พท.เปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง” ลูกสาวทักษิณ นั่ง ปธ.ที่ปรึกษาพรรค ลั่น “พ่อปรารถนาที่จะกลับมากราบแผ่นดินไทยอีกครั้ง” เผย “แคนดิเดตนายกฯ” GenX ในวงศ์วาน “ชินวัตร” เดิมพันสูงกับสงครามการเมืองครั้งสุดท้าย
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (28 ต.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น พท.เปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง” ลูกสาวทักษิณ นั่ง ปธ.ที่ปรึกษาฯพรรค ลั่น “พ่อปรารถนาที่จะกลับมากราบแผ่นดินไทยอีกครั้ง”
โดยระบุว่า จากกรณีที่วันนี้ พรรคเพื่อไทย จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ที่ศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้านานาชาติจังหวัดขอนแก่น โดยมีกรรมการบริหาร ส.ส. แกนนำ สมาชิกพรรค และกองเชียร์ใส่เสื้อสีแดง ทยอยเดินทางมาร่วมตั้งแต่ช่วงเช้า
ต่อมา พรรคเพื่อไทย มีการเปิดตัว แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง บุตรสาวคนเล็ก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บนเวทีการประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม
โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตัวดิฉันโชคดีที่ได้ใกล้ชิดคุณพ่อ และเป็นช่วงที่คุณพ่อสำเร็จด้านหน้าที่การงาน จึงมีเวลาให้อย่างเต็มที่ และได้เดินทางไปหาคุณพ่อบ่อย ได้แลกเปลี่ยนกับคุณพ่อ และอัปเดตสิ่งใหม่ๆ ให้ฟังเสมอ ได้ฟังนักวิทยาศาสตร์อัปเดตความก้าวหน้าต่างๆ จึงอยากให้ตนเองได้มีโอกาสเข้ามาทำงานที่เพื่อไทย เพื่อผลักดันสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้น เวลาได้ช่วยคนไม่มีโอกาสให้มีชีวิตที่ดีขึ้น นั่นคือ พลังใจที่ดีที่สุด
ไม่คิดเป็นนักการเมือง เพียงหวังให้คนรุ่นใหม่มีโอกาส พรรคเพื่อไทยอาจมีโอกาสได้เป็นพรรคการเมืองหลัก ที่เข้ามาแก้วิกฤต โดยเฉพาะวิกฤตโอกาสของคนรุ่นใหม่ จึงรับที่จะเป็นประธานที่ปรึกษา อยากใช้ประสบการณ์เพื่อทำความฝันของพวกเขาให้เกิดขึ้นมา 3 เรื่องที่อยากปฏิรูป คือ 1. การศึกษา 2. เทคโนโลยี ให้เข้าถึงมากกว่านี้ 3. จะต้องส่งเสริม Soft Power อย่างจริงจัง
พร้อมกับทิ้งท้ายว่า “คุณพ่อ ท่านปรารถนาที่จะได้กลับมากราบแผ่นดินไทยอีกครั้ง กลับมากราบผู้มีพระคุณ”
โดยก่อนที่ แพทองธาร จะขึ้นเวทีนั้น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขึ้นปราศรัยในงานระบุว่า ตอนนี้ถึงเวลาแล้วของคนรุ่นใหม่ มาร่วมกันสร้างอนาคต ตลอด 1 ปี มีความคิดและความตั้งใจว่า เมื่ออายุครบ 80 ปี คงต้องละมือทางการเมือง เพราะแต่ละช่วงที่คิด จังหวะไม่มี
