xs
xsm
sm
md
lg

พปชร.สงบศึกวิน วิน “บิ๊กป้อม” คุมเบ็ดเสร็จ !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
เมืองไทย 360 องศา



เป็นอันเรียบร้อยโรงเรียน “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลังจากการประชุมพรรคในวาระพิเศษ หลังเสร็จศึก “ซักฟอก” และเป็นนัดส่งท้ายก่อนปิดสมัยประชุมสภาสมัยสามัญในสัปดาห์นี้

ที่น่าสนใจก็คือ มีบรรดารัฐมนตรี และ ส.ส.ของพรรค โดยเฉพาะบรรดาแกนนำกลุ่มก๊วนต่างๆ เข้าร่วมการประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง และแน่นอนว่า ที่ต้องจับตาก็คือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ก็เข้าร่วมประชุมด้วย

และที่ต้องมาวิเคราะห์กัน ก็คือ บรรยากาศในห้องประชุม ที่ออกมาในลักษณะ “เคลียร์ใจ” และคำยืนยันว่า ไม่ลาออก จะไม่ไปไหน โดยเฉพาะคำยืนยันจากปาก พล.อ.ประวิตร ที่แจ้งว่าจะไม่มีการปรับกรรมการบริหารพรรค

“ยืนยันว่า จะไม่ลาออกจากหัวหน้าพรรค เพราะรักพรรคพลังประชารัฐมาก และจะอยู่กับพรรค โดยขอให้พวกเราในช่วงหนึ่งปีเศษจากนี้ ให้เตรียมลงพื้นที่และเข้าหาช่วยเหลือประชาชน อะไรที่พรรคจะเข้าไปดูแลและช่วยเหลือได้ พล.อ.ประวิตร ก็จะเข้าช่วยเหลือ พร้อมฝากรัฐมนตรีในพรรคให้ลงพื้นที่คู่กับสมาชิกพรรคด้วย ส่วนการแต่งตั้ง พล.อ.วิชญ์ (เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคนั้น ก็เพื่อดูแลช่วยเหลือวางแผนต่างๆ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป”

“และจากนี้ไปภายในพรรค พปชร. จะไม่มีก๊วนไม่มีกลุ่ม จะมีกลุ่มเดียวคือ กลุ่มประวิตร คือกลุ่มหัวหน้าพรรคเท่านั้น และเวลาพล.อ.ประวิตร พูดก็จะได้ยินเสียงปรบมือของ ส.ส.เป็นระยะ ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรค ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันในที่ประชุมว่า ยังทำหน้าที่เป็นเลขาฯ พรรค ยังช่วยเหลือประชาชนเต็มที่ วันนี้ยังลงพื้นที่และเป็นผู้แทนอยู่ ยังทำงานประสานกับหน่วยงานต่างๆ และยังอยู่กับพรรค พปชร.ต่อไป" คำพูดของ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคและ ประธานวิปรัฐบาลถ่ายทอดคำพูดของ พล.อ.ประวิตร ให้ฟัง

ขณะเดียวกัน ยังมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม รองหัวหน้าพรรคที่อ้างถึงคำพูดของ พล.อ.ประวิตร ว่า หัวหน้าพรรคขอให้ ส.ส.รักกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมกันทำงาน อย่าเป็นกลุ่มเป็นก้อน และไม่มีการพูดถึงเรื่องการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรค

สอดคล้องกับรายงานข่าวว่า พล.อ.ประวิตร ได้ขอให้สลายทุกกลุ่มภายในพรรค โดยขอให้ช่วยกันทำให้พรรคมั่นคง ขอให้รักกัน สามัคคีกัน ช่วยกัน อย่ามีกลุ่ม มีก๊วน ต่อไปจะมีแต่กลุ่มหัวหน้าพรรค แล้วห้ามไปตั้งก๊วน ตั้งมุ้ง ส่วนมุ้งต่างๆ ที่เคยดูแล ส.ส.กันอยู่ ขอให้หยุด ต่อไปถ้าจะดูแล มาเอาที่ผม ผมรับผิดชอบคนเดียวเอง

แน่นอนว่า เมื่อบรรยากาศออกมาแบบนี้ นั่นคือ ทุกอย่างภายในพรรคพลังประชารัฐเหมือนกับการ “สงบนิ่ง” ไม่มีการขยายความขัดแย้งออกไปเพิ่มเติม และที่สำคัญก็คือ นับจากนี้ไปการบริหารจัดการทั้งหมดจะอยู่ในมือของ “บิ๊กป้อม” ในฐานะหัวหน้าพรรคอย่างเบ็ดเสร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลในเรื่อง “ปัจจัย” ที่ต่อนี้ไปจะมาจากเขาโดยตรงในฐานะ “หัวหน้ากลุ่มประวิตร” ตามที่ยืนยันในที่ประชุม

