xs
xsm
sm
md
lg

ก้าวไกลผวาสูญพันธุ์ ยุ “บิ๊กตู่” คว่ำแก้ รธน.!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา - ธีรัจชัย พันธุมาศ
เมืองไทย 360 องศา



นาทีนี้ถือว่าเป็นการนับถอยหลังกันแล้ว เพราะหากนับเอาวันที่ 10 กันยายน ที่มีการนัดหมายประชุมรัฐสภา เพื่อลงมติในวาระ 3 ก็เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น สำหรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านการพิจารณาลงมติในวาระสองมาแล้ว ซึ่งตามขั้นตอนหลังจากมีการกำหนดให้พักไว้ก่อน 15 วัน แล้วจึงมาลงมติในวาระสามดังกล่าว

แน่นอนว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นร่างที่เสนอโดยพรรคประชาธิปัตย์เพียงร่างเดียว ที่ผ่านการพิจารณาในขั้นรับหลักการ หรือวาระที่ 1 โดยได้รับการสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาล เช่น พรรคพลังประชารัฐ และพรรคฝ่ายค้าน อย่างพรรคเพื่อไทย ที่ต่างให้การสนับสนุนเต็มที่ ขณะที่ พรรคภูมิใจไทย และพรรคก้าวไกล ที่ไม่เอาด้วย เนื่องจากเห็นว่าทำให้พวกเขาเกิดความเสียเปรียบในการเลือกตั้ง

อย่างที่รับรู้กันว่า การเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อย้อนกลับไปใช้วิธีการเลือกตั้งแบบ “บัตรสองใบ” และกำหนดให้มี ส.ส.เขตจำนวน 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่ออีก 100 คน แม้ว่าในวาระที่ 2 ทางคณะกรรมาธิการเสียงข้างมาก ได้ยอมถอยในบางมาตราที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมเกินกว่าญัตติในขั้นรับหลักการ ในวาระที่ 1 ออกมาแล้ว อีกทั้งยังยอมเปิดทางให้มีการแก้ไขวิธีการนับคะแนน ในแบบ “สัดส่วนผสม” เพื่อไม่ให้คะแนนทิ้งน้ำทั้งหมด โดยจะมีการแก้ไขในร่างกฎหมายลูก ที่เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับวิธีการเลือกตั้งในภายหลัง หากผ่านการโหวตวาระสาม มีผลตามกฎหมายไปแล้ว

อย่างไรก็ดี วิธีการแก้ไขแบบนี้มีเสียงวิจารณ์ว่าทำให้พรรคเล็ก รวมไปถึงพรรคขนาดกลางเสียเปรียบ โดยเฉพาะอาจเลวร้ายถึงขั้นทำให้พรรคเหล่านี้ต้องสูญพันธุ์หลังการเลือกตั้งไปเลย ดังที่เคยมีเหตุการณ์เกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อครั้งที่ใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 และรัฐธรรมนูญปี 2550

อีกด้านหนึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ สร้างความได้เปรียบให้กับพรรคขนาดใหญ่ที่ในเวลานี้หมายถึง พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ รวมไปถึงพรรคที่ก่อตั้งมานานอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่พรรคขนาดกลาง อย่างพรรคภูมิใจไทย และพรรคก้าวไกล ต่างรู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบ จึงไม่เอาด้วย และที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทย ก็มีท่าทีชัดเจนแล้วว่าจะ “ไม่ออกเสียง”

