ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ปิดจ๊อบ “กนก-ธีระ-สันติสุข-สถาพร” ท็อปนิวส์จอยช่อง 5 งานนี้ FC เชียร์ลุงทีวี เผื่อใจไว้ล่วงหน้าบ้างก็ดี
เป็นข่าวคราวที่ทำให้ FC เชียร์ลุงทีวี ร้องกรี๊ด กดไลก์ถูกใจสิ่งนี้กันเป็นทิวแถว เมื่อสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5) สนามเป้า ลงนามกับ บริษัท กาแล็กซี่ มัลติมีเดีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (จีเอ็มซี) ร่วมมือในการผลิตข่าว พร้อมกับเปิดตัว 4 พิธีกรจาก “ท็อปนิวส“” กนก รัตน์วงศ์สกุล, ธีระ ธัญไพบูลย์, สันติสุข มะโรงศรี และ สถาพร เกื้อสกุล
โดย พิธีกรทั้ง 4 จะเข้ามาจัดรายการ 4 ช่วง ช่วงแรก 06.00-07.00 น. ช่วงที่สองคือ 12.00-14.00 น. ช่วงเย็น คือ 18.00-20.00 น. และช่วงค่ำสุดท้าย 20.30-22.30 น.
การเข้ามาร่วมผลิตข่าวของพิธีกรท็อปนิวส์ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ช่องเชียร์ลุง” เป็นกระบอกเสียงให้รัฐบาล ปะฉะดะกับขั้วตรงข้ามโดยเฉพาะยืนซดกับม็อบ 3 นิ้ว … ททบ.5 ย่อมถูกตั้งคำถามจะกลายเป็นช่องฟรีทีวีที่ยกระดับ “แนวรบด้านสื่อ” หรือ ช่องไอโอที่ปฏิบัติการข่าวรุกมากขึ้นหรือไม่
งานนี้ “พล.ท.รังษี กิติญาณทรัพย์” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ททบ.5 ออกตัวมองว่า ได้ 4 พิธีกรที่ถือว่าเป็นสื่ออาวุโส มีประสบการณ์มาร่วมงานเป็นความสำเร็จของช่อง 5 ในปีนี้
ในสถานการณ์แบบนี้ ข้อมูลข่าวสารใครตรงกว่ากัน ยุทธศาสตร์ของการวางแผนใครดีกว่ากัน คนนั้นชนะ เป้าหมายของช่อง 5 คือ จะเอาข่าวที่เป็นความจริงในทุกด้าน เจาะลึกถึงรายละเอียด ที่สำคัญ “จะไม่สร้างความแตกแยกให้แก่สังคม” จะไม่ไปเติมเชื้อไฟ กลับจะดึงฟืนออกจากกองไฟด้วยซ้ำไป
และนโยบายของ “พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้” ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธานกรรมการ (บอร์ด) ของ ททบ.5 ก็ให้นโยบายในเรื่องนี้อย่างชัดเจน
ส่วนเมื่อได้ 4 พิธีกรที่ต้องถือว่ามีแฟนๆ ติดตามจะช่วยเพิ่ม “เรตติ้ง” ให้กับช่อง 5 ที่วันนี้อันดับ 18 ต่ำเตี้ยเรี่ยดินได้หรือไม่ พล.ท.รังษี บอกว่า ไม่ค่อยสนใจ สนใจแต่ความนิยม หรือความเชื่อมั่นที่จะมาดูช่อง 5 มากกว่า มาดูช่อง 5 ด้วยความศรัทธา ความเชื่อมั่น อันนั้นคือเรตติ้งที่คาดหวัง
พูดง่ายๆ ว่า ถ้า 4 พิธีกร หรือ บริษัท กาแล็กซี่ มัลติมีเดียฯ สามารถทำให้คนช่อง 5 มาดูช่อง 5 ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จของช่อง 5 แล้ว
แน่นอนว่า ภาพลักษณ์ของ 4 พิธีกร ที่ผ่านมา มีภาพจำที่จะปฏิเสธไม่ได้ ลีลาการไล่บดขยี้ฝ่ายตรงข้ามออกสื่อ “กนก” ก็รู้ดีว่า แฟนๆ กลุ่มตัวเองคาดหวังที่จะเห็นบทบาทนี้ที่ช่อง 5 แต่พิธีกรดังได้ออกตัว ว่า หลังจากรับฟังนโยบายส่วนตัวกับ พล.ท.รังษี ได้ให้นโยบายและวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองในทุกด้าน เลยรับรู้หน้าที่ว่า เมื่อมาอยู่ภายใต้ร่มเงาของทาง ททบ.5 ก็จะมีโจทย์อยู่ 2-3 ข้อ ที่จะต้องทำ คือ จะต้องนำเสนอความจริงทุกด้าน ทุกมิติ ข้อสอง ไม่ก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม ไม่มีเฮตสปีช (Hate Speech) และ ข้อสาม ทำหน้าที่การเป็นสื่อมวลชนโดยใช้พื้นที่ข่าวช่วยฟื้นฟูประเทศในทุกด้านที่ได้รับจากพิษภัยของโควิด
ขณะที่ “สันติสุข” ก็ออกตัวว่า อย่าเพิ่งตัดสินจากสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ ไม่ต้องกลัวว่าจะมาเติมความเท็จในสังคม
การร่วมมือครั้งนี้ ช่อง 5 จะได้รับผลตอบแทนปีละ 65 ล้านบาท โดยเบื้องต้นลงนามสัญญาเป็นระยะเวลา 1 ปี แต่ถ้าจะผลิตรายการต่อก็สามารถต่อสัญญาได้ทุกปี เพราะตามธรรมเนียมของช่อง 5 ทำสัญญาปีต่อปี
นี่ก็ต้องติดตามดูกันต่อไปว่า 4 พิธีกร จะเข้ามาปลุกยักษ์หลับ หรือจะทำให้ยักษ์หลับไม่ตื่นเลย ที่แน่ๆ แฟนๆ บรรดา FC เชียร์ลุงทีวี เผื่อใจไวัล่วงหน้าหน่อยก็ดี..ว่า รูปแบบการจัดรายการ ด้วยเงื่อนไข และ ผลประโยชน์ทางธุรกิจ ตามธรรมดาที่ “กองทัพต้องเดินด้วยท้อง” ทั้งสองฝ่าย มันอาจจะไม่มันส์ “ทะลุแก๊ส” เหมือนอยู่ในแพลตฟอร์มโซเชียลฯ.. นะจ๊ะ
