ข่าวปนคน คนปนข่าว
**“โจ้ เฟอร์รารี่” กรรมใหม่-เก่า ไลล่า คดีมาเป็นพรวน หนักสุดประหารชีวิต-ศุลกากรไล่บี้ฟอกรถหรู
กรณีอื้อฉาวนำความอัปยศมาสู่วงการสีกากี หลัง “ผู้กำกับ โจ้ เฟอร์รารี่” พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมพวก ทรมานผู้ต้องหาเพื่อหวังรีดทรัพย์ คดียาเสพติด จนเสียชีวิต มาถึงจุดนี้ ยังไม่มีใครทราบว่าคนเคยเป็นตำรวจหนุ่มโปรไฟล์หรูไปอยู่ที่ไหน
บางกระแสก็ว่า ออกช่องทางธรรมชาติหนีไปประเทศเพื่อนบ้านแล้ว บางกระแสก็ว่ายังกบดานอยู่ในไทย ซึ่งเชื่อได้ว่า เจ้าตัวรู้ก็คงรู้ว่าทำชั่วร้ายแรงแค่ไหน จึงหายเข้ากลีบเมฆ ซึ่งงานนี้ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เชื่อว่า หนีไปตั้งแต่ 3 วันหลังมีคำสั่งเด้ง
กระนั้นก็ดี ผบ.ตร. งัดมุกเดิมเหมือนคดีน้องชมพู่ ที่เคยวิงวอนคนร้าย “ฝากถึง” ผู้กำกับโจ้ ให้มีสำนึก นึกถึงองค์กร กลับมาเข้ากระบวนการซะเถอะนะ
แน่นอนว่า จากหลักฐานและพยานประจักษ์ชัด โดยเฉพาะคลิปที่แพร่ออกมา ทำให้ “พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล” ถูกออกหมายจับ รวมกับพวก ขณะนี้สามารถจับกุมได้ 5 คน ยังหลบหนีอีก 2 คน รวมถึงตัว ผู้กำกับโจ้
เท่ากับว่า สถานะ “พ.ต.อ.ธิติสรรค์” ได้เปลี่ยนเป็น “ผู้ต้องหาหนีหมายจับ” ไปเรียบร้อย ซึ่งจากนี้ข้อหาจะตามมาเป็นพรวน เบื้องต้น “เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด, ร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจกระทำการใดฯ และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน หรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย” ซึ่งอาจมีโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต !
ที่หนาวๆ ร้อนๆ ก็คงจะเป็นผู้ร่วมกระบวนการอื่นๆ ที่หากคดีขยายผลออกไปเรื่อยๆ จะได้เห็นความร้ายแรงของคดี อย่างเช่น ปมประเด็นของแพทย์ผู้ชันสูตรศพ โดยลงสาเหตุการตายเบื้องต้นในหนังสือรับรองการตายว่า “สันนิษฐานว่าพิษจากสารแอมเฟตามีน”
เห็นว่า มีประเด็นแปร่งๆ ที่ รพ.สวรรค์ประชารักษ์ แถลงการณ์ชี้แจงข้อสงสัยสาเหตุการตายผู้ต้องหา ว่า รับตัวต่อมาจากอีก รพ. พร้อมประวัติระบุว่า “วิ่งหนีตำรวจขณะจับยาเสพติดแล้วล้มลงหมดสติ”
เรียกว่า น่าจะเป็นเรื่องแน่ๆ คนเกี่ยวข้องคดีนี้ แต่สำหรับ “โจ้ เฟอร์รารี่” นอกจากกรรมใหม่แล้ว ยังมีคดีเก่าที่จะถูกขุดคุ้ยขึ้นมาอีก หลังจากที่ข่าวปนคนฯ เปิดที่มาความร่ำรวยของเจ้าตัวจากการเล่นแร่แปรธาตุ ลงทุนลอบนำเข้ารถมาเลเซียมาแล้วแสร้งจับเอง ชงศุลกากรประมูลเสร็จสรรพ รอรับรางวัลนำจับและค่าสายข่าว ที่ว่ากันว่า รับเหนาะๆ 45% ของราคาประมูล สร้างตัวสร้างฐานะขึ้นมาจนกลายเป็นนายตำรวจหนุ่มไฮโซ มีบ้านหลังโตๆ เนื้อที่หลายไร่ อยู่ในสนามกอล์ฟระดับหรูของประเทศ และ ยังมีซูเปอร์คาร์ ราคาแพงในครอบครองอีกหลายคัน ทั้ง ลัมบอร์กินี เฟอร์รารี่ ปอร์เช่ เบนซ์ เบนท์ลี่ย์
