xs
xsm
sm
md
lg

“โทนี่”พล่านผสมพันธุ์ ลุ้นกลับบ้านอีกเฮือก !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ - คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
เมืองไทย 360 องศา

เป็นการเคลื่อนไหวถี่ยิบสำหรับ “โทนี่ วู้ดซัม” หรือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นักโทษหลบหนีคดีทุจริตในต่างประเทศ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะปี่กลองการเมืองเริ่มเชิดดังขึ้นเรื่อยๆแล้วก็ได้ อีกทั้งหากยังเชื่อว่าเขาเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทยที่แท้จริงแล้วละก็ ไม่ต้องแปลกใจที่จะได้เห็นการเคลื่อนไหวแบบนี้ออกมาให้เห็น เพราะนี่เป็นเพียงบทบาทเริ่มต้นเท่านั้น

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา เขาได้กล่าวในรายการ CARE Talk และ CARE Clubhouse ภาคพิเศษ “ปั้นข้าวเหนียว เคี่ยวความคิด พรุ่งนี้เพื่อชีวิตคนอีสาน” ในกลุ่มการเมืองของพวกเขา โดยส่วนใหญ่เป็นการพูดจาเพื่อปลุกเร้าผู้สนับสนุนให้ช่วยกันเลือกพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะการให้น้ำหนักไปในพื้นที่ภาคอีสาน และสุดท้ายก็ทำให้มีความหวังว่าจะได้กลับบ้านในอนาคตอันใกล้นี้

“ถ้าไม่ชนะชาวบ้านจะจนเรื่อยๆ จะเป็นประเทศยากจนมากขึ้น จากประเทศที่จะพ้นความยากจน ที่บอกว่าคนอีสานจนเพราะโง่และขี้เกียจ คือไม่เข้าใจปัญหาความยากจน โดยปัญหาความยากจนต้องแก้ปัญหาโครงสร้างที่ดินทำกิน โครงสร้างการบริหารจัดการน้ำ โครงสร้างการศึกษา โครงสร้างเงินทุนที่จะใช้สร้างงานในต่างจังหวัด สิ่งเหล่านี้ต้องรับการแก้ไข” โทนี่ ระบุ

ถามว่าบัตรสองใบจะกลับมาใช้ในการเลือกตั้ง มีโอกาสจะได้ ส.ส. 377 เสียงแบบในอดีตหรือไม่ โทนี่ ระบุว่าอยู่ที่ประชาชน ฝั่งประชาธิปไตยต้องแข่งกัน ต้องสามัคคี ต้องผสมพันธุ์กัน เป็นไปไม่ได้ จะผสมพันธุ์อีกฝั่งหนึ่ง
“ถ้าได้กลับไปจะฟื้นคนอีสาน การกลับไปไม่นานเกินรอแน่นอน ถ้าหากมีความคิดของผมช่วยให้ผู้นำประเทศไปใช้จะเป็นประโยชน์ วันนี้เห็นความสำเร็จและล้มเ

หากมองในมุมของฝ่ายตรงข้ามคำพูดและการเคลื่อนไหวดังกล่าวของ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นเรื่องของการ “ขายฝัน” และ “หลอกต้ม” พี่น้องชาวบ้านอีกรอบ ขณะเดียวกันในฝั่งของผู้สนับสนุนโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่ได้ยินแล้วทำให้รู้สึกมีความคึกคักมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากมองตามสถานการณ์แล้วเชื่อว่าคราวนี้ “นายใหญ่” เอาจริง และน่าจะยอมลงทุนปล่อย “ท่อน้ำเลี้ยง” ไหลเข้ามาบ้าง หลังจากหลายปีมานี้ “หยุดไหล” มานานแล้ว ทำให้หลายคนต้อง “ไหลออก” ไปอยู่กับขั้วตรงข้าม มีรายการย้ายพรรค หรือเกิดกรณี “งูเห่า” ให้เห็นอยู่ตลอดเวลา

นอกเหนือจากนี้ ยังมีการแตกทัพออกไปตั้งพรรคใหม่ เช่น กรณีการตั้งพรรคไทยสร้างไทยของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย รวมไปถึงระดับแกนนำพรรคคนอื่นๆ ที่แยกย้ายกันไป จนมีการคาดหมายกันว่าจะต้องมีบรรดาส.ส.และแกนนำพรรคเพื่อไทย จะทยอยย้ายตามไปในการเลือกตั้งคราวหน้าไม่น้อยเหมือนกัน

