เมืองไทย 360 องศา
“2 เรื่องที่ผมขอยืนยันตรงนี้เลย ใครจะไปพูดอะไรก็แล้วแต่ ผมยังไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรีในตอนนี้ ผมจะไม่มีการยุบสภาในตอนนี้ ไม่มีในสมองผมเลย เพราะฉะนั้นใครที่ออกไปพูดในลักษณะนี้ ระวังตัวไว้ด้วยแล้วกัน เพื่อสร้างความตื่นตระหนกอะไรก็แล้วแต่ ในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็มีหลายข่าว ผมก็ได้ติดตามมาโดยตลอด ถ้ามีใครทำเช่นนั้นจริง ผมคิดว่าเป็นคนที่ใช้ไม่ได้”
เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็คุยกันแล้ว พล.อ.ประวิตร ท่านบอกว่าไม่มีอะไร ท่านบอกว่าคุยกับข้างในแล้ว แต่ก็ยังมีการปล่อยข่าวเช่นนี้ออกมาอีก ตนไม่สบายใจ และ พล.อ.ประวิตร ก็ไม่สบายใจ
เมื่อถามย้ำว่า แต่แรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้นมาจากพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลเอง จะมีปัญหาอะไรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้มองตรงนั้น ใครจะเป็นแกนนำ หรือไม่เป็นแกนนำ สมาชิกทุกคนต้องเข้มแข็ง และต้องยึดมั่นในสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริง เพราะฉะนั้นใครไปกล่าวอ้างใครต่างๆ ทั้งหมด อย่าไปเชื่อ ถ้าสงสัยถามนายกฯได้ทุกคน นายกฯอาจจะห่างบ้าง เพราะทำงานคนละบทบาท แต่ยินดีให้คำปรึกษาต่างๆ และได้เตือนอยู่เสมอว่า การทำอะไรก็ตาม หรือแม้แต่การใช้จ่ายงบประมาณ ขอให้บริสุทธิ์ โปร่งใส และถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง ส่วนเรื่องที่ว่าจะมีใครไปทุจริต เดี๋ยวไปสอบกันในกระบวนการข้างล่าง ซึ่งก็ต้องช่วยกันดู ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนผิดมา ผมก็ไม่เอาไว้ ช่วยไม่ได้ เพราะยันแล้วว่าจะต้องไม่ทุจริต
“เพราะฉะนั้นวันนี้ ที่เป็นข่าวมีอยู่ 2-3 เรื่อง คือ การโหวตล้มนายกฯ เรื่องนี้ ถ้ามันจริง ผมถือว่าไม่ใช่สุภาพบุรุษ แล้วเวลานี้ก็ไม่ใช่เวลาที่ต้องมาทำอย่างนั้น ทำไปเพื่ออะไร ผมเข้ามาทำงานก็ทำงาน 100% ทุกเรื่อง ดังนั้น ที่มีข่าวว่าจะมีการไปรวมคะแนนเสียงโหวต ซึ่งจริงไม่จริง ผมไม่ทราบ ผมถือว่าไม่ใช่สุภาพบุรุษ ถ้าทำแบบนี้ ส่วนที่ 2 อาจจะมีการปล่อยข่าวว่าผมจะยุบสภา ทุกคนก็ตื่นตระหนกไปหมด และมีการไปพูดทำนองเรื่องของกำลังคน ทำให้นายกฯ ไม่มีอำนาจในการยุบสภา และเรื่องที่ 3 มีการแอบอ้างหรือเปล่า ผมยืนยันว่า ทุกเรื่องแอบอ้างทั้งสิ้น ผมยืนยัน” นายกฯกล่าว
เมื่อถามว่า ได้ถาม พล.อ.ประวิตร ว่า มาบีบทำไม หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้ถามอย่างนั้น ตนบอกว่า ให้ถามว่ามันมีข่าวอย่างนี้จริงหรือไม่ ก็ไปอ้าง ไปพูดกันเรื่อยเปื่อย ว่า นายกฯไปถาม “ผมไม่จำเป็นต้องไปถามให้เสียศักดิ์ศรี”
เมื่อถามว่า วันนี้ พล.อ.ประวิตร ให้ความมั่นใจอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ยืนยันกับตนมาโดยตลอดทุกวัน ก็ได้คุยกับท่านตั้งแต่มีข่าวเรื่องนี้เกิดขึ้น พล.อ.ประวิตร ก็บอกว่าจะสืบ จะสอบให้ วันนี้ก็มีการสอบแล้ว พล.อ.ประวิตร ก็บอกตนว่าไม่มี อาจจะหลงหูหลงตาหรือเปล่า ก็ไม่รู้นะ วันนี้ก็ต้องตามทั้งหมดว่า พรรคโน้นพรรคนี้ พรรคร่วมรัฐบาลมีบ้างหรือเปล่า หัวหน้าพรรคทั้งหมดก็จะช่วยกัน
“ยืนยันไม่มีการยุบสภา เรากำลังทำงานหนักอยู่ ทำงานสำคัญ เราจะยุบสภาได้อย่างไร เรื่องที่ 2 การแอบอ้างเบื้องสูง ว่าจะมีการเปลี่ยนตัวนายกฯ ถือว่าผิดอย่างร้ายแรง ผมคนเดียวเท่านั้นที่มีโอกาสถวายข้อราชการ คนอื่นไม่มี ชัดเจนไหม”
เมื่อถามว่า มีข่าว พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย โดนแซะเก้าอี้ด้วยเช่นกัน อยากให้คืนโควตาเป็นของพรรคพลังประชารัฐ นายกฯกล่าวว่า “เอาไปทำอะไร เอาไปทำเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติหรือเปล่า”
