“ธนาธร” คุยโว แม้อนาคตใหม่ยุบ ก็หยุด “ก้าวไกล” ไม่ได้ เจอสวน ส.ส.ไม่ทำประโยชน์ วุ่นแต่ม็อบ! “ไพศาล” เย้ย “โทนี่” ออกรหัสลับให้สนใจ คนรู้ทัน จะเข้ามาถอนทุน “กวิ้น” ม.112 เพิ่ม รวม 21 คดี ส่อหมดอนาคต
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (18 ต.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น เสียงตีกลับ! “ธนาธร” ลั่นแม้อนาคตใหม่ถูกยุบ ก็หยุด “ก้าวไกล” ไม่ได้ เจอโซเชียลสวน ส.ส.ไม่ทำประโยชน์ แถมวุ่นแต่เรื่องม็อบ!
โดยระบุว่า หลังจากเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 64 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดขอนแก่น สักการะศาลหลักเมืองจังหวัดขอนแก่น พร้อมประกาศปักธงอีสานหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขอนแก่น โดย นายพิธา กล่าวว่า จังหวัดขอนแก่น ถือเป็นประตูสู่อีสาน และเชื่อว่า ถ้าอยากจะเป็นนายกฯ ต้องเอาชนะใจคนอีสานให้ได้ ซึ่งเจ้าตัวก็ได้กล่าวด้วยว่า
“อย่างที่พวกเราพรรคก้าวไกลยืนยันมาโดยตลอดว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยได้ ต้องชนะใจคนอีสานให้ได้ ด้วยอุดมการณ์ที่แน่วแน่และความจริงใจทั้งหมดที่เรามี เราจะพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะชนะใจคนขอนแก่นและประชาชนทั้งหมดในภาคอีสานต่อไป เมื่อคนอีสานไว้วางใจพรรคก้าวไกล ผมก็จะเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งการเปลี่ยนแปลง ผมก็จะพาให้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคแห่งการเปลี่ยนแปลง”
ต่อมามีการแชร์ข้อความที่ นางอมรัตน์ โชติปมิตต์กุล ส.ส.ก้าวไกล ทวีตข้อความไว้ว่า “ถึงคิววัวชัยภูมิ ต้อนรับนายกควาย” ซึ่งข้อความนี้ อาจจะดูเป็นการใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสม ถึงพี่น้องชาวอีสาน ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ถ้านายพิธาอยากชนะใจคนอีสาน ก็ต้องดูพฤติกรรมลูกพรรคด้วย ไม่ใช่ไปพิมพ์เชิงดูถูกแบบนี้
ขณะเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 64 เพจเฟซบุ๊กของพรรคก้าวไกล - Move Forward Party โพสต์ภาพที่ นายพิธา ขึ้นปราศรัย ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น ซึ่งก่อนเปิดเวทีปราศรัยนำเสนอนโยบายพรรคต่อประชาชนภายใต้ชื่องาน “ก้าวไกล ไปนำแหน่” โดยมีการปราศรัยของทั้งแกนนำพรรค ตัวแทนว่าที่ผู้สมัครของพรรคก้าวไกลในภาคอีสาน และงานแสดงทางวัฒนธรรม ท่ามกลางประชาชนและผู้สนับสนุนพรรคที่เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก
แต่จากการโพสต์ข้อความและหัวข้อการปราศรัยที่ว่า [ประชุมใหญ่ “ก้าวไกล” ประกาศปักธงอีสาน ประกาศวิสัยทัศน์พลิกชะตาดินแดนต้องคำสาปห้ามพัฒนา] ก็ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ 2 มุมมอง
