ข่าวปนคน คนปนข่าว
**กรณี “โจ้ เฟอร์รารี่” “ลุงตู่” มีโอกาส “ปฏิรูปตำรวจ” แล้วไม่ทำ ตอนนี้ก็เตรียมเอวังไปด้วยกันเลย
กรณี “โจ้ เฟอร์รารี่” พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมพวก ทรมานผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเสียชีวิต ซึ่งถึงแม้จะจับกุมอดีตผู้กำกับ และพวกได้ แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” ผบ.ตร. ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังการทำงาน
ยิ่งในวันที่แถลงการจับกุม และให้ “โจ้ เฟอร์รารี่” พูดกับสื่อมวลชน แทนที่สังคมจะเกิดความมั่นใจและศรัทธาการทำงานของตำรวจ กลับทำให้หลายๆ คนผิดหวัง นึกว่า “ดูละคร” ยิ่งเป็นภาพสะท้อนว่า สังคมรู้สึกอย่างไร
ลองดูผล “โพล” ของสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) ที่เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง “ผู้กำกับโจ้ สิ่งที่เห็นกับเบื้องหลังที่ปรากฏ” จะเห็นได้ชัดขึ้น
ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.5 ไม่เชื่อมั่นต่อการแถลงข่าวเหมือนการตัดตอน ควรขยายผลให้กระจ่างเกี่ยวโยงกับเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานอื่นหลายระดับ เช่น กรณีรถหรู เงินฝาก และผลประโยชน์อื่นๆ
ประเด็นนี้ต้องไม่ลืมว่า กรณีของ “โจ้ เฟอร์รารี่” ไม่ใช่แค่ทารุณผู้ต้องหาจนเป็นเหตุให้เสียชีวิตเท่านั้น แต่เป็น “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ที่เมื่อย้อนดูเส้นทางความร่ำรวยของอดีตนายตำรวจคนนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องตั้งข้อสงสัย ว่ารวยมาได้ยังไง
ต่อมาคนร้อยละ 98.1 เชื่อว่า มีการเชื่อมโยงเป็นขบวนการในหลายระดับ ร้อยละ 92.1 ไม่เชื่อมั่นต้นน้ำของกระบวนการยุติธรรม ที่ยังมีการรีดไถ ตบทรัพย์ ยักย้ายถ่ายเทของกลาง
ร้อยละ 92.0 ระบุต้องปฏิรูปการทำงานแก้ปัญหายาเสพติดของ ป.ป.ส. ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ศุลกากร และอื่นๆ โดยเฉพาะยังพบการส่งออกยาเสพติดไปยังต่างประเทศต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และลดความเคลือบแคลงสงสัยของสังคม
ผลโพลนี้สะท้อนความเข้าใจของประชาชนต่อภาพของ “อดีตผู้กำกับโจ้” เชื่อว่า มีขบวนการโยงใยเบื้องหลัง มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ส่งต่อเชื่อมโยงรับประโยชน์กันหลายระดับ เรียกว่า เกิดการทุจริต คอร์รัปชัน ที่มีอยู่ในทุกวงการ อยากเห็นความจริงใจของรัฐบาล และสนับสนุนนายกฯ ถือธงนำ แก้ปัญหาแบบไม่ไว้หน้า
ที่สำคัญ เป็นความสั่งสมภาพความแคลงใจหน่วยงานรัฐที่ปรากฏกับสังคมมาต่อเนื่องยาวนาน โดยเฉพาะกับตำรวจ เอาแค่ในยุคสมัยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ตั้งแต่ “ส่วยแรงงาน” “บ่อนพนันหลงจู๊” มาถึง ผับบาร์ ที่เป็นต้นตอแพร่กระจายโควิด ล้วนทำให้ประชาชนผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนส่งผลต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาลและกลไกของรัฐ ที่ไม่เคยเอาจริงเอาจังกับการจัดการปัญหาให้สิ้นซาก ตรงกันข้ามกับเห็นแต่การช่วยเหลือ “พวกพ้อง” ทั้งการเลื่อนขั้น โยกย้ายตำแหน่งที่เป็นความอัปยศอดสูในแวดวงสีกากี ดังที่เห็นๆ กัน และโดยเฉพาะกับกรณี “ตั๋วช้าง” ที่เป็นที่มาของการบ่มเพาะปัญหาใหญ่ในวงโคจรตำรวจระดับสูง
ผลโพลโดยสรุป พบว่า เกือบร้อยทั้งร้อย คือ ร้อยละ 98.9 ระบุ ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน เป็นต้นตอปัญหาใหญ่ในระบบราชการที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลเร่งผ่าตัด สะสางครั้งใหญ่
“พล.อ.ประยุทธ์” ในฐานะประธาน ก.ตร. มีโอกาสดีหากจะใช้จังหวะนี้ที่ได้เสียงสนับสนุนของประชาชนแสดงความจริงใจกับการ “ปฏิรูปตำรวจ” ขุดรากถอนโคน อิทธิพลของขบวนการที่ทำให้องค์กรตำรวจเสื่อมเสีย จะมัวตัดทีละนิ้ว ทั้งๆ ที่ระดับหัวๆ ยังเน่า อย่างที่ ผบ.ตร. ท่าดีแต่ทีเหลว หรือ เกรงอกเกรงใจ มือที่มองไม่เห็นที่อยู่เบื้องหลัง ต้องเด็ดขาด ทำเสียที
งานนี้ ถ้าลุงไม่ทำจริง ก็อย่าลืมว่า สังคมยังจับจ้องรอดูกันอยู่ ปล่อยให้เรื่องเงียบหาย โดยลุงเชื่อว่าจะลอยตัวอยู่ได้เหมือนที่แล้วๆ มา ก็เตือนกันไว้ล่วงหน้าว่า ครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้ง เตรียมตัวเอวังไปพร้อมกันทั้งรัฐบาลและตำรวจได้เลย.
