xs
xsm
sm
md
lg

ทั้งแค้นทั้งอาย พท.-กก.เจอพิษงูเห่าจมเขี้ยว !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ - คารม พลพรกลาง - ชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ
เมืองไทย 360 องศา



ยังเป็นควันหลงให้พูดถึงต่อเนื่องไปอีกสักวันสองวัน หลังผ่านศึก “ซักฟอก” หรือการอภิปรายเพื่อลงมติในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลจำนวน 6 คน ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นเป้าหลัก

ส่วนที่เหลือแม้ว่าจะเป็น “เป้าหมายรอง” แต่ก็น่าสนใจในรายละเอียดบางเรื่องเช่นเดียวกัน มีอยู่ 5 คน ดังที่ทราบกันดี คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พรรคพลังประชารัฐ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พรรคพลังประชารัฐ และ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์

แม้ว่าก่อนหน้านี้ จุดโฟกัสจะมุ่งไปที่การเคลื่อนไหวก่อนการโหวตในญัตติซักฟอก และคะแนนโหวตของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นหลัก เพราะจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่เมื่อทุกอย่างผ่านไปด้วยดี แม้ว่าจะต้องมีอาการ “บางอย่าง” เกิดขึ้นจนต้องทำให้นำมาขบคิด และ “แก้เกม” ตามมาอีกไม่ช้าก็ตาม และนาทีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้กลับมา “ถือดุลอำนาจ” อีกครั้ง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอีกแบบแล้ว

อย่างไรก็ดี เมื่อมองย้อนกลับไปในพรรคฝ่ายค้านหลัก ทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล รวมไปถึงพรรคเพื่อชาติอีกพรรค ที่ถือว่ามีอาการ “เจ็บหนัก” โดยเฉพาะสองพรรคแรก ที่ต้องบอกว่า “หัวร่อไม่ออก ร่ำไห้ก็ไม่ได้” เพราะมีทั้งเจ็บ แค้น เสียหน้าและอายกันเลยทีเดียว

เพราะถึงขนาดมี ส.ส.ของพรรคลุกขึ้นมาประท้วง ลุกขึ้นด่ากราดพรรคตัวเองกลางห้องประชุมสภา ที่บอกว่า “สถานที่อันทรงเกียรติ” ทำให้ฝ่ายที่สถาปนาตัวเองเป็น “ฝ่ายประชาธิปไตย” ถึงกับงง พูดไม่ออกเหมือนกัน

ดังตัวอย่างที่เกิดขึ้นกรณีของ นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย ที่จู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาทิ้งบอมบ์ใส่พรรคตัวเองกลางสภา ด่ายับพรรคเพื่อไทย ว่า ไร้อุดมการณ์ ถูกนายทุนครอบงำ พรรคมีพฤติกรรมไม่ต่างเผด็จการ แม้ว่าหากสังเกตจะเห็นว่าเป็นพฤติกรรมซ้ำๆ เนื่องจากเคยเกิดเหตุแบบเดียวกันนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว ในช่วงการอภิปรายที่ผ่านมา

นอกเหนือจากนี้ ยังได้เห็นการเคลื่อนไหวของ ส.ส.จากพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ เช่น กรณีของ นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ที่แม้ว่าจะรับรู้กันดีกว่า “ย้ายพรรค” ไปพรรคภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งครั้งหน้าแน่นอน เนื่องจากแยกวง ยกเก้าอี้ไปนั่งรวมกลุ่มกันมาพักใหญ่แล้ว แต่คราวนี้นอกจากจะมีรายชื่อเป็น “องครักษ์” พิทักษ์ฝ่ายรัฐบาล คือ รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจที่ถูกซักฟอก คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล และ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ แล้วยังมีความ “พิเศษ” ไปกว่านั้นอีก ในเมื่อลุกขึ้นประท้วงและโต้ตอบกันอย่างดุเดือดกับพรรคที่ยังมีชื่อสังกัดอยู่ คือ พรรคก้าวไกล จนได้เห็นเรื่องราวแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในสภา

ผลจากการสำรวจรายชื่อจากการลงมติของพรรคฝ่ายค้าน ที่กลายมาเป็นที่มาของคำที่เรียกว่า “งูเห่า” นั้น มีอยู่กว่ายี่สิบคนจากสามพรรคดังกล่าว มีทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ที่เพิ่งปรากฏโฉมหน้าชัดเจนในการลงมติครั้งนี้ เช่น พรรคเพื่อไทย มีชื่อของ ส.ส.ที่ “โหวตสวน” ซึ่งในที่นี้รวมถึงพวกที่โหวตในลักษณะ “งดออกเสียง” หรือไม่ลงมติก็ได้ มีหลากหลายรูปแบบ

สำหรับรายชื่อ “ส.ส.งูเห่า” ที่พอรวบรวมมาให้เห็นภาพ เริ่มจากพรรคเพื่อไทย ที่มีไม่น้อยกว่า 7 คน เช่น น.ส.พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย ที่ถือเป็นงูเห่ารุ่นแรกๆ ที่ลงมติสวนทางมาตลอด แต่คราวนี้มีหน้าใหม่ผุดขึ้นมา แต่มั่นใจว่า “ย้ายแน่” ก็มี นายธีระ ไตรสรณกุล นพ.จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ และ นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร ส.ส.นครนายก ซึ่งรายหลังสุดแม้ว่ามีข่าวว่า “ติดเชื้อโควิด” แต่ในวงการก็รับรู้กันดี หรือแม้แต่กรณีของ นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี ที่เป็นถึง “ประธานภาคอีสาน” ของพรรคเพื่อไทย ที่งดออกเสียงให้กับ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แม้จะอ้างเรื่องปัญหาการลงมติ ก็ไม่น่าจะฟังขึ้น

ส่วนพรรคก้าวไกลนั้น นอกจากในรายของ นายคารม พลพรกลาง ที่ถึงขั้นลุกขึ้นประท้วง ส.ส.ของพรรคเดียวกันแล้ว ยังมีกรณีของ นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ หรือ “ทนายบิลลี่” ส.ส.กทม.ที่ประกาศชัดเจนว่า “แยกทาง” กันแน่นอนในคราวหน้า โดยประกาศว่า รับไม่ได้กับท่าทีในเรื่อง มาตรา 112 โดยมี ส.ส.ของพรรคนี้ที่ “โหวตสวน” ในลักษณะไม่ลงคะแนน และงดออกเสียง ถึง 6 คน และยังมีกรณีของพรรคเพื่อชาติอีกไม่น้อยกว่า 4 คน ที่มีทั้งงดออกเสียง และโหวตไว้วางใจรัฐมนตรี

แน่นอนว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจเรียกว่าเป็นแค่ “ควันหลง” ไม่ได้เป็นแก่นสารในระบบรัฐสภา เพราะหากบอกว่านี่คือ “ฝ่ายประชาธิปไตย” ก็น่าจะเป็นเรื่องแปลก แต่หากพิจารณากันแบบจับความรู้สึกและอารมณ์ของพรรคฝ่ายค้านอย่าง พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ที่เกิด “งูเห่า” ยั้วเยี้ยเต็มพรรค แต่ได้แต่มองตาปริบๆ ขณะเดียวกันก็ต้องย้อนกลับมามองตัวเองมีพฤติกรรมเหมือนกับที่ถูกกล่าวหาท้าทายหรือไม่ จนทำให้เกิดอาการ “หัวร่อไม่ออกร่ำไห้ไม่ได้” อย่างที่เห็นหรือไม่ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น