อย่างไรก็ดี ความเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ ชินวัตร กำลังเกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญ โดยเฉพาะเป็นช่วงที่หลายพรรคการเมืองทั้งใหม่และเก่าต่างเร่งเปิดตัวผู้สมัคร และเริ่มลุยหาเสียงกันล่วงหน้ากันไปทั่วประเทศ และหากมองจุดโฟกัสไปที่ภาคอีสานก็จะได้เห็นทุกพรรคลุยล่วงหน้ากันไปแล้ว ไม่เว้นแม้แต่ “ฝ่ายประชาธิปไตย” ของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นพรรคก้าวไกล หรือแม้แต่พรรคไทยสร้างไทย ที่เริ่มมีการเปิดตัวผู้สมัครนำร่อง ที่จังหวัดขอนแก่นตัดหน้าไปก่อนแล้ว

ขณะที่อีกฝั่งหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างพรรคพลังประชารัฐ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มีการเดินสายตรวจเยี่ยมสถานการณ์น้ำท่วม และตรวจราชการ “หาเสียง”กันแบบเนียนๆกันแทบทุกสัปดาห์เช่นเดียวกัน

แต่ที่น่าจับตาก็คือขั้วที่เรียกตัวเองว่า “ฝ่ายประชาธิปไตย” ไม่ว่าจะเป็นพรรคไทยสร้างไทย และพรรคก้าวไกล ที่กำลังรุกกินแดนในพื้นที่ภาคอีสานเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ และที่ผ่านมา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็ได้รุกอย่างหนักประกาศความพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีในภาคอีสาน

หากพิจารณาในภาพรวมและในทางยุทธศาสตร์แล้ว การเคลื่อนไหวดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบโดยตรงกับพรรคเพื่อไทย ที่มีฐานเสียงอยู่ในที่นั่น อีกทั้งทั้งสามพรรคคือ พรรคเพื่อไทย ไทยสร้างไทย และพรรคก้าวไกล ล้วนมีฐานเสียง “ทับซ้อน” กันดังที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ขณะที่อีกฟากหนึ่งคือพรรคพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทยจะมีฐานเสียงแยกไปอีกกลุ่ม ซึ่งมีสัดส่วนคะแนนเสียงทั้งสองฝั่งมีจำนวนที่ใกล้เคียงกัน เมื่อวัดจากการเลือกตั้งคราวที่แล้ว

เมื่อมีการเคลื่อนไหวแบบนี้ ก็อย่าได้แปลกใจที่ นายทักษิณ ชินวัตร ต้องนั่งไม่ติด เพราะเหมือนกับ “ไฟลนก้น” เพราะพรรคตัวเองยังไม่ชัดเจนว่าจะ “ดันก้น” ใครขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ แทนนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ จะดันคนในครอบครัว ก็ต้องคิดหน้าคิดหลังให้รอบคอบเพราะอาจกลายเป็นจุดอ่อนในยุคสมัยใหม่ที่ออกมาในลักษณะ “สืบทอด” มรดกเหมือนกับที่พวกฝ่ายอ้างประชาธิปไตยชอบนำไปโจมตีคนอื่น

ขณะเดียวกันสำหรับพรรคก้าวไกลที่เวลานี้เริ่มมีเสียงมั่นคงในบรรดาคนรุ่นใหม่ และคนในวัยทำงาน รวมไปถึงมวลชนที่เคยสนับสนุนพรรคเพื่อไทยมาก่อน ก็เริ่มเอนเอียงมาทางนี้แล้ว อย่างไรก็ดีแม้ว่าจะอ้างจากผลสำรวจล่าสุดที่ออกมาว่าพรรคเพื่อไทย ยังแข็งแกร่งในภาคอีสาน แต่เมื่อต้องแชร์คะแนนกับพรรคในกลุ่มเดียวกันโอกาสที่จะพลาดเป้าก็มีไม่น้อย

ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่เขาต้องรีบ “ตัดเกม” เสียตั้งแต่ต้นมือ นั่นคือต้องรีบแตะมือแบะท่าพร้อม “ผสมพันธุ์” กับพรรคก้าวไกล รวมทั้งทุกพรรคในฝั่งเดียวกัน เป็นลักษณะพรรคพันธมิตรเป็นการรับประกันล่วงหน้าสำหรับการร่วมกันตั้งรัฐบาล โดยมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทย จะยังเป็นแกนนำ เป็นทางเลือกเอาไว้หากไม่อาจเข้ามาแบบ “แลนด์สไลด์” ตามที่เคยโม้เอาไว้ เพราะตามสูตรนี้เขาก็ยังมีลุ้นอีกเฮือกว่าจะได้กลับบ้าน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น