ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Rangsiman Rome - รังสิมันต์ โรม ระบุว่า...
การแก้รัฐธรรมนูญที่ไม่ชอบธรรมทั้งเนื้อหา กระบวนการ และการมีส่วนร่วมของประชาชน คิดให้ดีก่อนจะลงมติ]
ในวันศุกร์ที่ 10 กันยายน 2564 นี้ จะถึงวาระที่รัฐสภาจะต้องมาพิจารณาเพื่อลงมติกันเป็นครั้งสุดท้าย ว่าจะเห็นชอบกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในเรื่องระบบเลือกตั้งหรือไม่
ความพยายามแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ ริเริ่มขึ้นโดยพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นแกนนำรัฐบาลอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งแม้ว่าสิ่งที่พรรคพลังประชารัฐเสนอมาจะมีหน้าตาแบบเดียวกันกับระบบเลือกตั้งในอดีต ดูเหมือนจะเป็นเรื่องดีที่ได้แก้ปัญหาของระบบเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียว แต่แท้จริงแล้วที่ทำไปก็เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคตัวเองเท่านั้น เนื่องจากระบบเลือกตั้งที่ใช้อยู่นี้เริ่มกลายมาเป็นอุปสรรคในการเพิ่มจำนวน ส.ส. ของพรรคตัวเองให้มากกว่าเดิมไปเสียแล้ว
พอเข้าสู่กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญในรัฐสภา 3 วาระ ก็เริ่มเห็นพิรุธมากขึ้นเรื่อยๆ คือ เมื่อเข้าสู่วาระที่ 2 ตั้งกรรมาธิการพิจารณารายมาตราซึ่งมี ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน ก็มีความพยายามที่จะแก้ให้เกินกว่าหลักการของร่างที่รับมา แรกสุดถึงกับพยายามเอาร่างที่ตกไปแล้วสอดไส้เข้ามาใหม่ พอถูกค้านหนักก็ทำท่าเหมือนจะถอย แต่ก็ยังแอบแทรกเนื้อหาที่เกินหลักการเข้ามาอยู่ดี ทำราวกับว่าหลักการของรัฐสภาที่เคยยึดถือกันมานั้นไม่มีความหมาย อยากจะทำอย่างไรก็ทำไปโดยไม่สนใจว่าจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานผิดๆ ให้กับการเมืองไทยหรือไม่ ขนาดในที่ประชุมมีการพยายามทักท้วงให้หาข้อสรุปให้ได้ก่อนว่าแก้ได้มากน้อยแค่ไหน ก็ไม่รับฟัง ดึงดันจะเดินหน้าต่อไป
จนกระทั่งผลักดันในชั้นกรรมาธิการออกมาได้ เตรียมรอเสนอสภา ปรากฏว่าเมื่อถูกคัดค้านอีก ก็รีบไปตัดเนื้อหาที่เพิ่มเข้ามาทิ้งกันในเช้าวันที่จะเสนอสภานั้น สรุปแล้วที่ทำๆ กันไปก็ยังไม่แน่ใจกันเองเลยว่ามีอำนาจหน้าที่ทำได้หรือไม่ เลยต้องมาถอนด่วนกันในชั่วโมงสุดท้ายแบบนี้
และแล้วผลผลิตที่ออกมาก็เป็นระบบเลือกตั้งที่แม้จะมีบัตรสองใบแล้ว แต่ขาดการกำหนดกรอบ ส.ส. พึงมี ทำให้บางพรรคการเมืองได้ ส.ส. มากเกินสัดส่วนของเสียงประชาชนที่เลือกพรรคนั้นๆ ในขณะที่พรรคอื่นๆ ถูกบีบให้ได้ ส.ส. น้อยกว่าที่ควรจะได้ เกิดปัญหาจำนวน ส.ส. ไม่สอดคล้องกับคะแนนนิยมที่แท้จริงของพรรคการเมือง ซึ่งเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมานานนับสิบปีแล้ว
ซึ่งสำหรับพรรคก้าวไกลนั้น เราเห็นด้วยกับระบบเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ แต่ในขณะเดียวกัน ก็เห็นควรที่จะต้องรักษาการกำหนดกรอบ ส.ส. พึงมีไว้ด้วย เพื่อให้ประชาชนได้เลือกคนที่ใช่ เลือกพรรคที่ชอบ ในสัดส่วนที่ถูกต้อง การที่พรรคพลังประชารัฐ ในอดีตสมัยเป็น คสช. ยังเคยอวดอ้างสรรพคุณของเรื่อง ส.ส. พึงมีไว้หนักหนา แต่วันนี้สิ่งที่เขียนด้วยมือกลับจะมาลบทิ้งด้วยเท้า แสดงให้เห็นว่าพรรคการเมืองนี้มุ่งเพียงสืบทอดอำนาจของ คสช. เท่านั้น ไม่ได้ยึดถือหลักการอะไรจริงๆ เลย
และที่มากไปกว่านั้น ที่พยายามแก้รัฐธรรมนูญกันในเรื่องที่เป็นพื้นฐานที่สุดของระบอบประชาธิปไตย เป็นเรื่องของสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 50 ล้านคน กลับไม่มีการเปิดให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น ร่วมตัดสินใจเลยว่าเขาต้องการระบบเลือกตั้งแบบไหนกันแน่ มีแต่ความเร่งรีบเหลือเกินที่เอาให้ได้อย่างที่ตัวเองต้องการ จนถึงกับทิ้งขว้างหลักการที่ควรจะเป็น
นี่จึงเป็นการแก้รัฐธรรมนูญที่ขาดความชอบธรรมทั้งในแง่ของเนื้อหา กระบวนการ และการมีส่วนร่วมของประชาชน และในการนี้ผมอยากฝากไปถึงเพื่อนสมาชิกรัฐสภาที่กำลังจะลงมติในวันศุกร์นี้ ขอให้คิดทบทวนด้วยว่าการลงมติของพวกท่านนั้นกำลังจะไปรับรองความไม่ชอบธรรมที่เกิดขึ้นนี้หรือไม่