ตร.สั่งฟ้อง “แม่ยกทราย” 7 แกนนำ ผิด ม.112 สำนวนถึงมืออัยการ “ขาใหญ่” อดีตนักโทษหลายเรือนจำ เตือน แกนนำชอบจาบจ้วงสถาบันฯ อย่าหลงผิด ระวังติดคุกยาว “ทนายวันชัย” เทียบ “2 มหา กับ ป้าเป้า” แค่แปลก
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (6 ก.ย. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น ตร.สั่งฟ้อง “แม่ยกทราย” 7 แกนนำ คดี ม.112 นำสำนวนถึงมืออัยการแล้ว กรณีชุมนุมราบ 11
โดยระบุว่า วันนี้เพจ สำนักข่าวราษฎร - Ratsadon News โพสต์กรณีที่ตำรวจ สน.บางเขน ส่งตัว “ทราย เจริญปุระ” และเพื่อนแกนนำม็อบราษฎร ให้อัยการ คดี ม.112
ด้วยสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 1821/2563 คดีระหว่าง พ.ต.ท.อนันต์ วรสาสตร์ เป็นผู้กล่าวหา นายอานนท์ นำภา กับพวก เป็นผู้ต้องหา ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาต มาดร้าย พระมหากษัตริย์ฯ เหตุเกิดที่ หน้ากรมทหารราบที่ 11 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 15.00 น. ถึง 22.00 น. ในการชุมนุม หัวข้อ “ปลดอาวุธศักดินา”
พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาและมีความเห็นทางคดีสั่งฟ้องตามข้อกล่าวหา ทางผู้ต้องหาจึงเดินทางมาพบ พ.ต.ท.สราวุธ บุตรดี รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สถานีตำรวจนครบาลบางเขน ที่ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งตัวพร้อมสำนวนการสอบสวนให้กับพนักงานอัยการพิจารณาต่อไป ซึ่งทางอัยการนัดฟังคำสั่งฟ้องในวันที่ 27 กันยายน 2564 เวลา 10.00 น.
สำหรับคำฟ้องบรรยาว่า มีผู้ต้องหาเป็นแกนนำราษฎร ได้แก่ อานนท์ นำภา, พริษฐ์ ชิวารักษ์, ชินวัตร จันทร์กระจ่าง, พรหมศร วีระ ธรรมจารี, พิมพ์สิริ เพชรน้ำรอบ, ณัฏฐธิดา มีวังปลา, สมยศ พฤกษาเกษมสุข และ อินทิรา เจริญปุระ โดย 7 คนแรกนั้น ทำหน้าที่ขึ้นปราศรัย ส่วน อินทิรา มีหน้าที่จัดหารถตู้เพื่อใช้รับส่งประชาชนเพื่อให้ความสะดวกในการมาชุมนุม, เป็นผู้บริหารการทํางานของการ์ด และเป็นผู้ส่งอาหารน้ำดื่มให้กับผู้ชุมนุม
อย่างไรก็ตาม หากย้อนไปเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2563 ทราย และแกนนำคนอื่นๆ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางเขน ตามหมายเรียกข้อหาหมิ่นสถาบันความผิดตามมาตรา 112 และข้อหายุยงปลุกปั่น มาตรา 116 และข้อหาอื่นๆ จากเหตุการณ์ชุมนุม ที่บริเวณกรมทหารราบที่ 11 โดยมีมวลชนและแกนนำได้เดินทางมาให้กำลังใจด้วย
ซึ่งทรายได้กล่าวขอบคุณมวลชนที่มาให้กำลังใจ โดยก่อนเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหา ได้ขอบคุณผู้ชุมนุมที่มาร่วมให้กำลังใจ ว่า