** ตลาดนัดงูเห่าคึกคัก รับพรรคปลัดฉิ่ง
เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงปลายรัฐบาล ความเคลื่อนไหวของนักการเมืองก็เริ่มคึกคัก เพื่อเตรียมตัวลงสนามเลือกตั้งครั้งใหม่ ขนาดคนในพรรคพลังประชารัฐ อย่าง “พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล” เพื่อนร่วมรุ่น “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังออกมาเปิดตัวว่าจะยกทีม “สมาชิกสายใต้” ไปสังกัด “พรรคปลัดฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ตั้งไว้รอรับ “บิ๊กตู่” กับ “บิ๊กป๊อก”
ส่วนพรรคเพื่อไทย ก็มีภารกิจสำคัญที่จะจัดการปัญหาภายในพรรคให้เรียบร้อย นั่นก็คือ จัดการกับ “งูเห่า” 7 ชีวิต ที่ฝืนมติพรรคในการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่ผ่านมา
7 งูเห่า ที่ว่าก็ประกอบด้วย 1. ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ 2. ธีระ ไตรสรณกุล ส.ส.ศรีสะเกษ 3. จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ 4. นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี 5. พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี 6. วุฒิชัย กิตติธเนศวร ส.ส.นครนายก และ 7. ชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ ส.ส.ปทุมธานี
ในเบื้องต้นนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการจริยธรรมพรรค ได้มีมติที่จะลงโทษงูเห่ากลุ่มนี้ 4 แนวทาง ...หนักสุดคือ “ขับออกจากพรรค” มี 2 ราย ได้แก่ “ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ” เพราะนอกจากจะโหวตสวนแล้วยังพูดกล่าวร้ายให้พรรค สาดเสีย เทเสีย และ “พรพิมล ธรรมสาร” ที่นอกจากโหวตสวนมติพรรคเป็นประจำแล้ว ระยะหลังๆ มานี้ไม่เคยร่วมกิจกรรมกับทางพรรคเลย
โทษรองลงมาเป็น “ภาคทัณฑ์” ซึ่งอาจจะพิจารณาไม่ส่งลงสมัคร ส.ส.ในสมัยหน้า มี 3 คน คือ “ธีระ ไตรสรณกุล-จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์-ชัยยันต์ ผลสุวรรณ์” ...เบาลงมาอีกหน่อย คือ โทษ “ว่ากล่าวตักเตือน” 1 คน คือ “ชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ” ...และสุดท้าย ยังไม่ได้พิจารณาใดๆ คือ กรณีของ “วุฒิชัย กิตติธเนศวร” ที่หายตัวตอนโหวต เมื่อคณะกรรมการจริยธรรมฯ เรียกมาชี้แจง ก็ไม่ได้มา เพราะติดเชื้อโควิด...
ถึงที่สุดแล้วโทษของงูเห่าทั้ง 7 จะเป็นอย่างไร ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมใหญ่ของพรรคตัดสิน ซึ่งอาจจะเป็นช่วงกลางเดือน ต.ค.นี้ หรือปลายเดือน ต.ค. ที่จะมีการสัมมนาพรรคที่ จ.ขอนแก่น
เรื่องอย่างนี้ หากไม่มีใจที่จะอยู่กับพรรคแล้ว การถูกขับพ้นพรรค หรือไม่ส่งลงเลือกตั้งครั้งหน้า ก็คงจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ … เพราะแต่ละคงเล็งที่อยู่ใหม่ไว้แล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำอะไรที่ท้าทายกฎของพรรค
อย่างเช่น “พรพิมล ธรรมสาร” นี่ก็สนิทสนมกับ “ตรีนุช เทียนทอง” รมว.ศึกษาธิการ รวมทั้ง “ผู้กองธรรมนัส” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ส่วน “ชัยยันต์ ผลสุวรรณ์” ก็สนิทสนมกับ “สิระ เจนจาคะ” ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ก็น่าจะช่วยแก้ไข ขยับขยายได้
หรืออย่าง “ธีระ ไตรสรณกุล” และ “จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์” ส.ส.ศรีสะเกษ จังหวัดโซนอีสานใต้ พื้นที่อิทธิพลของพรรคภูมิใจไทย ก็น่าจะคุยกับเจ้าถิ่นแถวนั้นรู้เรื่อง
ยิ่งในรายของ “ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ” ที่ลุกขึ้นมากล่าวร้ายพรรค จนถูกขับออกนั้น คนวงในว่ากันว่า เขาคือ “ดีลเมกเกอร์” หรือคนต่อ “ท่อดูด” ให้กับ “พรรคปลัดฉิ่ง” ที่ว่ากันว่าเป็นพรรคของลุงตู่-ลุงป๊อก ...
จะจริงเท็จอย่างไร จะคึกคักแค่ไหน รอเวลาพิสูจน์ได้ในอีกไม่นาน