แต่วันนี้ ธีมของงานที่คิดอ่านออกมาใช้เวลาหลายเดือน ถือเป็นทีมคนหนุ่มเพื่ออนาคตของพรรค จึงกราบเรียนว่า เวลา โอกาส จังหวะพอดี จึงขอลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่มาทำหน้าที่ต่อ โดยตนและคณะผู้บริหารจะทำหน้าที่ เป็นคณะกรรมการสนับสนุนยุทธศาสตร์การเมืองของพรรคต่อไป
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น เจาะลึกเทหมดหน้าตัก! แคนดิเดตนายกฯ GenX เพื่อไทย กับสงครามการเมืองครั้งสุดท้าย ของ “ทักษิณ”
เนื้อหาระบุว่า หลังจากที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาแง้ม สเปกนายกฯคนต่อไป ว่า หัวใจต้องเป็นประชาธิปไตย ไม่ได้มองประชาชนเป็นพลทหาร พร้อมมีนัยสำคัญประการหนึ่ง ที่กล่าวถึงคนเจน x ว่า เหมาะจะมานั่งเก้าอี้นายกฯแทน พลเอก ประยุทธ์ ก่อนหน้านี้ นายทักษิณ เคยยกมือไหว้ผ่านคลิป ขอร้องให้ พลเอก ประยุทธ์ ลาออก พร้อมบอกว่า มันหมดรุ่นของเราแล้ว ต้องยอมรับว่า เรามันเก่า ให้เด็กรุ่นใหม่เขาได้ขึ้นมาบริหารบ้าง
ทั้งนี้ นายทักษิณ ยังกล่าวถึงกรณีคลิปลับที่แกนนำพรรคเพื่อไทย เสนอให้ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ เข้ามาเป็นผู้นำพรรคเพื่อไทย จนถูกร้องเรียนยุบพรรค ด้วยว่า งานเลี้ยงดังกล่าว มีคนโทร.มาชวนให้ช่วยพูดอวยพรวันเกิดย้อนหลัง นายเกรียง กัลป์ตินันท์ โดยนายเกรียงก็เลยถามเรื่องของครอบครัว ว่า จะให้คุณหญิงพจมาน มานำพรรคได้หรือไม่ ซึ่งก็เป็นเรื่องภายในบ้าน ไม่ได้เป็นการประชุมพรรค อย่าไปเสียเวลากับเรื่องพวกนี้ เอาเรื่องใหญ่ๆ ดีกว่า ว่า พรรคไหนจะเสนอแนวทางนั้นให้ประชาชน...
ส่วนคุณสมบัติของผู้ที่เหมาะจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ทักษิณ กล่าวว่า หัวใจต้องเป็นประชาธิปไตย ไม่ได้มองประชาชนเป็นพลทหาร และจะต้องตามโลกให้ทัน เพราะการเป็นผู้นำ คือ การเป็นเจ้าภาพที่จะนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ประเทศที่ดีขึ้น ถ้าผู้นำไม่เป็นเจ้าภาพในการเปลี่ยนแปลง แล้วใครจะเปลี่ยนแปลง
เมื่อถามว่า คนเจนเนอเรชันใดเหมาะเป็นนายกฯคนต่อไป “นายทักษิณ” กล่าวว่า เจน x เป็นเจนที่กำลังอยู่ในวัยทำงาน และมีความเข้าใจในเทคโนโลยีโลกยุคใหม่ แต่เบบี้บูมเมอร์ต้องตามทุกเรื่องจริงๆ ถึงจะเอาอยู่ เพราะเราเกิดมาในยุคอนาล็อก โดยคนที่จะเป็นนายกฯนั้น ยังต้องเข้าใจเศรษฐกิจเป็นอย่างดี เพราะความคิดของคนที่กินเงินเดือน จะไม่คิดเลยว่าเงินขาดมือนมันคืออะไร ไม่เข้าใจว่าคนหาเช้ากินค่ำนั้นเป็นอย่างไร
พอมาถอดรหัสคำว่า เจน X คือ คนที่นายทักษิณเล็งไว้ว่า จะให้ขึ้นมาเป็นแคนดิเดตนายกฯให้เพื่อไทย คำถามคือ คนๆ นั้นจะเป็นใคร ถือว่าน่าสนใจมาก ที่กลุ่มคนที่มีอายุระหว่าง 38-53 ปี คือ คนที่นายทักษิณตั้งเป้าวางตัวไว้แล้ว เพราะก่อนหน้านี้ The Truth Deep ได้เจาะลึกจากจันทร์ส่องหล้า ว่า “คุณพงศ์” เขยใหญ่ของชินวัตร จะมาเป็นแคนดิเดตนายกฯคนใหม่ของเพื่อไทย?
