xs
xsm
sm
md
lg

“ผู้กำกับโจ้ เฟอร์รารี่” รวยมาจากไหน? จากธุรกิจเทาๆ เจอช่องฟอกรถหรู ลงทุนเอง จับเอง กินเอง กำไรอู้ฟู่ **“ผู้ว่าฯ ปู” ขอกดตัวเลขโควิดต่ำ 1,000 ให้ได้ ก่อนไปเกษียณที่อ่างทองบ้านเกิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**“ผู้กำกับ โจ้ เฟอร์รารี่” รวยมาจากไหน? จากธุรกิจเทาๆ เจอช่องฟอกรถหรู ลงทุนเอง จับเอง กินเอง กำไรอู้ฟู่

หลังจากกรณี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ “ผู้กำกับ โจ้ เฟอร์รารี่” ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ถูกร้องเรียนว่า ใช้กำลังรีดทรัพย์จากผู้ต้องหายาเสพติดจนเสียชีวิตคามือ ถูกเปิดเผย เรื่องนี้ก็กลายเป็นข่าวอื้อฉาววงการสีกากีขึ้นมา

มิหนำซ้ำ มีคลิปหลักฐานโผล่ออกมาทางโซเชียลฯ เผยให้เห็นภาพในห้องสอบสวนสถานีตำรวจ ที่มีชายฉกรรจ์แต่งกายคล้ายตำรวจอยู่สี่ห้าคน และชายหัวเกรียนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับ “ผู้กำกับโจ้” ใช้ถุงพลาสติกสีขาว คลุมหัวชายที่นั่งเก้าอี้ หลังจากนั้น ชายคนนั้นก็ล้มลงกับพื้น ชายฉกรรจ์กรูเข้าไปล้อมชายคนนั้น ก่อนที่จะแน่นิ่งไป ซึ่งเป็นภาพที่สะท้อนความเหี้ยมโหด อำมหิต ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในยุคสมัยนี้ และเป็นภาพที่เหมือนกับตำรวจชั้นผู้น้อยได้เขียนข้อความร้องเรียนขึ้นมาก่อนหน้านี้
ว่ากันว่า พลันที่คลิปเผยแพร่ออกมา ปรากฏว่า “ลุงตู” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ถึงกับมีอารมณ์ควันออกหู รับไม่ได้กับพฤติกรรมตำรวจ หรือไม่เห็น ผบ.ตร. จะเคลื่อนไหวอะไรในทันที จึงสั่งการด่วนให้ “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” ผบ.ตร.เร่งหาความจริงจากคลิป ให้สังคมให้ได้
นั่นจึงเป็นที่มาว่า ในเวลาต่อมา เราๆ ท่านๆ ได้เห็น “บิ๊กปั๊ด” ผบ.ตร. ออกมายืนแถลง โดยยอมรับว่า ใครดูคลิปก็จะเชื่อ “ความจริงเป็นอย่างที่เห็น” ในทางวินัย “ผู้กำกับโจ้” จึงอาจมีสิทธิถูกให้ออกจากราชการ

พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล
ขณะเดียวกัน ก็ได้มอบหมายให้ “พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์” รอง ผบ.ตร.ลงไปควบคุมการทำงานในส่วนคดีอาญาด้วย โดยเรื่องจริงเป็นไปตามคลิป คนที่อยู่ในคลิปจะต้องโดนข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น และอีกหลายข้อหา อาทิ ข้อหาช่วยเหลือให้ผู้อื่นพ้นการกระทำความผิด
เรียกว่า นาทีนี้ “ผู้กำกับ โจ้ เฟอร์รารี่” รอดหรือไม่รอด สังคมก็พอที่จะตัดสินอนาคตตำรวจหนุ่ม ได้ชื่อว่า โปรไฟล์หรู หน้าตาหล่อ ไฮโซ ฐานะดี เคยคบหาดาราสาวเป็นข่าวดังคนนี้ จะเป็นอย่างไรต่อไปกันได้

