xs
xsm
sm
md
lg

แกนนำ 3 นิ้ว คุกยาว เมื่อคดีเริ่มเดิน !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา



เป็นเรื่องที่น่าติดตามเหมือนกัน สำหรับบรรดาแกนนำ “ม็อบสามนิ้ว” ตัวหลักๆ หลายคนที่เวลานี้ต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำ ระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาล เท่าที่จำได้ก็มี นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” นายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์” และ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน”

ขณะที่อีกคนหนึ่ง คือ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง” ที่ต้องลุ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่ศาลนัดไต่สวนคำร้องเพิกถอนการประกันตัว ในคดีที่ถูกฟ้องจากการชุมนุมร่วมกับพวกที่สนามหลวง เมื่อวันที่ 19-20 กันยายน 2563 โดยเธอถูกตั้งข้อหาตามความผิด มาตรา 112 และมาตรา 116 รวมทั้งความผิดอื่นๆ โดยคดีนี้เธอพร้อมกับจำเลยอีกหลายราย และต่อมามีการร้องศาลให้เพิกถอนประกันตัวมาก่อนหน้านี้ แต่เนื่องจากอ้างว่ามีความเสี่ยงจากการสัมผัสผู้ติดเชื้อโควิด-19 ศาลจึงนัดเลื่อนการไต่สวนไป วันที่ 3 พฤศจิกายน

ดังนั้น หากสรุปให้เห็นภาพก็จะเห็นว่าสำหรับแกนนำม็อบสามนิ้วที่เป็นแกนนำหลักๆ ที่ยังอยู่นอกเรือนจำในเวลานี้ก็น่าจะเป็น น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง” เท่านั้น ส่วนที่เหลือรายอื่น ดังที่กล่าวข้างต้นล้วนถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างการพิจารณาคดีทั้งสิ้น และหากนับเวลาก็ถือว่า “นานนับเดือน” แล้ว

แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีความพยายามยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอประกันกันตัวออกมา แต่ศาลก็ยกคำร้องทุกครั้ง บางคนก็ถูกศาลยกคำร้องไม่ต่ำกว่าสองครั้ง โดยไม่มีเหตุให้ต้องเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ที่น่าสนใจก็คือ เหตุผลที่ศาลระบุในการยกคำร้อง ก็คือ “คดีมีอัตราโทษสูง และหากจำเลยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก และมีการฝ่าฝืนเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวของศาลอาญาด้วย” หรือไปเคลื่อนไหวที่มีพฤติกรรมความผิดซ้ำอีก และมีการถูกดำเนินคดีในลักษณะเดียวกันอีก

อย่างไรก็ดี บรรดาแกนนำม็อบสามนิ้วดังกล่าวที่ถูกเพิกถอนประกันก็ยังมีความพยายามยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มแล้ว ถือว่า “ยังต้องลุ้นกันเหนื่อย” และโอกาสที่จะได้รับการประกันตัว ถือว่าริบหรี่ หากพิจารณาจากเหตุผลของศาลก่อนหน้านี้ ที่ย้ำวา “ยังไม่มีเหตุให้ต้องเปลี่ยนแปลงคำสั่ง” และมีอัตราโทษสูงรวมไปถึงการกระทำผิดเงื่อนไขศาล ซึ่งบางครั้งศาลยังเคยระบุว่าได้ “ให้โอกาสปล่อยตัวชั่วคราวแล้ว แต่ยังมาก่อเหตุซ้ำอีก ความหมายก็คือ จำเลยมีการ กระทำที่ท้าทายกฎหมาย” นั่นแหละ

แน่นอนว่า บรรดาจำเลย หรืออาจจะยังเรียกว่าผู้ต้องหาเหล่านี้ถูกดำเนินคดีแต่ละคนนับสิบคดี และเป็นพฤติกรรมการเคลื่อนไหวในลักษณะความผิดเดิมๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเคลื่อนไหวที่เป็นความผิดเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นความผิดเกี่ยวกับมาตรา 112 ที่พวกเขามักกระทำซ้ำหลายครั้งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเพียงแค่คดีเดียวก็ถือว่ามีอัตราโทษสูงอยู่แล้ว แต่นี่กลับกระทำในลักษณะเดิม “หลายสิบคดี” จึงไม่ต่างจากความเหิมเกริม ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่บรรดาแกนนำม็อบสามนิ้วดังกล่าวนี้จะถูกเพิกถอนประกันตัว