โดยมีชาวอีสานส่วนหนึ่งเข้ามาคอมเมนต์ว่า ชื่นชมพรรคก้าวไกล จะขอเลือกนายพิธาเป็นนายกฯ อยากให้พื้นที่บ้านเราได้พัฒนา และเชื่อว่าพรรคนี้ทำได้แน่นอน
ล่าสุด วันนี้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ ระบุว่า “นั่งย้อนดูไลฟ์การประชุมใหญ่ของพรรคก้าวไกลแล้ว ผมรู้สึกภูมิใจอย่างมาก และเชื่อมั่นว่าก้าวไกลไปต่อได้อย่างเข้มแข็ง กระตือรือร้น พร้อมรับใช้ประชาชน พิสูจน์แล้วว่า การยุบพรรคอนาคตใหม่ เอาธนาธร-ปิยบุตร ออกจากสภา ไม่มีผลอย่างสิ้นเชิง #ก้าวไกลไปนำแหน่”
ทำให้มีคอมเมนต์ชื่นชมในการนำทีมของก้าวไกล ที่เดินหน้ามาเรื่อยๆ นับตั้งแต่วันที่พรรคอนาคตใหม่โดนยุบ พร้อมทั้งชมว่า เพราะมีนายธนาธรหว่านพืชไว้แบบนี้
ขณะเดียวกัน ก็มีบางคอมเมนต์เข้ามาสวนกลับด้วยว่า ที่เขายุบพรรค เพราะทำผิดกฎหมายไม่ใช่เหรอ หยุดโทษคนอื่นแล้วมองสันดานตัวเองเสียบ้าง
นอกจากนี้ ในเพจเฟซบุ๊ก Street Hero V3 โพสต์ถึงประเด็นนี้ด้วยว่า “ใครไปบังคับให้พวกคุณเอาเปรียบพรรคอื่น โดยที่หัวหน้าพรรคปล่อยเงินกู้ยืมเงินจำนวน 191 ล้านบาท ให้พรรคตัวเอง” ทำให้มีชาวโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์ด้วยว่า ยังกล้าพูดว่าภูมิใจ ทางเรานี่อายแทนจนเหนื่อย,
“พร้อมรับใช้ประชาชน” ใช้ปากพูดหรือใช้ตูดพูด พรรคนี้ไม่เห็นทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนหรือประเทศชาติสักนิด แถมสร้างปัญหาไม่จบไม่สิ้น เปลืองภาษีของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ที่มา จะพบว่าสมาชิกพรรคก้าวไกล หลายคน ต่างทำหน้าที่ใช้ตำแหน่งส.ส.ช่วยประกันตัวแกนนำ และผู้ที่โดนแจ้งข้อหา 112 อย่างต่อเนื่อง จนทำให้สังคมมองว่า พรรคนี้อาจจงใจหนุนม็อบที่ต้องการล้มล้างสถาบันฯ
ดังนั้น คำกล่าวของนายธนาธรที่ว่า พร้อมรับใช้ประชาชน อาจจะฟังไม่ขึ้น เพราะพฤติกรรมของ ส.ส.ที่แสดงออกไม่เหมาะสม รวมทั้งการเลือกตั้งที่ผ่านมา น่าจะเป็นตัวชี้วัดได้ว่า สุดท้ายแล้วประชาชนยอมรับก้าวไกลมากน้อยแค่ไหน
ขณะเดียวกัน นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
“รหัสลับ ท่าดีทีเหลว!!!
ทำเป็นเรื่องลึกลับ ออกข่าวเป็นรหัสให้คนสนใจทายทัก คิดว่าไม่มีใครอ่านออกหรือว่าใครเป็นใคร ก็เฉลยให้รู้กันเสียเลย!
1. ท่าทางคุณโทนี่จะถูกยึดอำนาจ หรืออย่างไรก็ไม่รู้ ข่าวคราวจากสำนักข่าวผีบอก ปรากฏว่า ถ้าเป็นตามข่าว พรรคการเมืองก็จะกลายเป็นกงสีไปแล้ว!!!
2. “ท” ที่จะเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองก็เป็นแค่อดีตข้าราชการคนหนึ่ง ลงสนามคราวที่แล้ว ก็ได้ ส.ส. มากระหรอมกระแหรม ซึ่งจะให้เป็นหัวหน้าพรรคใหญ่ ไม่เกรงใจชาวบ้านบ้างหรือ
3. “พ” ที่จะมาเป็นผู้บัญชาการเลือกตั้ง แม้ว่าฉลาด มาดนิ่งและเด็ดขาดกว่าคุณโทนี่ แต่การเลือกตั้งเป็นสมรภูมิของขุนศึกหาใช่ฝ่ายในไม่ และยังออกท่าจัดกระบวนแบบนายอากรบ่อนเบี้ยจัดโควต้ากัน ไม่กลัวดินก็ให้เกรงฟ้าบ้าง!