เรื่องอนาคตนี่ก็ต้องว่าไปตามหลักฐาน พยาน ซึ่งระดับมือพระกาฬอย่าง “บิ๊กใหม่” พล.ต.อ.สุชาติ ขึ้นไปลุยเอง ก็เชื่อได้ว่าเรื่องนี้น่าจะมีบทสรุปในไม่ช้า
ทีนี้กลับมาพูดถึงอดีตของนายตำรวจหนุ่มคนนี้ ที่หลายคนถามไถ่สงสัยกัน ว่า เขาร่ำรวยมาได้อย่างไร?? ทำธุรกิจอะไรมา ก็มีข้อมูลวงใน เปิดเผยว่า เดิมพื้นฐานทางบ้าน “พ.ต.อ.ธิติสรรค์” ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยมาแต่ต้น แต่เป็นเพราะเขาเองที่ “หาเงินเก่ง” มาตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ และที่ทำให้ชีวิตพลิกผันเข้าขั้น “เศรษฐี” ขณะดำรงตำแหน่ง “พ.ต.ท.ธิติสรรค์” ตำแหน่ง รอง ผกก.กก.1 บก.ปส.4 ดูแลพื้นที่ภาคใต้ นอกจากทำคดียาเสพติดรายใหญ่จนสร้างชื่อให้ตัวเองเป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติดมือฉมังแล้ว

ก็ยังทำให้ได้คลุกคลีตีโมงกับผู้ต้องหายาเสพติดรายใหญ่ๆ ในวงการธุรกิจ “สีดำ” รวมไปถึงเปิดทางให้เข้าสู่วงการธุรกิจ “รังนก” ที่เป็นธุรกิจ “สีเทา” เกี่ยวกับอิทธิพลมาเฟีย อีกด้วย

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข
ว่ากันว่า จากคอนเนกชันธุรกิจสีเทา ทำให้เขาเห็นโอกาสทำมาหากินกับ “รถหรู และซูเปอร์คาร์” แบบชนิดที่คาดกันไม่ถึง
“ผู้กำกับโจ้” เริ่มจากเลือกรถหรูที่ฝั่งมาเลเซีย เพราะราคาถูกกว่าไทยเยอะ ยกตัวอย่าง BMW ราคาอยู่ที่ประมาณ 4 แสน ลงทุนซื้อที่มาเลย์แล้วลักลอบเอาเข้าไทย จากนั้นทำทีปั้นคดีว่า “จับรถ” โดยไม่มีคนเกี่ยวข้อง ทำนองเจอรถต้องสงสัย นำเข้าผิดกฎหมาย
คดีแบบนี้ปลายทางจะทำให้รถถูกส่งให้ศุลกากร แล้วเมื่อคดีเสร็จสรรพ ศุลกากรก็จะนำออกขายทอดตลาดด้วยวิธีประมูล สมมติ ว่า BMW คันดังกล่าว ประมูลได้ในราคา 2 ล้าน สิ่งที่ “ผู้กำกับโจ้” จะได้ตามมา คือ 1. รางวัลนำจับ และ 2. ค่าสายข่าว ทั้งสองส่วนนี้คิดเป็น 45% ของราคา 2 ล้าน หรือ 900,000 ทันที
เท่ากับว่า รถ BMW คันนี้ หักทุน 400,000 บาทแล้ว ผู้กำกับโจ้ จะได้กำไร 500,000 บาท
ว่ากันว่า นายตำรวจหนุ่มโจ้ ทำลักษณะนี้หลายครั้ง มีรถหรู-สปอร์ตคาร์ หลายยี่ห้อที่นำเข้าจากมาเลย์ ด้วยวิธีลงทุนเอง จับเอง ส่งศุลกากร บางคันจะเก็บไว้ใช้เอง ก็ฮั้วกับเจ้าหน้าที่กรมศุลฯ ปล่อยราคาถูกๆ หรือถอดอะไหล่ ถอดอุปกรณ์บางอย่างออกให้ราคาตก

พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์
ช่วงพีกๆ กรมศุลฯ จัดประมูลรถลักษณะอย่างนี้ทุกเดือน เดือนหนึ่งก็ราวๆ 400 คัน ว่ากันว่า เป็นรถในเครือข่ายของ ผู้กำกับโจ้ เสีย 50%
คำนวณดูเอาว่า แต่ละเดือน “ผู้กำกับโจ้” จะมีรายได้เท่าไหร่ ? แถมเป็นเงินที่ถูกกฎหมาย เพราะเป็นรางวัลนำจับ และค่าสายข่าว ที่ศุลกากรต้องจ่ายตามกฎ

