“ประยุทธ์” รุกลงพื้นที่ ส่งสัญญาณ “ไปต่อ”!?

เมืองไทย 360 องศา

ตามกำหนดการที่เพิ่งออกมาล่าสุด พบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มีกำหนดออกตรวจราชการในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. 64 ลงพื้นที่ จ.ชัยนาท จากนั้นถัดมาในวันที่ 17 ก.ย. 64 จะเยี่ยมเยียนประชาชนและตรวจราชการที่ จ.ชลบุรี

เมื่อได้เห็นรายชื่อจังหวัดที่ออกมาดังกล่าว เชื่อว่า สำหรับคอการเมืองที่ติดตามสถานการณ์มาอย่างใกล้ชิด ก็น่าจะเห็นภาพได้ไม่ยาก แม้ว่าหากจะบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญ หรือมองเป็นเรื่องการเมืองมากเกินไปก็อาจเป็นได้

แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่อง “บังเอิญอย่างร้ายกาจ” ทีเดียว

เริ่มจาก จ.ชัยนาท เชื่อว่า หลายคนรู้ดีว่าเป็นพื้นที่ของ “เสี่ยแฮงค์” นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จาก “กลุ่มสามมิตร” ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยเป็นเลขาธิการพรรคมาก่อนหน้าที่จะปรับเปลี่ยนมาเป็น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ในปัจจุบัน

ขณะที่พื้นที่ จ.ชลบุรี แน่นอนว่า เป็นพื้นที่ของ “เสี่ยเฮ้ง” นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ปัจจุบันยังเป็นหัวหน้ากลุ่มภาคกลาง และภาคตะวันออก ของพรรคอีกด้วย

และหากย้อนกลับมาพิจารณาการเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เริ่มจากการเดินสายในพื้นที่ในแถบปริมณฑลเมื่อสัปดาห์ก่อน เช่น จ.สมุทรปราการ ซึ่งตามกำหนดการระบุว่าเป็นการตรวจราชการตามแผนป้องกันรับมือปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ด้านตะวันออกของสนามบินสุวรรณภูมิ

ในครั้งนั้นมีผู้บริหารองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น นำโดย นางนันทิดา อัศวเหม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ และมี ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ ร่วมต้อนรับ และรับฟังเสนอแนะปัญหา

การเคลื่อนไหวดังกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ เกิดขึ้นภายหลังเสร็จสิ้น “ศึกซักฟอก” ในสภา ที่หลายคนมองเห็นว่าเขาถูก “ท้าทายอำนาจ” และนำไปสู่การ “ปลด” 2 รัฐมนตรีอย่างฉับพลันในเวลาต่อมา คือ “ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พ้นจาก รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ “มาดามแหม่ม” นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พ้นจาก รมช.แรงงาน

และในเหตุการณ์ครั้งนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ย้ำว่า นับจากนี้ไปจะ “ลดระยะห่าง” กับ ส.ส.ลงมา โดยจะพบปะหารือกันใกล้ชิดมากขึ้นกว่าเดิม รวมไปถึงนำเสนอปัญหาในพื้นที่เข้ามาได้โดยตรง ซึ่งถือว่าเป็นการปรับท่าทีใหม่อย่างรวดเร็ว

ภาพที่เป็นรูปธรรมล่าสุดอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ การมอบหมายให้ “เสี่ยเจมส์” นายอนุชา บุรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เข้าร่วมประชุมวิปรัฐบาลเพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะเพื่อเสนอให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบโดยตรงอีกด้วย และได้เริ่มเข้าร่วมประชุมเป็นนัดแรกเมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว

ขณะเดียวกัน เมื่อโฟกัสไปที่ตัวบุคคลดังกล่าวในพรรคพลังประชารัฐ ก็จะเห็นภาพทางการเมืองได้ชัดเจนขึ้น หากพิจารณาจากองค์ประกอบในพรรคที่มี “กลุ่มก๊วน” จำนวนหลากหลายกลุ่ม แต่ที่เป็นกลุ่มก้อนที่น่าสนใจทั้งกลุ่มเก่าและใหม่ เช่น “กลุ่มสามมิตร” ที่มี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน - นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายอนุชา จาก จ.ชัยนาท เป็นแกนนำ

กลุ่มภาคกลางและภาคตะวันออก ที่มี นายสุชาติ ดูแลอยู่จำนวนไม่น้อย และที่น่าสังเกตก็คือ ทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าวนี้ล้วนเคยมี “ข่าวคราว” กับ ร.อ.ธรรมนัส มาเป็นระยะ ทั้งในเรื่องตำแหน่งเลขาธิการพรรคที่ นายอนุชา เคยนั่งอยู่ก่อน รวมไปถึงเก้าอี้ รมว.แรงงาน ของ นายสุชาติ ที่เคยมีข่าวก่อนหน้านี้ว่ามีการกดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ ปรับคณะรัฐมนตรี และหมายตาไปนั่งเก้าอี้ตัวนี้

หากพิจารณาแบบภาพทางการเมือง ก็น่าจะเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนว่านี่คือ “เกมบานลานซ์พาวเวอร์” หรือ “ถ่วงดุลอำนาจ” ในพรรคพลังประชารัฐ ไม่ให้เทน้ำหนักไปที่คนใคร หรือให้บทบาทกับคนใดคนหนึ่งมากเกินไป เพราะหากพูดถึงกลุ่ม “3 ป.” ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่ทาบทับอยู่ในพรรคนี้แล้ว ก็ต้องแชร์ผ่านทุกกลุ่มก๊วนที่มี “พี่ใหญ่” คอยกำกับ

อีกทั้งได้เห็นการปรับท่าทีใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เข้าหาบรรดา ส.ส.มากขึ้น ทั้งจากการเริ่มกลับมาลงพื้นที่หลายจังหวัดพร้อมทั้งสั่งการให้รัฐมนตรีลงพื้นที่รับฟังปัญหาของประเทศ โดยเฉพาะที่น่าจับตาก็คือได้สั่งการให้ “มท.1” พล.อ.อนุพงษ์ ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากปัญหาน้ำท่วม

เอาเป็นว่าเป็นการ “เปิดเกมรุก” เป็นการรุกเข้ามามีบทบาทในพรรคพลังประชารัฐมากขึ้น

และที่น่าจับตาก็คือ นี่อาจเป็นสัญญาณทางการเมือง ทั้งในรูปของการยุบสภาในปีหน้า รวมไปถึงความพร้อม “ไปต่อ” หรือเปล่า!!