สำหรับ ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ เป็นสามีของ พินทองทา คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนรองของนายทักษิณ ที่เป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารบริษัท เอสซี แอสเสท จำกัด (มหาชน) ในวัย 39 ปี และตัวของ พินทองทา ลูกสาวของนายทักษิณ ก็อายุใกล้เคียงกันที่วัย 39 ปี และอยู่ในเกณฑ์ของคนเจน X
รวมทั้งยังมีลูกอีก 2 คนของนายทักษิณ คือ พานทองแท้ และ แพทองธาร ที่เข้าเกณฑ์จะเป็นแคนดิเดตนายกฯเพื่อไทยได้ เนื่องจากที่ผ่านมา เพื่อไทยต่างป่าวประกาศอย่างต่อเนื่อง ถึงรายชื่อของแคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย ว่า ถ้ารู้แล้ว รับรองว่า เซอร์ไพรส์แน่นอน และหาก นายทักษิณ จะเลือกคนเจน X ใกล้ตัว คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะก็เคยส่งน้องสาว “ยิ่งลักษณ์” มาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ก่อนการเลือกตั้ง จนสร้างความฮือฮามาแล้ว
ในส่วนของลูกชายคนโต “โอ๊ค พานทองแท้” แม้จะเคลื่อนไหวเรื่องการเมืองเคียงข้างพ่อมาบ้าง แต่ก็มีประวัติด่างพร้อยในอดีตมาไม่น้อย เมื่อเทียบกับ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ที่ดูจะเด็ดเดี่ยว และสนใจเรื่องการเมืองกว่าพี่ๆ ทั้ง 2 คน อาจจะเป็นไปได้ว่า ลูกสาวคนสุดท้อง ถือเป็นทีเด็ดที่นายทักษิณ จะส่งมาเซอร์ไพรส์ ในฐานะแคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย และตรงตามสเปกที่เจ้าตัวตั้งไว้ และยังเป็นคนเจน X ในวัย 35 ปี ปัจจุบันอุ๊งอิ๊ง เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ของบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น และกรรมการมูลนิธิไทยคม และไม่ว่าสุดท้ายแล้ว แคนดิเดตนายกฯของเพื่อไทย จะเป็นใคร จะเซอร์ไพรส์ระทึกแวดวงการเมืองแค่ไหน แต่สิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลย ก็คือ นี่ถือเป็นสงครามการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของทักษิณ ที่จะได้กลับมามีอำนาจอีกครั้ง เพราะหากมีการเลือกตั้งในปี 2565 นายทักษิณ จะมีอายุครบ 73 ปี เรียกว่าเดินทางมาใกล้ฝั่งเต็มทน และถ้านำเพื่อไทยชนะในครั้งนี้ไม่ได้ ก็ต้องรอต่อไปอีก 4 ปี ซึ่งตอนนั้น นายทักษิณ ก็จะมีอายุ 77 ปี หมดแรงจะสู้ฟาดฟันบนเส้นทางการเมืองอย่างแน่นอน...