ตอนหลังถูกจับตา ศุลกากรจึงต้องยกเลิกประมูลรถที่มีที่มาจากฝั่งมาเลย์ แต่ก็มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างกันถึงทุกวันนี้ ว่า เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องใช้สำนักงานในศุลกากร เป็น “ผู้กำกับโจ้” อภินันทนาการไว้ให้ราชการใช้จำนวนมาก
นี่เป็นเรื่องราวที่เล่าขานในแวดวงตำรวจ ถึงเส้นทางร่ำรวย ไฮโซ มีเงินมีทอง เป็นเจ้าของซูเปอร์คาร์ ทั้ง ลัมบอร์กินี ปอร์เช่ เฟอร์รารี่ BMW และยี่ห้อดังอื่นๆ ของ “ผู้กำกับโจ้” ที่ไม่ธรรมดาจริงๆ



**“ผู้ว่าฯ ปู” ขอกดตัวเลขโควิดต่ำ 1,000 ให้ได้ ก่อนไปเกษียณที่อ่างทองบ้านเกิด

หลังจาก “ผู้ว่าฯ ปู” วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร โพสต์เฟซบุ๊กส่งสัญญาณถึง “ผู้ใหญ่” เพื่อขอย้าย จาก จ.สมุทรสาคร เพราะปัญหาสุขภาพ ด้วยเห็นว่า ในสถานการณ์โรคระบาดเช่นนี้ จ.สมุทรสาคร ควรจะมีผู้ว่าฯที่เข้มแข็ง มีความพร้อมมากกว่าตัวเองมาดูแล เพราะเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ ..ไม่ใช่ว่าไม่สู้ หรือท้อแท้ เพียงแต่เห็นว่า เมื่อตนเองมีข้อจำกัดเรื่องสุขภาพ ก็ควรจะได้รับการพิจารณาโยกย้ายไปอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสม

วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี
“ผมไม่ได้มีความคิดที่อยากจะหนี จ.สมุทรสาคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะวิกฤต แต่ร่างกายสู้ไม่ไหว ตอนนี้อาการหนักกว่าเมื่อเดือน เม.ย. เริ่มมีอาการเกร็ง จึงเห็นว่า เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ต้นสังกัดจะได้เตรียมหาบุคลากรที่ร่างกายปกติ และขยันขันแข็ง เพราะปัญหาของ จ.สมุทรสาคร มีเยอะ อยากให้สานต่อได้ง่าย”

แล้ว “ผู้ใหญ่” ก็เข้าใจ และตอบสนองความต้องการของ “ผู้ว่าฯ ปู” โดยขยับโยกย้ายผู้ว่าฯ 3 จังหวัด... ย้าย “ผู้ว่าฯ ปู” ไปเป็นผู้ว่าฯ อ่างทอง จังหวัดบ้านเกิด ซึ่งผู้ว่าฯ ปู เป็นคน อ.วิเศษไชยชาญ แล้วให้ “ขจรเกียรติ รักพานิชมณี” ผู้ว่าฯ อ่างทอง ไปเป็น ผู้ว่าฯ อุทัยธานี ส่ง “ณรงค์ รักร้อย” ผู้ว่าฯ อุทัยธานี ไปเป็นผู้ว่าฯ สมุทรสาคร

หลังทราบข่าว ครม.มีมติโยกย้ายดังกล่าว “ผู้ว่าฯ วีระศักดิ์” ก็ขอบคุณผู้บังคับบัญชาที่ยังเห็นความสำคัญ เห็นความจำเป็นของตนเอง แต่ก็ยังยืนยันว่า เต็มที่กับงาน สมุทรสาคร จะไม่มีวันยอมแพ้ต่ออุปสรรคที่เกิดขึ้นแน่นอน