ขณะที่ พรรคก้าวไกล นาทีนี้หากมองกันอย่างเข้าใจก็ต้องถือว่า “น่าเห็นใจ” เหมือนกัน เพราะเหมือนกับ “เดินหน้า ถอยหลังไม่ได้” ไม่รู้จะไปทางไหนดี เพราะรับรู้กันอยู่ว่าตัวเองได้รับประโยชน์จากรัฐธรรมนูญฉบับปี 60 ฉบับปัจจุบัน ที่ตัวเองโจมตีมาตลอดว่าเป็น “รัฐธรรมนูญของเผด็จการสืบทอดอำนาจ” แต่ก็ไม่กล้าพูดให้การสนับสนุน หรือมีความพยายามเสนอแก้ไขให้ใช้ระบบการนับคะแนนแบบ “จัดสรรปันส่วนผสม” ในแบบของเยอรมัน ที่คล้ายๆ กัน แต่ก็ต้องตกไป เพราะบรรดาพรรคใหญ่ไม่เอาด้วย แม้แต่พรรคเพื่อไทย ที่เป็นพรรคฝ่ายค้านด้วยกัน ก็ยัง “ลอยแพ”

อย่างไรก็ดี การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ หากจะให้สำเร็จลงได้นอกเหนือจากต้องใช้เสียงของฝ่ายค้านไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 แล้ว ยังต้องได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือไม่น้อยกว่า 84 เสียง ซึ่งด่านแรกคือ เสียงฝ่ายค้านนั้น ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ยังเหลือเพียงด่าน ส.ว.ที่ถือว่ายังเป็น “ด่านหิน” แม้ว่าในวาระแรกจะมีเสียงส.ว.สนับสนุนจำนวนมาก แต่สถานการณ์ในวันนี้เปรียบเทียบกับตอนนั้น มันต่างกัน และยังคาดเดาไม่ได้ว่าจะออกมาแบบไหน “ยังไม่ชัวร์” เอาเป็นว่ายัง “ห้าสิบห้าสิบ” แต่เหลื่อมไปทาง “ผ่าน” มากกว่าไม่ผ่าน ก็แล้วกัน


แต่สำหรับพรรคก้าวไกล อย่างที่บอก ก็คือ ผวาการสูญพันธุ์ หรืออย่างน้อยต้องลดขนาดลงมาอาจกลายเป็น “พรรคต่ำสิบ” ในอนาคตก็เป็นไปได้ หากการแก้ไขกลับมาใช้การเลือกตั้งแบบบัตรสองใบ และการใช้วิธีนับคะแนนแบบในรัฐธรรมนูญปี 40 ดังนั้น จึงเห็นการดิ้นรนของพรรคก้าวไกลมากเป็นพิเศษ และล่าสุด ขึ้น “มาแปลก” ถึงขั้นที่ต้องใช้วิธียุให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่พวกเขากล่าวหามาตลอดว่า เป็น “เผด็จการ” ให้ส่งสัญญาณให้ ส.ว.โหวตคว่ำการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระ 3 วันที่ 10 กันยายนนี้

ดังจะเห็นจากคำพูดของ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.จากพรรคก้าวไกล และเป็นกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ที่ระบุว่า “การโหวตวาระสามในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ จะผ่านหรือไม่ผ่านอยู่ที่ 2 ส่วน คือ หนึ่ง เสียงของ ส.ว. เพราะกำหนดว่าต้องได้เสียงเห็นชอบจาก ส.ว. 1 ใน 3 ของจำนวน ส.ว.ทั้งหมด หรือ 84 เสียง และสอง อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะส่งสัญญาณอย่างไร และอยากถาม พล.อ.ประยุทธ์ ว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะยื่นดาบให้ศัตรูเพื่อมาฆ่าตัวเอง”

ดังนั้น หากพิจารณาจากอาการดังกล่าวของพรรคก้าวไกล ต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ มองได้ว่าอยู่ในอาการ “พล่าน” ทำทุกทางเพื่อหวังให้ร่างแก้ไขในระบบบัตรเลือกตั้งสองใบคว่ำในวาระสามให้ได้ ถึงขนาดยุให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่งสัญญาณไปถึง ส.ว.ที่พวกเขากล่าวหาว่าเป็นเผด็จการมาตลอด แต่คราวนี้ทุกอย่างกลับออกมาเป็นตรงกันข้ามหน้าตาเฉย !!


กำลังโหลดความคิดเห็น