คำพูดดังกล่าวของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อเช้าวันที่ 1 กันยายน ที่สภา ซึ่งเป็นการตั้งใจตอบคำถามในแบบยาวเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา มีลักษณะเหมือนกับ “ตั้งใจพูดให้เคลียร์” เพื่อหวังสยบข่าวลือ และตัดจบ ปิดเกมการเคลื่อนไหวของ “บางกลุ่ม” ในพรรคพลังประชารัฐ เป็นหลักนั่นเอง
สำหรับความเคลื่อนไหวในสองสามเรื่องดังกล่าว ก็คือ ข่าวการโหวตล้มนายกฯ ปรับคณะรัฐมนตรี ยุบสภา และการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ซึ่งหลักๆ มีประมาณนี้ แต่ที่น่าสนใจก็คือ เป็นความเคลื่อนไหวเพื่อหวัง “สร้างแรงกระเพื่อม” จากคนภายในพรรคพลังประชารัฐนั่นเอง
และจากการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ย้ำชัดเจนว่า รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวที่ว่านี้ พร้อมทั้ง “เตือนเสียงเข้ม” ให้ “ระวังตัวให้ดี” โดยเฉพาะการใช้คำพูดว่าให้ “ระวังกรรม วันหน้าผมจะดูว่าถ้ามันใช่ มันจริงแล้วผมจะทำอะไรได้บ้าง”
ต้องบอกว่าเข้มเต็มพิกัด และตัดเกมแบบตัดจบเร็วมาก เพื่อสกัดความเคลื่อนไหวที่ว่านั้น ซึ่งตามรายงานข่าวเกิดขึ้นมาสองสามวันแล้ว ทั้งก่อนและระหว่างการอภิปรายซักฟอกของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่พุ่งเป้าหมายหลักมาที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นหลัก แม้ว่ายังมีรัฐมนตรีที่เหลืออีกจำนวน 5 คน โดยรายงานข่าวก็ตามที่นายกรัฐมนตรีกล่าวถึง ก็คือ มีความพยายามรวบรวมเสียง เพื่อโหวตล้มนายกรัฐมนตรี โดยใช้เสียงของพรรคเล็กๆ แม้ว่าในความเป็นจริงจะเป็นไปได้น้อยมาก แต่ความหมายก็เพื่อต้องการให้มีการ “ปรับคณะรัฐมนตรี” โดยเป้าหมายพุ่งไปที่ ให้เปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา หลักๆ ก็ประมาณนี้ ที่เป็นความเคลื่อนไหวที่ระบุว่าเกิดขึ้นในพรรคพลังประชารัฐ นั่นเอง
และบังเอิญว่า บุคคลที่อยู่ในข่าวนั้นก็ดันมีข่าวความเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกันพอดี ทั้งเรื่องที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่มีภาพนั่งหารือกับพรรคเล็กในสภา ระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีวันแรก รวมไปถึงก่อนหน้านี้ ก็ปรากฏรายงานข่าวการเข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ที่ทำการ “มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ” ในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ โดยในวันนั้นนอกเหนือจากมีชื่อของ ร.อ.ธรรมนัส แล้ว ยังมี นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน รวมอยู่ด้วย
สำหรับรายงานข่าวก่อนหน้านี้ ระบุว่า มีความพยายามกดดันให้ปรับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พ้นจาก “มท.1” โดยอ้างว่าไม่ค่อยปฏิสัมพันธ์กับ ส.ส.ในพรรค โดยต้องการให้โอนโควตาเป็นของพรรค เพื่อให้ขับเคลื่อนทางการเมือง รองรับการเลือกตั้งคราวหน้า โดย ร.อ.ธรรมนัส ลุ้นจะนั่งเก้าอี้ตัวนี้ โดยจะรวบรวมเสียงของพรรคเล็ก ขู่โหวตคว่ำนายกฯ
สำหรับการ “เปลี่ยนตัวนายกฯ” โดยการแอบอ้างเบื้องสูงนั้น มีความเป็นไปได้ ที่เป็นการ “ผสมโรง” ปล่อยข่าวเข้ามา เพื่อให้เกิดความสับสนมากขึ้น และยังไม่อาจพิสูจน์ได้แน่ชัดว่า มาจากฝ่ายไหนกันแน่ หรือมาจากฝ่ายค้าน
ดังนั้น หากพิจารณาจากคำพูดและท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับความเคลื่อนไหวทั้งสองสามเรื่องดังกล่าว ถือว่า เขารับรู้การเคลื่อนไหวมาตลอด รวมไปถึง “รู้ตัวว่าใคร” ถึงได้เตือนว่าให้ระวังตัวให้ดี และแย้มว่า “คอยดูว่าในวันหน้าผมจะทำอะไรบ้าง” พร้อมกับย้ำว่า “ไม่ปรับ ไม่ยุบ ไม่เปลี่ยน” งานนี้ให้คอยติดตามว่ามีใครบ้างที่ “เงาหัวจะขาดหรือไม่” !!