“พูดเหมือนเพนกวินก็ไม่เป็นนะ ปกติบอกแต่ข้าวอยู่ตรงไหน (หัวเราะ) ขอบคุณค่ะ คือ อยากให้มาก็มาค่ะ แต่ถ้าอยากให้หยุดต้องทำมากกว่านี้ก่อน ขอบคุณค่ะ ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว ความรู้สึกที่โดนข้อหา ม.112 ก็รู้สึกกล้ามาก เก่งมาก กูโดนได้ไง (หัวเราะ) แต่ก็คิดว่าถ้าเราโดนได้ ทุกคนก็โดนได้นะคะ ก็ยินดีกับทุกๆ คนด้วย ถ้ายังไม่เลิกทุกคนก็มีสิทธิ์โดน เดินผ่านไม่ก้ม ยิ้มมากไม่พอ ใส่เสื้อไม่สวย อะไรก็โดนได้หมดเลย ขอบคุณมากนะคะที่มา แต่อยากให้เวลาน้องๆ ทุกคนที่เป็นแกนนำไป อยากให้มีคนไปให้กำลังใจเยอะๆ แบบนี้ มันมีความหมายมากๆ เลย ขอบคุณค่ะ”
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็นขาใหญ่มาเอง!! อดีตนักโทษ เตือนคนรุ่นใหม่ อย่าหลงผิดชุมนุม ชีวิตแกนนำชอบจาบจ้วง เตรียมรอวันดับ
โดยระบุว่า จากกรณีที่แกนนำกลุ่มราษฎร ได้ถูกจับกุมตัวเข้าเรือนจำทั้งหมด 8 ราย ตั้งแต่ช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทั้งหมดถูกเพิกถอนประกันตัว และมีหลายรายที่ติดโควิด อยู่ระหว่างการรักษา
ในรอบนี้มีแกนนำ เช่น ทนายอานนท์, เพนกวิน, ไมค์ ภาณุพงศ์, ไผ่ ดาวดิน และ ฟ้า พรหมศร ที่ถือเป็นแกนนำตัวหลักของม็อบราษฎร และกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ เหลือเพียง รุ้ง ปนัสยา เพื่อนซี้ของเพนกวิน ที่ทำหน้าที่ปลุกระดมมวลชนให้ออกมาร่วมการชุมนุม แต่ระยะหลังพบว่าไม่เป็นผล มวลชนมาน้อย และบางส่วนไปร่วมกับกิจกรรมคาร์ม็อบของนายณัฐวุฒิเป็นส่วนใหญ่
ทั้งนี้ การถูกเพิกถอนประกันตัวของเหล่าแกนนำ เป็นผลมาจากการทำความผิดซ้ำๆ ที่ผิดเงื่อนไขศาล และยังมีการพาดพิงสถาบันฯอย่างต่อเนื่อง ซึ่งครั้งนี้มีแนวโน้มสูง ที่จะไม่ได้รับอนุญาตประกันตัวชั่วคราว แม้ว่าทางพ่อแม่ของเหล่าแกนนำ จะพยายามทำเรื่องขอให้พาตัวลูกๆ ออกไปรักษาโควิดนอกเรือนจำก็ตาม
ที่ผ่านมา การชุมนุมถือเป็นการรวมตัวของคนรุ่นใหม่ ที่อ้างว่าอยากเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงแบบสันติ และเป็นประชาธิปไตย แต่หลายครั้งพบว่า มีการพาดพิงสถาบันฯ ไม่ใช่โจมตีรัฐบาลเพียงอย่างเดียว จึงทำให้นักวิชาการ คนดังหลายคน ออกมาเตือนว่า อย่าหลงผิดไปกลับการปลุกระดมของแกนนำ หรือแม้แต่การโพสต์ข้อความโจมตีคนอื่น โพสต์พาดพิงสถาบันฯ เพราะหากโดนคดี สุดท้ายก็ต้องสู้อยู่เพียงลำพัง ต่างจากแกนนำที่แม้จะเข้าไปอยู่ในเรือนจำ ยังมีเงินหมุนเวียนให้ใช้ไม่ขาดมือ
ล่าสุด ในโลกออนไลน์ ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้แชร์คลิปวิดีโอ ของหนุ่มที่ชื่อว่า “เอ็ม พาราไดซ์” ซึ่งเคยเป็นอดีตนักโทษ เรียกว่า เป็นขาใหญ่ในเรือนจำเลยก็ว่าได้ และได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า “เอ็ม พาราไดซ์ อดีตนักโทษที่เป็นขาใหญ่มาหลายเรือนจำ เตือนพวกที่จะติดคุก คดีหมิ่นเจ้า”