“ผมต้องขอเรียนต่อคนสมุทรสาคร ว่า เวลาเราอยู่ที่นี่ ยังอยู่อีกนานหลายวัน แล้วก็ทำเต็มที่เลย ทุกเวลาที่เรายังอยู่ สิ่งสำคัญที่อยากจะให้คนสมุทรสาครได้ยึดไว้เป็นหลักสำคัญของชีวิต ก็คือ เราเป็นคนสมุทรสาคร ต้องรักกัน ช่วยเหลือกัน ผู้ว่าฯไม่ใช่คนที่นี่หรอก ไม่ไปวันนี้ วันหน้าก็ต้องไป แต่คนสมุทรสาคร ยังต้องอยู่ที่นี่ ดังนั้น คนสมุทรสาคร ยังต้องรักและสามัคคีกันไว้ เพราะว่าปัญหาอุปสรรคทุกวันนี้ เรามีด้วยกันทุกคน แต่จะมีมากหรือน้อยนั้น ก็แต่ละคนตามบทบาทหน้าที่ต่างๆ ทำให้ดีที่สุด แล้วเชื่อว่าชัยชนะจะตามมา”

ขจรเกียรติ รักพานิชมณี - ณรงค์ รักร้อย
สำหรับเวลาที่ยังเหลืออยู่นี้ เป้าหมาย “ผู้ว่าฯ ปู” ต้องการทำให้ชาวสมุทรสาคร อันดับแรก คือ ทำอย่างไรให้คนสมุทรสาครติดเชื้อโควิด ไม่เกินวันละ 1,000 คน พลิกฟื้นสมุทรสาครให้ได้ และตอนนี้ได้ข่าวว่า ทางสหรัฐอเมริกา รับรองเรื่องวัคซีนไฟเซอร์แล้ว คิดว่าต่อไปถ้าเราสามารถให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถจัดหาวัคซีนเองได้ ก็จะของบฯ จัดซื้อมาฉีดให้คนสมุทรสาคร ถ้าสามารถทำตรงนี้ได้ เชื่อว่า จะถูกใจคนสมุทรสาครเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับ “ณรงค์ รักร้อย” ผู้ว่าฯ อุทัยธานี ที่จะย้ายมาเป็นผู้ว่าฯ สมุทรสาคร นั้น ก็จะได้มีการพูดคุยกัน เพราะเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว โดย “ณรงค์” เคยเป็นรองผู้ว่าฯ สุรินทร์ รองผู้ว่าฯ กาญจนบุรี และได้เป็นผู้ว่าฯ อุทัยธานี เมื่อปี 61

ส่วน “ขจรเกียรติ รักพานิชมณี” ผู้ว่าฯ อ่างทอง ที่จะย้ายไปเป็นผู้ว่าฯ อุทัยธานี บอกว่า ตนเองเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ “ผู้ว่าฯ ปู” มาก่อนในสมัยที่ทำงานอยู่ จ.สุพรรณบุรี ก็ทราบว่า ท่านทำงานหนักมาก ที่สมุทรสาคร และสุขภาพไม่ค่อยดี ทางกระทรวงเห็นว่าท่านยังมีความสามารถ แต่เรื่องร่างกายไม่ค่อยพร้อม จึงพิจารณาให้ย้ายมาทำงานที่บ้านเกิด จ.อ่างทอง ซึ่งสถานการณ์โควิด ที่ จ.อ่างทอง ไม่ได้รุนแรงมากนัก เมื่อต้องย้ายไปเป็นผู้ว่าฯ อุทัยธานี ก็ถือเป็นเรื่องปกติของทางระบบราชการ ขอขอบคุณพี่น้อง ประชาชนชาวอ่างทอง ที่ผ่านมาให้ความร่วมมือกับทางราชการเป็นอย่างดี

และเวลา 1 ปี ก่อนเกษียณ เชื่อว่า “ผู้ว่าฯ ปู” ก็ยังคงต้องทุ่มเท ทำงาน เพื่อจังหวัดอ่างทองบ้านเกิด

เป็นอันว่าโยกย้ายผู้ว่าฯเฉพาะกิจครั้งนี้ น่าจะแฮปปี้ทั้งสามฝ่าย




กำลังโหลดความคิดเห็น