ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ยิ่งขยายยิ่งชัด “โจ้ เฟอร์รารี่” ขาโหดจริง แต่จะอ้าง “ไบโพลาร์” มาสู้-ปั้นคดีรถหรู คนกรมศุลฯ รอซวยตาม
คดีของ “โจ้ เฟอร์รารี่” พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับ สภ.นครสวรรค์ มีความชัดเจนว่า กองปราบปราม ที่รับโอนสำนวนมาเบื้องต้นจะแบ่งเป็น 2 คดี “อุ้มซ้อมทรมานผู้ต้องหา” และ “เส้นทางการเงินและที่มาทรัพย์สิน”
คดีแรกอุ้มซ้อมทรมานจนผู้ต้องหาเสียชีวิต นอกจากคลิปที่เผยแพร่ออกมา เห็นว่า ขณะนี้มีรายงานว่า กองปราบได้รับผลการชันสูตรพลิกศพ “จิระพงศ์ ธนะพัฒน์” ผู้เสียชีวิต จากทางโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยผลการชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิต พบว่า “เกิดจากการขาดอากาศหายใจ” ไม่ใช่เกิดจากพิษสารแอมเฟตามีน ตามที่เคยปรากฏออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งว่ากันว่า ถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะใช้มัดตัวเอาผิด พ.ต.อ.ธิติสรรค์ และ พวกได้
ขณะที่ ประเด็นสู้คดีของ “อดีตผู้กำกับโจ้” มีรายงานข่าวว่า ตำรวจภูธรภาค 6 ได้เปิดเผยข้อมูลว่า ผู้กำกับโจ้ มีประวัติเคยรักษา “โรคไบโพลาร์” หรือสองบุคลิก ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง มาสักระยะหนึ่งแล้ว โดยมีเสียงร่ำลือกันว่า อดีตผู้กำกับสมัยเป็น “ร้อยตำรวจเอก” ว่า จากภายนอกที่ดูสุภาพเรียบร้อยแต่ครั้งหนึ่งเคยกระโดดบีบคอสารวัตรหญิงคนหนึ่ง เพียงเพราะเธอเช็กชื่อว่าเขาขาดไม่ไปร่วมอบรมสัมมนาในต่างจังหวัด
และ บ้างก็ว่า “โจ้” ไม่รู้ตัวว่าเป็นโรค บางกระแสก็ว่า ต้องกินยาอยู่เรื่อยๆ ซึ่งมีความเป็นไปได้ ที่ผู้ต้องหาอาจนำประเด็นนี้มาต่อสู้ในชั้นศาล
นี่จะต้องอดใจรอดูการทำงานของกองปราบให้ดีๆ ต้องไม่ลืมว่า คดีนี้สังคมเฝ้าติดตามอย่างไม่ละสายตา สำนวนสุดท้ายจะเป็นการพิสูจน์ทราบว่า “ตำรวจ” ในยุค “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จะเรียกศรัทธาประชาชนกลับคืนมาได้หรือไม่
ส่วนเรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และที่ไปที่มาทรัพย์สินต่างๆ ของ “โจ้ เฟอร์รารี่” กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งเรื่องการ “ปั้นคดีรถหรู” ที่ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ลงทุนซื้อรถจากมาเลเซีย ลักลอบนำเข้ามาแล้วดำเนินจับรถเองก่อนส่งต่อกรมศุลกากร นำไปประมูลขายทอดตลาดเพื่อรับเงินรางวัลนำจับ และค่าสายข่าวทำกำไร ซึ่งปรากฏตามข้อมูลของกรมศุลกากร ว่า ในระยะเวลา 6 ปี รถที่ขายทอดตลาดที่มี “ผู้กำกับโจ้” เป็นเจ้าของสำนวนคดี มีมากถึง 368 คัน ประมูลไป 365 คัน คิดเป็นเงินกว่า 1,000 ล้าน โดยที่แบ่งรางวัลและค่าสายข่าว รวมกันกว่า 45% ให้ผู้กำกับโจ้ และเครือข่ายไปแล้วราวๆ 450 ล้านบาท
งานนี้ ตำรวจตั้งเป้าจะรื้อข้อมูลทั้งหมดใหม่ตั้งแต่ต้น เพื่อดูว่านำเข้ารถเหล่านี้มาได้อย่างไร มีใครเกี่ยวข้องกับขบวนดังกล่าวบ้าง
เรียกว่า พอน้ำลด ตอก็ผุด “โจ้ เฟอร์รารี่” โดนจับคดีอุ้มทรมาน ผู้ต้องหาก็จะพากันซวยทั้งขบวนการ
เรื่องนี้ขยายผลดีๆ จะได้เห็นกันว่ามีเจ้าหน้าที่ส่วนไหนเข้าไปเกี่ยวข้องคงได้หนาวๆ ร้อนๆ ไปทั่วทั้งบางศุลกากรแน่