4. “พ” ที่จะเป็นแคนดิเดตนายกนั้น แม้เป็นสุภาพบุรุษน่ารักไม่มีความด่างพร้อยในหน้าที่ราชการมาก่อนก็จริง
แต่เมื่อครั้งมีอำนาจ ก็ทำการอะไรไม่ได้ เพราะคลับคล้ายจะกลายเป็นหุ่น
บ้านเมืองครั้งนี้ หนักหนากว่าเมื่อครั้งเป็นหัวหน้าหน่วยราชการมากนัก จะไหวหรือ?
5. ต่อให้ชนะเลือกตั้ง ความเก่าความใหม่ฝังใจคนว่า “การเมืองเป็นการลงทุนต้องถอนทุนให้คุ้มค่า” นั้น ที่ไหนเลยเขาจะให้มาถอนทุนอีก!!!!
ดังนั้น การรณรงค์การเมืองเรื่องพรุ่งนี้ก็จะกลายเป็นเรื่องของเมื่อวานซืนไปเสียแล้ว
เห็นแก่ไมตรีที่มีมาแต่ก่อน ก็พูดได้เท่านี้ล่ะครับ
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน THE TRUTH โพสต์ประเด็น “กวิ้น” อนาคตดับสนิท! ปอท.บุกแจ้งข้อหา ม.112 ถึงคุกเพิ่ม รวม 21 คดี คุกอ่วมอย่างน้อย 60 ปี?
เนื้อหาระบุว่า จากกรณีที่วันนี้ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเผยว่า เมื่อวันที่ 8 ต.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ได้เดินทางเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาในคดีตามมาตรา 112 ต่อ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยนับเป็นคดีข้อหานี้คดีที่ 21 ที่เขาถูกกล่าวหาแล้ว
โดยคณะพนักงานสอบสวน เป็นผู้แจ้งข้อกล่าวหาต่อนายพริษฐ์ในคดีใหม่นี้ ซึ่งมีทนายความเดินทางไปร่วมรับฟังด้วย
พฤติการณ์ข้อกล่าวหาระบุว่า เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2564 เวลา 19.00 น. ผู้กล่าวหาซี่งตำรวจยังไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าเป็นใคร พบเห็นภาพและข้อความในเฟซบุ๊กชื่อ “พริษฐ์ ชิวารักษ์” ที่โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2564 เวลา 23.29 น. โดยมีข้อความว่า
“ด้วยรักและ… #28กรกฎาร่วมใจใส่ชุดดำ” พร้อมกับมีภาพนายพริษฐ์ถือภาพถ่ายที่ปรากฏพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 กลับศีรษะ และกำมือชูนิ้วกลางทาบลงบนพระบรมฉายาลักษณ์ ผู้กล่าวหาเห็นว่าข้อความและภาพดังกล่าว ผู้โพสต์แสดงความไม่เคารพและแสดงความอาฆาตมาดร้าย เจตนาดูหมิ่นต่อองค์พระมหากษัตริย์ จึงมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว
พนักงานสอบสวน แจ้งข้อหาต่อพริษฐ์ 2 ข้อหา ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชาอาณาจักร ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) ซึ่งทางนายพริษฐ์ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะให้การเพิ่มเติมเป็นหนังสือต่อไป คดีนี้ จึงนับเป็นคดีที่พริษฐ์ถูกกล่าวหาในข้อหาตามม.112 เป็นคดีที่ 21