**3 กีบแค้น “เจนนิเฟอร์ คิ้ม” งานนี้เกินเยียวยา ขาดจิตสำนึก ไม่แยกแยะ ตามป่วนแม้กระทั่งกำลังช่วยคนลำบาก
โลกโซเชียลฯ ยังร้อนระอุ สำหรับกรณีของนักร้องสาวชื่อดัง “เจนนิเฟอร์ คิ้ม” โดยชื่อของเธอยังฮอตฮิตติดชาร์ต ทวิตเตอร์จากก่อนหน้านี้ ที่เป็น “ดรามา” ออกมาโพสต์ “ความเห็นต่าง” ที่ทำเอาฝ่ายผู้สนับสนุน “สามกีบ” หน้าหงายรับไม่ได้ และก่อกระแสเลิกติดตามนักร้องสาว จนยอดผู้ติดตามลดลง แต่ภายหลังกลับมียอดเพิ่มเข้ามาเป็นกำลังใจให้เธอล้นหลาม
ดรามาเหมือนจะจบโดยที่เจ้าตัวปิดคอมเมนต์ชั่วคราวใน อินสตาแกรม @j.kim4real แต่จากโพสต์ไอจีสตอรี่ข้อความล่าสุดจาก “เจนนิเฟอร์ คิ้ม” ดรามากลับมาทวีความรุนแรงขึ้นอีก โดย เจนนิเฟอร์ คิ้ม โพสต์คลิปวิดีโอรายการ “เจ๊คิ้มชิมช่วยชาติ” ซึ่งเป็น EP ล่าสุด
“เจ๊คิ้มชิมช่วยชาติ Ep.ล่าสุดมาแล้วนะคะ...แวะไปดูไปให้กำลังใจกันอีกช่องทางนะคะ ใครจะว่า จะเกลียดอิฉันยังไงก็ช่าง...สงสารพ่อค้าแม่ขายที่เอาอาหารมาให้ช่วยลงโปรโมตในรายการ”
“...ทุกคนกำลังลำบาก...จะต้องมาแย่ลงไปอีกเพราะความไม่รู้จักแยกแยะ...ไม่ชอบพิธีกรรับได้ แต่อย่ารังแกคนทำมาหากิน Youtube : Senario & Rachadalai *ขอบคุณสปอนเซอร์ที่ยังยืนหยัดช่วยพ่อค้าแม่ขายอยู่ **ขอบคุณทุกพลังเงียบที่ยังมีอยู่จริง”
จากนั้น “เจนนิเฟอร์ คิ้ม” ยังได้โพสต์สตอรี่ไอจีไว้อีกด้วย “คนๆ นั้นจะต้องขาดจิตสำนึกและความเห็นอกเห็นใจแค่ไหน!!! ... ถึงจะเข้ามากด Dislike ในรายการ “เจ๊คิ้มชิมช่วยชาติ” ซึ่งเรากำลังช่วยพ่อค้าแม่ค้าขายที่ลำบาก ไม่มีช่องทางโปรโมตให้ขายของได้... เอาเงินไปเลี้ยงพนักงาน... เลี้ยงครอบครัว!”
“เกลียดคนแค่คนเดียวก็ให้มันรู้จักแยกแยะมั่ง...ทุกวันนี้ทุกคนก็หากินอย่างยากลำบากพอแล้ว... อย่ามาซ้ำเติม Sponcer ในรายการเขาก็ใจดี ใจถึง... มีเรื่องอยู่เขาก็ไม่ถอน... เขาอยากช่วยพ่อค้าแม่ขาย อย่าใจร้ายกันนักเลย...”
งานนี้ ต้องบอกเลยว่า ดรามาขาดสติ ไร้จิตสำนึก พาลไปรังแกคนที่ทำมาหากินคนอื่นๆ ทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่แล้วว่า ตอนนี้ทุกคนลำบากจึงส่งอาหารมาให้เธอช่วยโปรโมตลงรายการ ถ้าจะอยู่ข้างประชาธิปไตยแล้วแสดงพฤติกรรมแบบนี้ ก็คงเกินเยียวยา น่ารังเกียจ ขนาดไหน สังคมคนส่วนใหญ่เขารับกันไม่ได้หรอก