ฟังว่า จากประเด็นรถหรูนี้ อธิบดีกรมศุลกากร “พชร อนันตศิลป์” ได้สั่งการให้หน่วยงานภายในของกรมศุลกากร เร่งตรวจสอบการนำเข้ารถยนต์ดังกล่าว ว่า ถูกต้องหรือไม่ และ อดีตผู้กำกับโจ้ ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะผู้จับกุม หรือเป็นผู้ที่มาประมูลรถยนต์หรูกับกรมศุลกากร หรือไม่ รวมถึงประเด็นอื่นๆ ที่อาจจะเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว ภายใน 7 วัน
นี่ยังไม่พอ ยังมีคดีเก่า สมัยที่คบหาดารา ซึ่งพอเลิกรากัน อดีตแฟนดาราได้โพสต์ข้อความว่า “โจ้” ได้ฝากเงินไว้กับนอมินีกว่า 230 ล้านบาท รวมถึงอาจจะซุกรถหรู อีกบางส่วนก็จะโดนรื้อฟื้นขึ้นมา
งานนี้อดีตผู้กำกับ “โจ้ เฟอร์รารี่” ที่กำลังหนีเวรกรรมไล่ล่า ถูกจับได้เมื่อไหร่ คดีตามมาเป็นพรวนแน่ โปรดติดตามกันต่อไป
** ทนายเปิดวอร์!! ผู้กำกับโหดรีดผู้ต้องหา 2 ล้าน...เจอทนายหิว เรียก 20 ล้าน แลกคลิป!!
วิจารณ์กันทั้งบ้านทั้งเมืองกับ “คลิปโหด” ที่ “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ นำมาเผยแพร่ ซึ่งเป็นช่วงที่ “ผู้กับกับโจ้” พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ กับลูกน้อง ใช้ถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหาค้ายาเสพติด เพื่อเรียกเงิน 2 ล้านบาท กระทั่งขาดอากาศหายใจ เสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตา
ในมุมของชาวบ้านทั่วไป ก็วิพากษ์วิจารณ์กับ “ความโหด” ของตำรวจแบบเหมารวม ว่า ทำกันถึงขั้นนี้หรือ...เสียงเรียกร้องให้มีการปฏิรูปตำรวจกลับมาดังอีกครั้ง ...แต่ในกลุ่มทนายความ มีดรามา เลยเถิดไปกว่า ประเด็นว่า การนำคลิปมาเผยแพร่เช่นนี้ เป็นการกระทำที่ถูกต้อง เหมาะสม หรือไม่ คลิปมีที่มาที่ไป อย่างไร
“เดชา กิตติวิทยานันท์” ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเพจ “ทนายคลายทุกข์” ว่า...
“การนำคลิปคดีตำรวจคุมหัวผู้ต้องหาจนขาดอากาศ มาเปิดเผยจนทำให้คนร้ายหลบหนีไป ไม่สามารถจับตัวได้ ทำให้เกิดความเสียหายในกระบวนการยุติธรรมเป็นอย่างมาก”
โพสต์นี้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมาก โดยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับ “ทนายเดชา” กลับมองว่าเรื่องไม่ดีแบบนี้ต้องเอามาตีแผ่ ไม่ใช่ปิดเงียบไว้ บ้างก็ว่า ถ้าไม่มีคลิปมาให้เห็น ก็คงลงโทษแค่ย้าย แล้วก็กลับมาทำชั่วต่อ...