ทั้งนี้ ในคลิป หนุ่มคนดังกล่าว เตือนว่า ที่ผ่านมา ตนเองเห็นมากับตาหมดแล้ว นักโทษคดีอื่นๆ เวลาทำผิด หากไม่หนักหนามาก เขาจะทำความดี เพื่อรอวันได้รับอภัยโทษจากพระเจ้าแผ่นดิน นี่คือ ความเมตตาที่พระองค์มีต่อคนแบบพวกเรา ผมผ่านอะไรมาเยอะ จึงอยากเตือนน้องๆ อย่าไปหลงผิด ยิ่งพวกพาดพิงสถาบันฯ แกนนำต่างๆ บอกเลยว่า ยิ่งทำผิด คุณไม่มีทางได้รับอภัยโทษ แล้วชีวิตจะลำบากแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ได้มีหลายๆ คอมเมนต์เข้ามาบอกว่า เตือนไปพวกนั้นคงไม่ฟัง ถึงต้องเข้าคุกแบบนี้ ไม่ได้กลัว เพราะเดี๋ยวถ้าได้ปล่อยตัว ก็ออกมาทำผิดได้อีก
ทั้งนี้ “เอ็ม พาราไดซ์” ปัจจุบันผันตัวมาทำรายการทางช่องออนไลน์ เป็นยูทูบเบอร์ดัง และเจ้าตัวจะเล่าถึงประสบการณ์ที่เคยอยู่ในเรือนจำ เพื่อเตือนสติสังคม ว่าอย่าทำผิด และยังเล่าถึงความลำบากต่างๆ ที่ต้องเจอในเรือนอีกด้วย
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน THE TRUTH โพสต์กรณีที่ 2 พระนักเทศน์ชื่อดัง “พระมหาสมปอง” และ “พระมหาไพรวัลย์” ไลฟ์สดสนทนาธรรม โดยมีเนื้อหาสอดแทรกความบันเทิง นำวลีเด็ดที่วัยรุ่นใช้กันในปัจจุบันมาพูดคุยในไลฟ์ ทำให้มีคนติดตามชมจำนวนมาก ขณะเดียวกัน ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม หรือไม่เหมาะสมต่อสมณสารูป มีผู้เข้าชมและติดตามกว่า 2 แสนคน จนเกิด 2 มุมมองทั้งเห็นด้วยและไม่เหมาะสม
.
เรื่องนี้ นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าว โดยมีการเปรียบเทียบกับกรณีของ นางวรวรรณ แซ่อึ้ง หรือ ป้าเป้า ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของกลุ่มแนวร่วมคณะราษฎร เพราะป้าเป้าจะปรากฏตัวอยู่ในการชุมนุมแทบทุกครั้ง ระบุว่า
.
“ป้าเป้าคนสูงวัย ชาวบ้านธรรมดาๆ ด่าพลเอก ประยุทธ์ ด่ารัฐบาลไม่ยั้ง ด่าแบบสุดๆ ด่าชนิดที่ว่าไม่สนใจว่าจะเป็นหน้าอินทร์หน้าพรหม แก้ผ้าด่า เปิดผ้าด่าหยาบๆ คายๆ ที่ใครไม่กล้าด่า แต่ป้าเป้ากล้าด่า จนป้าเป้าดังระเบิดระเบ้อ ในที่ชุมนุมทุกครั้งก็จะมีป้าเป้าเป็นคนหนึ่งที่ปราศรัยได้ถึงอกถึงใจติดเทรนด์ทวิตเตอร์
มหาสมปอง กับ มหาไพรวัลย์ ก็กำลังติดเทรนด์ทวิตเตอร์แบบที่ใครๆ ก็ยังงงว่าเกิดอะไรขึ้น พระสงฆ์องค์เจ้าก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปคนละแง่คนละมุม ทั้งดีและไม่ดี เหมาะสมและไม่เหมาะสม ส่วนตัวผมเข้าไปดูเห็นแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับป้าเป้า เพราะคนทั่วไปไม่กล้าทำแบบป้าเป้า ป้าเป้าเลยเด่นดังขึ้นมา พระสงฆ์องค์เจ้าที่นุ่งเหลืองห่มเหลืองโดยทั่วไปก็ไม่มีใครกล้าทำเหมือนมหา 2 องค์ ไลฟ์สด เล่นมุขเล่นแก๊ก ตลกโปกฮา หัวเราะร่วนน้ำหูน้ำตาไหล พูดจาเหน็บแนม กระแหนะกระแหน เสียดสี ประชดประชันนายกฯบ้าง คนนั้นคนนี้บ้าง โดยเฉพาะนายกฯโดนเกือบทุกเม็ดทุกดอก
แต่คนละลีลากับป้าเป้า ป้าเป้าแกเล่นตรงๆ แต่มหา 2 องค์เหน็บไปเหน็บมา ผสมกับมุกแก๊กกลบเกลื่อน อย่างที่ว่า.. พระโดยทั่วไปเขาไม่ทำกัน เมื่อมหา 2 องค์กล้าทำ กล้าเล่น กล้าแสดง มันก็เลยกลายเป็นของแปลกใหม่ เลยติดเทรนด์ทวิตเตอร์ขึ้นมาทันที คนนุ่งเหลืองห่มเหลือง ทำ พูด แสดง ไม่เหมือนพระก็แปลกสิ.. คนก็เลยดูของแปลก