** “สิระ-ลูกนัท” ท้าพนันบอด-ไม่บอด ไร้สาระทั้งคู่ แต่สิระหนักกว่า ที่เห็นเช็คแล้วรีบเผ่น !!
เหตุจากท้าพนันว่า “บอด-ไม่บอด” !!
หลังจาก “ลูกนัท” ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย ประกาศตัวป็น “สลิ่มกลับใจ” ไปร่วมชุมนุมกับ “กลุ่ม 3 กีบ” แล้วโดนลูกหลง เข้าที่บริเวณเบ้าตา เลือดอาบ แล้วต่อมาก็บอกว่าตาบอด … แต่ “สิระ เจนจาคะ” ส.ส.พลังประชารัฐ ไม่เชื่อ บอกแค่เลือดเข้าตาเท่านั้น “บอดทิพย์” ... แต่มาบอกว่าตาบอดเพื่อหวังผลทางการเมือง ..พร้อมท้าวางเดิมพัน ถ้าบอดจริงยินดีจ่าย 1 ล้านบาท
ข้าง “ลูกนัท” ก็รับคำท้า แถมเกทับตามสไตล์ไฮโซใจโตกระเป๋าหนัก บอกถ้าบอดทิพย์ ยินดีจ่าย 10 ล้านเลย จากนั้นไม่กี่วันถัดมา ก็นำใบรับรองแพทย์ ที่ระบุว่า “ตาบอด” ไปโชว์สื่อที่ข้างรัฐสภา ...พอ “สิระ” ทราบข่าว ก็ตอบโต้ ไม่ยอมรับ อ้างว่าไปเอาแพทย์ที่ไหนมารับรองก็ไม่รู้ ไม่น่าเชื่อถือ ถ้าแน่จริงต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลที่เป็นกลาง ที่เชื่อถือได้ แล้วนัดวางเงินกันเลย 30 ส.ค. ที่บ้านทรงไทย แจ้งวัฒนะ ให้สื่อเป็นพยาน แล้วไปตรวจกัน
เมื่อถึงวันนัด “สิระ” เตรียมเงินสด 1 ล้านบาท ใส่พานไว้รอ ...เมื่อ “ลูกนัท” มาถึง ก็ควักเช็คเงินสด 10 ล้านบาท มาวางประกบ ...เมื่อ “สิระ” เห็นเช็คถึงกับชะงัก พอตั้งสติได้ก็โวยวาย หัวฟัดหัวเหวี่ยงใส่ “ลูกนัท” ทันที บอกว่า ที่ตกลงกันไว้ ต้องเป็นเงินสด ... ผมไม่ใช่เพื่อนเล่นนะ อย่ามาทำแบบนี้ ...เช็คแบบนี้มีราคาแค่ 10 บาท จะเอามาแลกกับเงิน 1 ล้านบาท...ไม่ได้ ไม่ได้... ว่าแล้วก็ผลุนผลันขึ้นรถออกไปทันที
ด้าน “ลูกนัท” ทำหน้าเหรอหรา บอกกับสื่อ ไม่คิดว่าสิระจะมีอารมณ์แบบนี้ ตอนคุยโทรศัพท์กัน ก็ยังคุยดีๆ อยู่ เป็นงง … บอกที่มาช้า เพราะต้องไปทำเรื่องที่ธนาคาร เพื่อนำเช็คเงินสด 10 ล้านออกมา ยืนยัน เช็คนี้เอาไปเบิกเป็นเงินสดได้จริง ไม่มีเด้ง แต่ถ้า “สิระ” ไม่รับก็ไม่เป็นไร ว่าแล้วก็ฉีกเช็ค 10 ล้านทิ้ง บอกถ้า “สิระ” ยังคิดจะเดิมพันอีก ก็พร้อมจะเซ็นเช็คมาอีก และเรื่องตาบอด ไม่บอดก็พร้อมพิสูจน์ ทุกเมื่อ …