หากพิจารณากันในแง่ยุทธศาสตร์การบริหารพรรค มันก็เหมือนกับการ ใช้ “ยุทธศาสตร์สองขา” แบ่งแยกหน้าที่กันรับผิดชอบ จากนั้นมาเชื่อมโยงเข้าหากันกับพี่น้อง “สาม ป.” และเชื่อมไปถึงรัฐบาล ที่มี “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับผิดชอบโดยตรง และผ่านทางสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นมาจากอดีต เป็นตัวขับเคลื่อนทั้งสององค์ประกอบหลัก นั่นคือ รัฐบาลเชื่อมโยงกับพรรค

เมื่อวกกลับมาที่การ “สลายกลุ่ม” ในพรรคพลังประชารัฐที่จากนี้ไป “ค่าปัจจัยประจำเดือน” จะขึ้นตรงกับ “บิ๊กป้อม” ทั้งหมด รวมไปถึงปัญหาส่วนตัวทุกเรื่องต้องมาถึงเขาทั้งหมด และนับว่านี่คือการควบคุมสั่งการอย่างเบ็ดเสร็จ และเห็นผลจริง เพราะตราบใดที่มี “ปัจจัย” เกื้อหนุนนั่นก็คือ “อำนาจสั่งการ” ได้อย่างแท้จริง และที่ผ่านมา ก็น่าเชื่อว่าเขาก็คง “ดูแล” มาแล้ว แต่อาจไม่ได้ชัดเจน หรือไม่ได้ย้ำออกมาต่อหน้า ส.ส.แบบนี้ เพราะหากสังเกตให้ดีจะเห็นว่า ทุกคนสยบให้กับ พล.อ.ประวิตร ทั้งสิ้น ซึ่งจะว่าไปแล้วสำหรับ ส.ส.หรือนักการเมือง “ปัจจัย” หรือ “กระสุน” เป็นเรื่องสำคัญในการรักษาพื้นที่

ขณะเดียวกัน หากพิจารณาในอีกมุมหนึ่ง การ “สลายก๊วน” ในพรรคพลังประชารัฐเที่ยวนี้ มันก็เหมือนกับการ “ถ่วงดุล” ภายในอย่างชัดเจน ดังจะเห็นได้จากการที่ พล.อ.ประวิตร ได้แต่งตั้ง พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา คนใกล้ชิดมาเป็นประธานยุทธศาสตร์ของพรรค ทำหน้าที่ประสานงาน ส.ส.กับรัฐมนตรีและรัฐบาล แทนที่จะเป็นบทบาทของเลขาธิการพรรคเหมือนอย่างในอดีต

อย่างไรก็ดี สำหรับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่แม้ว่าล่าสุดยังนั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐต่อไป และกลับลำไม่ย้ายพรรคก็น่าจะได้รับ “ข้อมูลใหม่” แม้ว่าการเข้ามาในตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรคของ พล.อ.วิชญ์ ทำให้เขาต้องลดบทบาทไป แต่นาทีนี้ เชื่อว่า เขาคงได้รับ “บทเรียน” บางอย่าง ในการเดินเกมการเมืองที่ไม่โฉ่งฉ่าง “ล้ำเส้น” จนต้องกลับมาตั้งหลักใหม่

ขณะเดียวกัน หากปล่อยให้ ร.อ.ธรรมนัส แยกวงออกไป หรือทำให้เกิดความขัดแย้งขยายวงออกไปมากกว่านี้ ย่อมไม่เป็นผลดีแน่ อย่างน้อยก็ต้องเกิด “แรงกระเพื่อม” ไปถึงรัฐบาล และอาจลุกลามไปถึงการยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ที่นาทีนี้เชื่อว่ายังไม่มีใครพร้อม และที่สำคัญทำให้ “สาม ป.” เสี่ยงที่จะสูญเสียอำนาจในฉับพลัน ให้กับขั้วการเมืองตรงข้าม ดังนั้นเมื่อรูปการณ์ออกมาแบบนี้ถือว่า “วิน วิน” ยังเดินต่อไปได้อย่างน้อยก็ในวาระที่เหลืออีกปีกว่า หลังจากนั้น ค่อยมาว่ากันอีกที !!


กำลังโหลดความคิดเห็น