ยงใน “เกมสุดโหด” ครั้งนี้ และเป็นความพยายาม “อีกครั้ง” ในลักษณะเดิมจากที่เคย “เชิด” เครือญาติในครอบครัวเริ่มจาก นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ “น้องเขย” ถัดมาก็เป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร “น้องสาว” และล่าสุดมาเป็น “ลูกสาวคนเล็ก” ที่ว่า

ขณะเดียวกัน ที่ต้องบอกว่า การเปิดตัว น.ส.แพทองธาร ในคราวนี้ “ไม่เปรี้ยง” ตามที่คาดเอาไว้ แม้ว่าจะพยายามปูพื้นให้เห็นภาพของ “คนรุ่นใหม่” ของนายทักษิณ ชินวัตร มาอย่างต่อเนื่องก็จริง เพราะหากสังเกตจะเห็นว่า ในวันเปิดตัววันนั้น กลับพบว่า “เทรนทวีต” ซึ่งถือว่าเป็นสื่อโซเชียลฯ ที่เป็นสัญลักษณ์ของพวกคนรุ่นใหม่ ก็ “ไม่ได้ติดเทรนอันดับหนึ่ง” แต่อย่างใด

ที่น่าจับตาก็คือ เกิดปฏิกิริยาในด้านลบจากฝ่าย “สามนิ้ว” กลับมาทันที ไม่ว่าจะเป็นแบบแนวร่วม หรือเข้ามาแบบคู่แข่งโดยตรง อย่างระดับ “แกนนำของพรรคก้าวไกล” ที่เห็นได้ชัดก็คือ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่า “ประชาชนต้องการผู้นำ ไม่ใช่หุ่นเชิด”

ก่อนหน้านี้ นายธีรัจชัย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะเอาใครมาทำงานก็ได้ แต่การเป็นพรรคที่ประชาชนคาดหวัง ก็จะต้องเป็นสถาบันทางการเมือง ไม่ใช่เป็นของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือกลุ่มทุนใดกลุ่มทุนหนึ่ง ซึ่งการเข้ามาสู่การเมือง ทุกคนสามารถเข้ามาได้ตามกระบวนการที่ยุติธรรม หรือเป็นประชาธิปไตยภายในพรรค ไม่ใช่ว่าเอาใครที่ไหนมาแล้วก็อยู่ในตำแหน่งสูง ตนเคารพในการตัดสินใจของทุกพรรคการเมือง และไม่ขอไปก้าวล่วง แต่พรรคใดที่จะทำในระบบเหล่านั้น มันก็จะทำให้ความเชื่อถือในการเป็นสถาบันทางการเมืองลดน้อยลง ส่วน กรณี น.ส.แพทองธาร จะได้ขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เพราะเป็นสิทธิของแต่ละพรรค

“แต่ถ้าจะมา ทางพรรคก้าวไกล ก็พร้อมแข่งขัน การที่จะเป็นผู้นำประเทศ ผมเชื่อว่า ประชาชนต้องการผู้นำที่ไม่ใช่หุ่นเชิด ต้องการผู้นำที่เกิดจากความสามารถของตัวเอง มีวิสัยทัศน์ และมาต่อสู้ทางการเมืองด้วยขาของตนเอง ให้ประชาชนได้ตรวจสอบในทุกแง่มุม รวมถึงแสดงผลงานด้วยตัวเองในสภาฯ เชื่อว่า ประชาชนจะเลือกคนแบบนี้ ประชาชนไม่อยากได้หุ่นเชิดและไม่มีอะไรเลย อาศัยบารมีคนอื่นขึ้นมา” นายธีรัจชัย กล่าว

ทำให้ทางพรรคเพื่อไทยต้องตอบโต้ทันควัน โดย นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรค ย้ำว่า เราคิดว่าไม่น่ามีใครเป็นหุ่นเชิดของใคร เราเคารพการตัดสินใจของเขาที่จะคิดอย่างไร เขา (พรรคก้าวไกล) อาจใช้ผู้นำที่เป็นหุ่นเชิด แต่พรรคเพื่อไทยไม่ใช่ มั่นใจทุกคนที่เข้ามา มีความรู้ มีความสามารถ และไม่มีใครยอมเป็นหุ่นเชิด ไม่เคยดูถูกใครว่าใครเป็นหุ่นเชิดของใคร และไม่ได้มองว่าคนที่มีอุดมการณ์เดียวกับเราเป็นคนที่มาเป็นคู่แข่งกัน ถ้าเป็นคนมีความรู้ความสามารถพร้อมสนับสนุน อยากเห็นการเมืองที่สร้างสรรค์ ไม่อยากให้มีทัศนคติที่ไม่ดีไปขวางกั้นคนที่ต้องการเข้ามาทำงานทางการเมืองให้กับประเทศชาติ