เป็นอันว่าเดิมพัน 10-1 “บอด-ไม่บอด” ล้มไม่เป็นท่า
เมื่อคลิปการท้าวางเงินเดิมพันครั้งนี้ เผยแพร่ทางสื่อ และในโซเชียลฯ ความเห็นที่ประดังเข้ามา ส่วนใหญ่แล้วจะด่าทั้งคู่ ว่าต่างคนต่างหิวแสง อวดร่ำอวดรวย เลอะเทอะ ไร้สาระ หาเรื่องแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เพื่อให้เป็นข่าวไปวันวัน ...
แต่ดูเหมือน “สิระ” จะโดนหนักว่า เพราะเป็นถึง ส.ส. ที่ควรจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์ กับประชาชนมากกว่านี้ ไม่ใช่เอาเรื่อง “บอด-ไม่บอด” มาเป็นประเด็นที่จะต้องเอาชนะคะคาน ไปท้าเขา เมื่อเขารับคำท้า และมาจริง ก็ใส่อารมณ์โวยวาย แล้วก็หนีไป เพราะกลัวเสียเงินล้าน แค่สะบัดก้นหนีไป ก็เสียเหลี่ยมแล้ว
หลายคนเชื่อว่า เงิน 10 ล้าน ระดับ “ลูกนัท” หาได้ และถ้าจะถือมาเป็นเงินสดๆ ก็ถือมาได้ แต่อย่างว่า ต่างคนต่างมีเหลี่ยม มีเชิง จึงถือมาเป็นเช็ค ส่วนเช็คจะเด้ง หรือไม่เด้ง ก็มีความเห็นเป็นสองฝ่ายเช่นกัน
แต่ก็ยังมีคนว่า “สิระ” ไม่เห็นจะต้องโมโห ถึง “ลูกนัท” จะถือเช็คมา ก็รับไว้ แล้วไปตัดสินกันที่โรงพยาบาล ถ้าตรวจสอบแล้วปรากฏว่า “ไม่บอด” สิระก็ชนะ ได้เช็ค 10 ล้านมา แถมยังได้หน้า ได้ตา ที่จับโกหก “ลูกนัท” ได้ … ยิ่งถ้าชนะแล้วเกิดเช็คเด้ง ยิ่งเข้าทาง จะได้แถลงเยาะเย้ย ไฮโซลูกเศรษฐีได้เลย
บางความเห็นก็เสียดสีไปถึงกระดูก ...อ่านแล้วก็นึกขำ ...บอกว่าที่ “สิระ” โวยวายแล้วรีบหนีไป เพราะเห็นเช็คแล้วเกิดภาพหลอน ก็อย่างที่รับรู้กันว่า “สิระ” กับ “เช็ค” นั้นถูกกันซะที่ไหน อย่าว่าแต่เห็นเลย แค่พูดว่า “เช็ค” ก็เสียวสันหลังวาบแล้ว !!
โดนด่าทั้งสองฝ่ายไปอย่างนี้ คิดว่าทั้งคู่คงไม่รื้อฟื้นเอาเรื่องนี้มาเดิมพันกันอีก เพราะคนเขารู้แล้วว่า นี่มันก็แค่ปาหี่ของคนหิวแสง !!