xs
xsm
sm
md
lg

พรรค “ปลัดฉิ่ง” แผนสำรอง ดัน “บิ๊กตู่” ไปต่อ!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ฉัตรชัย พรหมเลิศ - พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา - พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
เมืองไทย 360 องศา



แม้ว่าจะเหลือเวลาอีกนานนับปี กว่าจะครบวาระของรัฐบาล ที่นำโดย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่เมื่อนับระยะเวลาในทางการเมือง ถือว่า “สั้นมาก” ดังนั้น เวลานี้จึงได้เห็นความเคลื่อนไหวหลายอย่างให้เห็นชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ

อย่างแรกก็คือ การเคลื่อนไหวการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมา โดยมีการดำเนินการมาอย่างเงียบๆ มานานหลายเดือน นานนับปีแล้ว ซึ่งตามรายงานข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่าอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ “ปลัดฉิ่ง” นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่กำลังเกษียณอายุราชการในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ในชื่อ “พรรคเศรษฐกิจไทย”
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวในวงการรับรู้กันมานานแล้ว เพียงแต่ว่ายังไม่มีใครออกมายอมรับแบบเป็นเรื่องเป็นราว โดยเฉพาะเจ้าตัวอย่าง นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ไม่เคยปริปาก แต่ก็ไม่เคยปฏิเสธ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเวลานั้นตนเองยังรับราชการอยู่จึงไม่เหมาะไม่ควร
แต่ล่าสุดเรื่องดังกล่าวเริ่ม “เข้าเค้า” มากขึ้น จากการเปิดเผยของ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตผู้ร่วมก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ และอดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคในภาคใต้ ว่า เขาพร้อม ส.ส.ภาคใต้ ของพรรคพลังประชารัฐ จำนวนหนึ่ง เตรียมย้ายเข้าสังกัดพรรคใหม่ดังกล่าวสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า
โดย พ.อ.สุชาติ เปิดเผยว่า เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรค พปชร.คนสุดท้าย ที่ประกาศชัดเจนแบบลูกทุ่งว่าจะไม่อยู่กับพรรค พปชร. และได้พูดคุยกับผู้บริหารการเลือกตั้งปี 2562 ในส่วนของภาคใต้ในเรื่องนี้ เบื้องต้นประมาณ 9 คน ที่จะไปร่วมงานด้วยกันกับพรรคใหม่ อาทิ นายทวี สุระบาล กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีต ส.ส.ตรัง ส่วนบางคนเป็น ส.ว.และมีตำแหน่งทางการเมือง ยังไม่ขอเปิดเผย โดยพรรคใหม่ที่จะไปสังกัดอยู่นั้น เป็นไปตามข่าวที่มีนายฉัตรชัย เป็นผู้ดำเนินการด้านธุรการให้เกิดขึ้น หากขั้นตอนต่างๆ เสร็จ ก็จะพูดคุยเพื่อเข้าไปร่วมงานด้วย และเชื่อว่า ผู้ก่อตั้งพรรคใหม่จะรอบคอบในการบริหารจัดการ เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ คาดว่า จะมีความชัดเจนภายในเดือนตุลาคมนี้
ถามว่า ได้พูดคุยกับ ส.ส.ภาคใต้ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพื่อชักชวนไปร่วมงานกับพรรคใหม่บ้างหรือไม่ พ.อ.สุชาติ กล่าวว่าคงไม่ไปชวน ถ้าจะมาอยู่ด้วยกันก็โอเค เราต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีทางเลือก ว่าจะมาอยู่กับเราหรือไม่ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนงาน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ แต่ถ้าไม่มา ก็ไม่ว่ากัน ที่ผ่านมา ส.ส.พปชร.สามารถเอาชนะในพื้นที่ภาคใต้ได้ถึง 13 คนมาจาก 2 สาเหตุ คือ กระแสของ พล.อ.ประยุทธ์ และเกิดจากการบริหารจัดการเลือกตั้งที่ดูกระแสความต้องการในพื้นที่ ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ดังนั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละคน
“บิ๊กตู่” อยู่พรรคไหนก็ขายได้ !!
เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับนายกฯในฐานะเพื่อนนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 12 (ตท.12) หรือไม่ พ.อ.สุชาติ กล่าวว่า เคยคุยกันเมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา โดยตนระบุว่า จะไม่ขออยู่กับ พปชร.แล้ว และได้รับคำตอบกลับมาว่า ถ้าไม่อยู่ก็หาพรรคใหม่สังกัด ซึ่งเป็นการพูดคุยกันตามปกติด้วยความเข้าใจ และการจะไปอยู่พรรคใหม่ ตนไม่ได้คุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะกับหัวหน้าพรรค พปชร. โดยไม่ได้คุยกันมานานแล้ว
“ยอมรับว่า พปชร.มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ คนที่ชอบก็อยู่ไป และพรรคใหม่ที่ไป ไม่ใช่เป็นพรรคสำรองอย่างที่มีข้อสังเกต ถ้าจะดูให้ดีหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ การจะไปเป็นพรรคสำรองให้ใคร คงทำไม่ได้ เพราะถ้าตั้งเป็นพรรคขนาดเล็กก็ตาย ถ้าเป็นพรรคขนาดกลางก็ลุ้นได้ ส.ส.ห้าสิบ-ห้าสิบ ดังนั้น พรรคที่ตั้งขึ้นใหม่ จะต้องเป็นพรรคขนาดใหญ่สถานเดียว โดยที่คนเป็นหัวหน้าพรรค และผู้บริหารของพรรคจะต้องขายได้ เป็นที่ยอมรับ เพราะถ้าชาวบ้านไม่เชื่อถือก็จบเหมือนกัน และจะมีผลถึง ส.ส.และสมาชิกของพรรคนั้นๆ ด้วย” พ.อ.สุชาติ กล่าว
และยังเชื่อว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ เล่นการเมืองต่อก็คงไม่อยู่กับพลังประชารัฐแล้ว เพราะตำแหน่งต่างๆ ในพลังประชารัฐเต็มหมดแล้ว ทั้งหัวหน้าพรรค ประธานยุทธศาสตร์พรรค แค่นี้ก็จบแล้ว บิ๊กตู่ต้องไปสังกัดพรรคขนาดใหญ่ พรรคการเมืองใดก็ได้ที่จะเป็นการทำพรรคที่ต้องสอดรับกับระบบการเลือกตั้งแบบบัตรสองใบเท่านั้น พวกเรายืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไปอยู่ไหน พวกเราทีมงานเลือกตั้งภาคใต้ก็จะไปอยู่ด้วย
ขณะเดียวกัน เมื่อย้อนกลับมาพิจารณา “แบ็กกราวนด์” ของ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ที่มีรายงานว่าเป็นผู้เดินเกมตั้งพรรคใหม่ดังกล่าว ถือว่ามีความใกล้ชิดชนิดที่เรียกว่า “เป็นเงาตามติด” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา “หนึ่งในสาม ป.” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อยู่ตลอดเวลา และเมื่อเชื่อมโยงให้เห็นภาพก็จะเห็น “ภาพแยกส่วน” อีกทีหนึ่งนั่นคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคียงคู่ไปกับ พล.อ.อนุพงษ์ ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะแยกออกงานไปต่างหาก แม้ว่าที่ผ่านมาพวกเขาจะยืนยันหนักแน่นว่า “ไม่ได้แตกกัน” ก็ตาม
เมื่อพิจารณาต่อภาพ “จิ๊กซอว์” ทั้งหมดก็เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ว่า มีแนวโน้มเป็นไปได้มากที่จะใช้ฐาน “พรรคใหม่” ดังกล่าวเป็น “ฐานใหม่” ทางการเมืองในอนาคตของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่แม้ว่าเวลานี้ยังไม่ได้ประกาศว่า “จะไปต่อหรือไม่” แต่เมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวในปัจจุบันมันก็น่าจะเป็นคำตอบชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะการ “เดินสาย” พบประชาชนไปทั่วประเทศ รวมไปถึงการสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบรรดา ส.ส. มากขึ้น
อย่างไรก็ดี หากการตั้งพรรคใหม่ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นจริงในอนาคตอันใกล้ ก็ต้องจับตาดูว่าจะเป็น “พรรคสำรอง” เพื่อสร้างพลังการต่อรอง หรือว่าเป็นแผน “แตกแบงก์ย่อย” เพื่อรองรับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการประนีประนอม และการหาจุดลงตัวภายในพรรคพลังประชารัฐในวันหน้าได้หรือไม่อีกด้วย แต่เอาเป็นว่านาทีนี้ยังเชื่อว่า “เขา” ต้องไปต่อค่อนข้างแน่ !!



กำลังโหลดความคิดเห็น