นอกเหนือจากนี้ ยังสังเกตเห็นได้ว่าในโลกออนไลน์ก็มีการโจมตีกันไปมาระหว่างกลุ่มที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล กลุ่มที่สนับสนุน “ม็อบสามนิ้ว” ที่โจมตีการเข้ามาของ น.ส.แพทองธร ชินวัตร อย่างรุนแรง และยังมีการ “ขุดเอาเรื่องในอดีต” ที่เป็นข้อกล่าวหาที่เกี่ยวกับเรื่อง “ข้อสอบรั่วในการสอบเอนทรานซ์” ของเธอเมื่อปี 47 อันอื้อฉาว มารีรันใหม่อีกรอบ

นี่ยังไม่นับการย้อนอดีตเพื่อทบทวนความทรงจำของ นายไชยยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในเรื่องเดียวกัน ยิ่งทำให้ข้อเสนอในเรื่อง “ปฏิรูปการศึกษา” ของ น.ส.แพทองธาร ด้อยค่าลงไปอย่างถนัดใจ เพราะต้องไม่ลืมว่าครอบครัวของ นายทักษิณ ชินวัตร มีเรื่องอื้อฉาว มีข้อกล่าวหาในเรื่องทุจริตการศึกษามาแทบจะครบทุกคน เพราะนอกจาก “อุ๊งอิ๊ง” แล้ว พี่ชายคนโต คือ “โอ๊ค” นายพานทองแท้ ชินวัตร ก็มีปัญหาเรื่องการทุจริตการสอบ ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ส่วน นางพินทองทา คุณากรวงศ์ (ชินวัตร) พี่สาว ก็มีปัญหาถูกครหาในเรื่องการเปลี่ยนสถานะจาก นักศึกษาในภาคพิเศษ มาเป็นภาคปกติ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรฯ

ถึงได้บอกว่า งานนี้ “ไม่หมู” เพราะจะกลายเป็นว่า “แผลเก่า” ที่เคยมี จะถูกขุดขึ้นมาประจานกันอีก และคราวนี้ “คนรุ่นใหม่” ที่ไม่เคยรู้ก็จะรู้ว่ามันเคยเกิดอะไรขึ้นมาแล้วบ้าง และที่สำคัญ เสียงโจมตีที่น่าจะ “มีน้ำหนัก” มากที่สุดก็เห็นจะเป็นคนที่ “เคยเป็นพวกเดียวกัน” หรือ แนวร่วมกันมาก่อนนั่นเอง

ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งมันก็สะท้อนให้เห็นว่า “ถึงเวลาแล้ว” ที่ต้องมีการเปิดศึกกันโดยตรง ระหว่างพรรคก้าวไกล กับพรรคเพื่อไทย หลังจากก่อนหน้านี้ ได้พยายาม “เก็บอาการ” แต่นับจากนาทีนี้เป็นต้นไป มันจำเป็น “ต้องเขี่ยอีกฝ่าย” ให้พ้นทางไป เพราะฐานการสนับสนุนอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งแม้ว่าจะไม่พูดว่าใครมีฐานหนาแน่นมากกว่ากัน แต่เอาเป็นว่าต่างฝ่ายก็ต้องการดึงเสียงมวลชนให้มาสนับสนุนพรรคการเมืองของตัวเองให้มากที่สุด

นี่เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น ในอนาคตจะยิ่งหนักกว่านี้อีกหลายเท่า เพราะต้องไม่ลืมว่า พรรคก้าวไกล ก็มีการนำเสนอภาพของ “คนรุ่นใหม่” คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ชิงเก้าอี้นายกฯ คนต่อไปเช่นเดียวกัน

ส่วน “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ที่ นายทักษิณ ชินวัตร หมายมั่นปั้นมือที่จะ “เชิด” ขึ้นมาคุมพรรคเพื่อไทย และมีเป้าหมายจะผลักดันเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงอีกครั้ง โดยขายภาพของคนรุ่นใหม่ที่มากความสามารถ แต่ก็ “เจอตอ”  ยักษ์ที่รุมกระหน่ำเข้ามารอบทิศ โดยเฉพาะจากกลุ่มมวลชนคนกันเอง ที่มาในกลุ่ม “สามนิ้ว” ที่รุมดิสเครดิตทันที ถึงได้บอกว่างานนี้มันไม่หมูเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาแน่นอน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น