แม้ว่าที่ผ่านมาบรรดาจำเลย หรือผู้ต้องหาเหล่านี้จะพยายามอ้างเรื่องการขอตัวมารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลข้างนอก โดยอ้างในเรื่องประสิทธิภาพในการรักษาพยาบาลจากการที่ติดเชื้อโควิด แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ โดยทางกรมราชทัณฑ์ ยืนยันถึงมาตรฐานในการรักษาและความเท่าเทียมของผู้ต้องขัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีการตรวจสอบอาการแล้วไม่มีอาการหนัก และต่อมาผลการตรวจเชื้อพบว่าไม่มีเชื้อแล้ว

ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากรูปคดีที่เริ่มทยอยถูกฟ้องเข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาล เริ่มมีการไต่สวนทั้งฝ่ายจำเลยและฝ่ายโจทก์ คือ ฝ่ายอัยการเข้ามาแล้ว ถือว่า “คดีเริ่มเดิน” แล้ว และเมื่อพิจารณาตามรูปการณ์แล้ว เมื่อส่วนใหญ่เป็นคดีที่ถูกฟ้องในคดีเดิมๆ มีความผิดแบบเดิมๆ ซ้ำๆ กันหลายคดีแบบต่างกรรม ต่างวาระกันแบบนี้ ก็น่าจะพอมองเหตุอนาคตแล้วว่าน่าจะเป็นเช่นไร

เพราะหากสำรวจจากจำนวนคดีของแต่ละคนแล้ว มีนับสิบคดีจนทำให้อดคิดไม่ได้ว่า หากพวกเขาไม่ได้รับการประกันตัวออกมาระหว่างการพิจารณาคดีที่มียาว “เป็นหางว่าว” แบบนี้ มันต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน และหลังจากนั้น หากศาลตัดสินคดี หากผลออกมาในทางลบ ก็อดคิดไม่ได้ว่ามันจะ “ยาวนาน” แค่ไหน

ประกอบกับเวลานี้เมื่อพิจารณาจากบรรยากาศการชุมนุมของม็อบสามนิ้วในสารพัดชื่อ เริ่มไม่ได้รับความสนใจจากสังคมลงเรื่อยๆ ทำให้แนวร่วมหดหาย เป็นการชุมนุมรายวันที่มีมวลชนหน้าเดิมแค่หยิบมือ และบางกลุ่มก็กำลังกลายสภาพเป็น “แก๊งป่วนเมือง” กำลังสร้างเงื่อนไขให้ถูกเจ้าหน้าที่ใช้กฎหมายกวาดล้าง เนื่องจากสร้างความเดือดร้อน รำคาญ ไม่ใช่เป็นการเรียกร้องทางการเมือง หรือสิทธิประชาธิปไตยแต่อย่างใด เหมือนกับที่กำลังโดนไล่ “เช็กบิล” รายวันถูกหมายจับในข้อหาหนักตามไปอีก

เมื่อบรรยากาศฝ่อลงไปเรื่อยๆ มันก็ยิ่งส่งผลร้ายกับบรรดา “แกนนำที่ถูกดำเนินคดี” เพราะการก่อม็อบเพื่อให้เกิดแรงกดดันมันก็ทำได้ยาก เพราะมวลชนและแนวร่วมน้อย เหมือนกับเวลานี้ที่สังคมเริ่มจะ “ลืม” แกนนำสามนิ้วที่ถูกคุมขังในเรือนจำ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะระยะเวลาที่พอผ่านไปสักระยะหนึ่งทุกอย่างก็จะอยู่ในอาการ “เฉยชา” ไม่คึกคัก หรือสนุกเหมือนช่วงเริ่มต้น ดังนั้น เมื่อพิจารณาตามรูปการณ์และแนวโน้มอนาคต ก็ต้องบอกว่า “คุกยาวๆ” ค่อนข้างแน่ !!




กำลังโหลดความคิดเห็น