อย่างไรก็ตาม โพสต์ข้อความดังกล่าว ยังเป็นโพสต์ที่ถูกพนักงานอัยการ นำไปยื่นคำร้องขอเพิกถอนประกันตัวพริษฐ์ในคดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ด้วย ก่อนที่เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 64 ชนาธิป เหมือนพะวงศ์ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ได้มีคำสั่งเพิกถอนการประกันพริษฐ์ ทำให้เขาถูกคุมขังในเรือนจำมาจนถึงปัจจุบัน รวม 71 วันแล้ว
แน่นอน, สิ่งที่สะท้อนให้เห็นคือ “อนาคต” ของผู้สนับสนุนม็อบ “สามนิ้ว” กับ แกนนำม็อบ “สามนิ้ว” ช่างต่างกันราวฟ้ากับดิน
ผู้สนับสนุนม็อบสามนิ้ว หวังประโยชน์จากการชุมนุมของม็อบสามนิ้ว ในการต่อสู้ทางการเมือง โดยอ้าง “ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์” เพื่อ “ประชาธิปไตย” ที่มีนักการเมืองเป็นใหญ่ที่สุด โดยอ้างมาจากประชาชน
ขณะที่แกนนำม็อบสามนิ้ว ตกเป็นเหยื่อ ที่นักการเมือง เชิดชูให้เป็นนักสู้ผู้กล้า ท้าทายต่ออำนาจเบื้องบน จาบจ้วงล่วงละเมิด โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย จนมีคดีติดตัวคนละมากมาย
สุดท้าย สิ่งที่น่าเศร้าก็คือ แกนนำสามนิ้ว กำลังถูกเท และพูดถึงน้อยลง โดยเฉพาะแกนนำที่โดนคดี จนเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้ แถมผู้สนับสนุน ยังหันไปยุยงปลุกปั่น กลุ่มที่บ้ากล้าชนกว่านี้ อย่าง ทะลุฟ้า ทะลุแก๊ซ ซึ่งกลุ่มเหล่านี้ พร้อมใช้ความรุนแรงกับตำรวจ คฝ. และคาดหวังสถานการณ์รุนแรง จนสุกงอมได้มากกว่า ตามความต้องการของผู้สนับสนุน?
ไม่เพียงเท่านั้น ขณะที่นักการเมือง พรรคการเมือง ที่สนับสนุนสามนิ้ว กำลังพูดถึงโอกาสเป็นไปได้ที่จะสานฝันสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีการพูดถึงการเปลี่ยนแปลง และหลอกล่อเอาใจฐานเสียง ให้สนับสนุนเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผลประโยชน์ของพวกเขา
แต่แกนนำสามนิ้ว กำลังถูกฟ้องคดีอาญาร้ายแรง อย่าง ม.112 คนละหลายคดี เฉพาะ “เพนกวิน” คนเดียว เจอไปถึง 21 คดี คิดดูว่า โทษจะติดคุกกี่ปี ถ้าหากศาลพิพากษามีความผิดจริง
แล้วก็ลองคิดดูว่า จะมีใครที่สนับสนุน มาร่วมแบ่งเบาโทษเหล่านี้บ้างหรือไม่ ด้วยวิธีใด
ต่างกันหรือไม่ ที่นักการเมืองลี้ภัยบางคน หลอกใช้คนเสื้อแดง ให้เคลื่อนไหวเพื่อตัวเอง เมื่อปี 2553 จนติดคุกติดตะราง ก็ไม่เห็นหัวคนสนับสนุน หรือ ตัวแทนไม่เยี่ยมในคุก จนโอดครวญมาถึงวันนี้ แล้ววันนี้นักการเมืองคนนั้น ก็ยังปั่นกระแสหลอกคนไทย เพื่อที่จะกลับมามีอำนาจ หรือ เอื้อต่อคนในครอบครัวให้มีอำนาจอีก เพื่อผลประโยชน์ตัวเอง
เหนืออื่นใด คนไทยที่ไม่รู้อะไรด้วย ต้องมารับเคราะห์ รับกรรม ที่บ้านเมืองวุ่นวายไม่จบสิ้น เศรษฐกิจทรุดแล้วทรุดอีกจนโงหัวไม่ขึ้น ต่อให้คนเก่งแค่ไหนมาเป็นนายกฯ ถ้าเป็นอยู่อย่างนี้ ก็คงนำประเทศไม่รอด
เห็นหรือยังว่า นักการเมือง ทำได้ แล้วเหยื่อของพวกเขา ก็มีให้ใช้งานได้ไม่หมด ขอให้พร้อมจ่ายเท่านั้นเอง จริงหรือไม่ก็ลองคิดดู!