เมืองไทย 360 องศา
หลังจากมึนกับข่าว “สอง ป.” วัดพลังกันมาสองสามวันว่ามันจะเป็นไปได้แค่ไหน และก็น่าจะเป็นไปตามที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เป็น “พี่ใหญ่” นั่นแหละ ย้ำว่า “ต้องให้ตายเท่านั้นถึงจะทำให้ สาม ป. เลิกรักกัน” เพราะเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาแยกจากกัน ก็จบเห่ทันที
ดังนั้น ไม่ว่าจะมองในมุมไหนก็ยังนึกไม่ออกว่าพวกเขาจะด่วน “ฆ่าตัวตาย” ทางการเมืองไปทำไมกัน แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับพรรคพลังประชารัฐ ในอนาคตนับจากนี้ น่าเชื่อว่า จะได้เห็นภาพของการ “ถ่วงดุล” จากบรรดากลุ่มก๊วนที่รวมกันหลวมๆ มากขึ้น โดยเฉพาะการจะได้เห็นบทบาทของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมากกว่าเดิม ดังจะเห็นได้จากการเชื่อมโยงกับ ส.ส.ในแบบที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
ที่น่าสังเกตก็คือ มีการเชื่อมโยงกับบางกลุ่ม เช่น กลุ่มภาคกลาง-ตะวันออก ที่นำโดย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กลุ่ม “สามมิตร” ของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ นายอนุชา นาคาศัย กลุ่มของ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รวมไปถึงกลุ่ม ส.ส.ภาคใต้
แน่นอนว่า นี่คือ การ “กระชับบทบาท” ภายในพรรคพลังประชารัฐให้ชัดเจนกว่าเดิม เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า การเป็นพรรคใหญ่จากการเลือกตั้งที่ผ่านมา ส่วนสำคัญมาจาก “กระแสลุงตู่” ไม่น้อยเช่นเดียวกัน และบทบาทใหม่ดังกล่าว คงไม่ใช่ลักษณะของการ “แตกหัก” แต่น่าจะเป็นการเคลื่อนไหวที่ป้องกันลักษณะ“ ขาลอย” มากกว่า
อย่างไรก็ดี ยังมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจไม่แพ้กัน สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในบทบาทนายกรัฐมนตรี ก็คือ “กำหนดการเดินสายไปทั่วประเทศแบบทุกสัปดาห์” ที่เพิ่งเปิดเผยออกมาหมาดๆ แบบนี้แหละที่ในทางการเมืองถือว่า “ต้องจับตา” แบบไม่ให้กะพริบกันเลยทีเดียว
ตามรายงานข่าวล่าสุดที่ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดตรวจราชการ และเยี่ยมเยียนประชาชนทั่วประเทศ พร้อมกับเปิดโอกาสให้ ส.ส.ได้เสนอปัญหา และนำเสนอโครงการ แม้ว่าจะบอกว่าเปิดทางให้กับ ส.ส.จากทุกพรรคการเมือง แต่ในความเป็นจริง ก็น่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะจากพรรคพลังประชารัฐ หรือพื้นที่ของ ส.ส.ของพรรค
และแม้ว่าจะระบุว่า ให้บรรดารัฐมนตรีในรัฐบาลจากทุกพรรคเร่งลงพื้นที่ตรวจราชการ และเยี่ยมเยียนประชาชน แต่รับรองว่า ภาพของความเป็นนายกรัฐมนตรี ย่อมเป็นจุดสนใจมากที่สุด และข้าราชการจากทุกหน่วยงานจะต้องตั้งแถวรายงาน
ขณะเดียวกัน ในทางการเมืองภาพใหญ่แล้ว นี่คือ การ “เปิดเกมรุก” เต็มรูปแบบ เพื่อรับมือกับทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะ “ยุบหรือไม่ยุบสภา” ในวันหน้าหรือไม่ก็ตาม เพราะหลังจากที่รับรู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในช่วง “ขาลง” โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่เป็นตัวเร่ง น่าจะเป็นตัวผลักดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องพลิกเกมรุก โดยเฉพาะยังเป็นการอาศัยจังหวะช่วงปิดสมัยประชุมสภาในระยะเวลาเกือบสองเดือนนี้
การเคลื่อนไหวแบบนี้ต่างหากที่น่าจับตา โดยเฉพาะจากฝ่ายตรงข้าม เพราะในความเป็นจริงแล้ว การตรวจราชการไปทั่วประเทศ มองอีกด้านหนึ่งมันก็คือ “การหาเสียง” เก็บคะแนนไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญที่เป็นช่วงปลายของรัฐบาลที่จะครบวาระที่เหลืออยู่อีกราวปีกว่าเท่านั้น ในทางการเมืองถือว่าสั้นมาก
อีกด้านหนึ่งสำหรับตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เหมือนกับว่า เป็นการ “เดิมพันครั้งสุดท้าย” ว่า เขาจะยังสามารถ “ไปต่อ” ได้หรือไม่ เพราะระยะเวลาที่เหลือ ถือว่าเป็นโค้งสุดท้าย ขณะเดียวกัน ก็ต้องลุ้นเอากับเรื่องการควบคุมโรคระบาด หากสามารถ “เอาอยู่” ก็จะนำไปสู่การ “ทยอยเปิดประเทศ” ในช่วงเดือนสองเดือนนี้ เพื่อให้เศรษฐกิจกลับมาเดินได้ให้มากที่สุด ซึ่งเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มที่รายงานรายวัน ถือว่าไปในทิศทางบวก
นอกเหนือจากนี้ เมื่อเวลาเริ่มเดินไปเรื่อยๆ ในวาระของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีน้อยลงเรื่อยๆ การเคลื่อนไหวขับไล่ของฝ่ายตรงข้าม ก็ลดความชอบธรรมลงไปด้วยเหมือนกัน เพราะถึงอย่างไรรัฐบาลก็ต้องไปตามวาระอยู่แล้ว และนำไปสู่การเลือกตั้งให้ประชาชนตัดสินกันในวันหน้า
ดังนั้น หากพิจารณาจากความเคลื่อนไหวแล้ว ยังเห็นว่าน่าจะโฟกัสไปที่การ “เดินสาย” ไปทั่วประเทศแบบทุกสัปดาห์นับจากนี้ไปของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มากกว่า เพราะเหมือนกับว่า นี่คือ การส่งสัญญาณพร้อมรบในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะ “ยุบ-ไม่ยุบ” ก็ตาม อย่ากะพริบตาเป็นอันขาด !!