แต่ “ทนายตั้ม” ษิธรา ที่ถูกพาดพิง ก็ออกมาโพสต์โต้ตอบ นำภาพแชต ที่อ้างว่าเป็นการพูดคุยกับตำรวจชั้นผู้น้อย ที่มาขอร้องให้ช่วยนำคลิปนี้ไปเผยแพร่ เพราะก่อนหน้านี้ ได้นำคลิปนี้ไปให้บุคคลท่านหนึ่ง แต่บุคคลท่านนั้น กลับนำคลิปไปแบล็กเมล์ “ผู้กำกับโจ้” เพื่อเรียกเงิน
“ผมเป็นตำรวจอยู่ที่นครสวรรค์ อยากจะมาขอความช่วยเหลือทนายตั้ม เกี่ยวกับผู้กำกับ ที่รีดเงินคดียา ที่สื่อเสนอข่าวไปแล้ว ก่อนหน้านี้ ผมได้เอาข้อมูลไปให้...ท...พร้อมคลิปหลักฐาน แต่กลับเอาคลิปที่ผมให้ ไปต่อรองผลประโยชน์กับผู้กำกับ ไม่ยอมเปิดเผยคลิปนี้ต่อสาธารณะ หากคดีนี้ผู้กำกับหลุดรอดไปได้ พวกผมไม่มีชีวิตอยู่แน่” …
เมื่อ “ทนายตั้ม” ออกมาชี้แจง พร้อมทั้งปริศนาเอาไว้อย่างนี้ … “ทนายเดชา” คงปล่อยเลยตามเลย ไม่ได้ เพราะเหมือนเป็นคู่กรณีกันแล้ว ... จึงได้ออกมาไลฟ์สด ยืนยันไม่ใช่ บุคคลปริศนา ตามที่ “ทนายตั้ม” ทิ้งทุ่นระเบิดเอาไว้ พร้อมยืนยันว่า อยู่ในวงการมาทั้งชีวิต ไม่เคยมีประวัติเรียกรับเงิน หรือผลประโยชน์ใดๆ
ช่วงนี้ “ดรามาทนายความ” ขยายวงออกไป เมื่อ “ทนายเกิดผล แก้วเกิด” โดดเข้ามาแจม โดยโพสต์เฟซบุ๊ก ว่า “ ผู้ต้องหาถูกรีดสองล้าน ผกก.ถูกทนายรีดยี่สิบล้านแลกคลิป จริงหรือไม่”
จากนั้นก็ได้โพสต์เพิ่มเติมอีกว่า...ถ้าผมได้รับคลิป ผกก.คลุมถุงดำมา 1 อาทิตย์ก่อน แต่ไม่ยอมเปิดเผยต่อสังคมตามเจตนาของตำรวจชั้นผู้น้อย และไม่ยอมส่งมอบพยานหลักฐานให้ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ผมเป็นทนายที่แย่แค่ไหน … หรือยิ่งไปกว่านั้น ถ้าผมเอาคลิปนี้ไปต่อรอง ผกก.เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ ผมจะเป็นทนายที่เลวแค่ไหน ?
ยังมี “รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์” ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ก็โพสต์ในประเด็นดรามานี้ ว่า
“ในความหิวแสง ยังมีความหิวเงินอยู่ปนกันไป ช่วงนี้เศรษฐกิจม่ายดี # ทนายตบทรัพย์ตำรวจ”
เมื่อทนายออกมาเปิดวอร์ กันอย่างนี้ ทำให้คิดกันว่า “เรื่องนี้น่าจะมีเงื่อนงำ” เพราะว่ากันว่า คนที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังในคดีดัง นอกจากตำรวจ ก็ทนายนี่แหละ