มหา 2 องค์จะภูมิใจที่ดังถึงขั้นติดเทรนด์ทวิตเตอร์หรือเปล่าผมไม่รู้ แต่ผมรู้ว่าที่ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ในครั้งนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับที่ป้าเป้าติดมาก่อนหน้านี้นั่นแหละ…
.อ่านต่อได้ที่ลิงก์ : https://truthforyou.co/64726/?anm=
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ม็อบราษฎร ซึ่งวันนี้ดูเหมือนมีแค่ข่าวแกนนำถูกดำเนินคดีคนละหลายคดีเท่านั้น โดยเฉพาะที่หนักหนาสาหัสไม่น้อย หนีไม่พ้น ม.112
ยิ่งกว่านั้น ยังพบว่า เป็นการทยอยฟ้องมาเรื่อยๆ ตั้งแต่การชุมนุมครั้งแรกเรื่อยมา จนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีการทำผิดทุกครั้งก็ว่าได้ จึงเจอคดีหลายกรรมต่างวาระจำนวนมาก
ขณะที่การชุมนุมพักหลังเริ่มอ่อนล้าโรยแรง มวลชนก็ไม่เข้าร่วม เนื่องจากกลัวการแพร่เชื้อโควิด แถมแกนนำก็ถูกเงื่อนไขให้ประกันของศาล ไม่ให้ออกมาทำผิดซ้ำ จึงไม่มีใครมาดึงดูดมวลชน กระทั่งถูกเทกโอเวอร์ โดยกลุ่มทะลุฟ้า ที่มักปะทะกับตำรวจ คฝ. ด้วยความรุนแรง และกลายมาเป็นม็อบกลุ่มทะลุแก๊ส ซึ่งใช้สมรภูมิดินแดง เป็นจุดนัดปะทะกับตำรวจ เป็นประจำทุกวัน นั่นเท่ากับว่า ม็อบราษฎร แทบจะถูกกลืนไปโดยปริยาย?
แม้ว่า พฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันฯผ่านโลกโซเชียล และข้อเรียกร้อง ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ขับไล่ “พล.อ.ประยุทธ์” และองคาพยพ และแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จะยังคงอยู่ก็ตาม
เหนืออื่นใด สิ่งที่หลายคนออกมาเตือน ดูเหมือนกำลังเกิดขึ้นแล้ว นั่นคือ แกนนำที่ถูกเชิดขึ้นมาเป็นหนังหน้าไฟการต่อสู้กับสถาบันฯ กำลังจะถูกลอยแพ โดดเดี่ยว ให้รับผิดชอบการกระทำของตัวเอง ตามลำพังมากขึ้นทุกที
ไม่มีใครกล้าออกมารับผิดชอบว่า เด็กพวกนี้ทำเพื่อการต่อสู้ของตัวเอง พวกตัวเอง แม้ว่าจะยังมีน้ำเลี้ยงต่อท่อผ่านเงินบริจาคให้สู้คดี หรือ เป็นค่าใช้จ่ายก็ตาม แต่ไม่มีใครออกมาแบกรับทุกข์ร้อนเกี่ยวกับอนาคตของเด็กพวกนี้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปและในที่สุด แค่นี้พอได้หรือยัง? หรือประเมินอย่างไรกับการต่อสู้ครั้งนี้
นี่คือ ความอำมหิตและเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ เพราะอย่าลืมว่า ผลประโยชน์ของคนแค่บางกลุ่ม แต่ต้องแลกด้วยอนาคตของเด็กเยาวชนจำนวนมาก คุ้มหรือไม่
ถ้าต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แล้วมีคนจำนวนหนึ่งออกมา เป็นหนังหน้าไฟ ออกมาติดคุกบาดเจ็บและล้มตายแทนคนอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่กล้าแม้แต่เข้าร่วมอย่างออกหน้า ออกตา คอยแต่ยุยงอยู่เบื้องหลัง โดยไม่ต้องรับผิดชอบ บาดเจ็บและล้มตายด้วย มันต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยประสาอะไร???
ไม่ใช่เพื่อประชาธิปไตยอย่างแน่นนอน หรือใครจะเถียง!?