แน่นอน, มาถึงวันนี้ เมื่อพรรคเพื่อไทย ตั้ง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร เป็นประธานที่ปรึกษา ก็แทบไม่ต้องสงสัยแล้วว่า ใครคือ แคนดิเดตนายกฯของพรรค แม้ว่าจะยังไม่เปิดเผยก็ตาม
และถ้าฟังจาก “อุ๊งอิ๊ง” สิ่งแรกที่เขาจะทำ ถ้าได้เป็นนายกฯ และกุมเสียงในสภาเป็นส่วนใหญ่ อาจเป็นเรื่องนำพ่อกลับบ้าน อย่างที่เขากล่าวว่า
“คุณพ่อ ท่านปรารถนาที่จะได้กลับมากราบแผ่นดินไทยอีกครั้ง กลับมากราบผู้มีพระคุณ”
แม้ว่ามองอีกมุม จะเป็นการหยอดคำหวานกับฐานการเมือง เอาไว้ก่อน ทำนองพ่ออยากกลับมากราบ อะไรประมาณนั้น
และที่จะมองข้ามไม่ได้อีกอย่าง ก็คือ กรณี จอม เพชรประดับ สื่อมวลชนอิสระ ที่ลี้ภัยในสหรัฐฯ ทั้งยังเป็นคนเคยรักทักษิณมาก่อน ซึ่งเวลานี้มอบใจให้กับขบวนการสามนิ้ว และ “ธนาธร-ปิยบุตร” ไปหมดแล้ว โพสต์เฟซบุ๊ก พร้อมแนบลิงก์บทวิเคราะห์ข่าวเว็บไซต์มติชน ที่พาดหัวว่า เชิงบันไดทำเนียบ นารีขี่ม้าขาว ภาคต่อ? สะพัด “อุ๊งอิ๊ง” ชิงนายกฯ แผนสุดท้าย “ตระกูลชิน” ?
ทั้งนี้ “จอม” แสดงความเห็นบางช่วงว่า พรรคเพื่อไทย ควรจะเปลี่ยนเป็น “พรรคพวกชินวัตร” มากกว่า หากเป็นไปตามที่มติชนวิเคราะห์ ก็น่าจะถึงเวลาที่ “พรรคเพื่อไทย” ควรจะเปลี่ยนชื่อพรรคใหม่เป็น “พรรคพวกชินวัตร” ไปเลย จะได้หมดเรื่อง หมดข้อกังขา กระจ่างแจ้งกันไปเลย
“แสดงว่า ยังไม่เข็ดหลาบกับการเล่นการเมืองแบบวงศาคณาญาติ เหมือนอย่างที่พันธมิตรฯ หรือ กปปส.เคยต่อต้านขับไล่จนบ้านแตก คนในครอบครัวแต่ละคนต้องมีอันเป็นไป อยู่ในแผ่นดินบ้านเกิดตัวเองไม่ได้ เล่นการเมืองแบบนี้ พรรคการเมืองพรรคนี้จะใช้ความชอบธรรมตรงไหน ไปกล่าวหาตรวจสอบทหารที่เอาพี่เอาน้อง เอาคนในครอบครัวมาทุจริตโกงกินบ้านเมืองอยู่เวลานี้
ถึงว่านักการเมืองที่มีคุณภาพ มีอุดมการณ์หลายต่อหลายคนในพรรคนี้ จึงอยู่ในสภาพไร้ค่า ไร้ความหมาย ทำอะไรกันไม่ค่อยได้ เลยต้องหนีหายไปทีละคนสองคน จนเกือบไม่เหลือไว้เป็นเสาหลักค้ำยันหลักการประชาธิปไตยที่พรรคเชิดชูเป็นหนักเป็นหนาอีกต่อไป
คุณทักษิณ แม้จะมีความฉลาดหลักแหลม มีวิสัยทัศน์ในด้านเศรษฐกิจ แต่ในด้านการเมือง คุณทักษิณ ไม่เคยเปลี่ยน ยังคงใช้ ประชาชนเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่ออำนาจและพวกพ้องตัวเองอยู่เหมือนเดิม
ขณะที่ประชาชน เด็กเยาวชน ต่อสู้ด้วยชีวิตเพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย บาดเจ็บ ล้มตาย ติดคุกกันเป็นร้อยเป็นพัน แล้วว่าที่แคนดิเดต หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่โผล่ชื่อกันออกมาแต่ละคน อยู่ตรงไหนในหน้าประวัติศาสตร์ทางการเมืองครั้งสำคัญนี้”
เป็นเรื่องที่คนไทยจะพิจารณาเอาเอง ว่าจริงหรือไม่ และเมื่อคนรู้ไส้รู้พุงกันมาก่อน ออกมาแฉความจริงอย่างนี้แล้ว ถ้าไม่เก็บไปคิด ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว