ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ATK 8.5 ล้านชุด ถ้ายึดประชาชนเป็นที่ตั้งมากกว่าเกมการเมือง เรื่องก็จบไหมลุง
กรณีการจัดหาชุดตรวจหาเชื้อโควิด แบบแอนติเจน (Antigen Test Kit:ATK) 8.5 ล้านชุดของรัฐบาล ทำไปทำมา กรรมจะมาตกที่ประชาชนอีกแล้ว
ฟังว่า หลังจากช่วงเย็นวันที่ 17 ส.ค. 64 องค์การเภสัชกรรม คนสั่งซื้อได้ส่งเอกสารแถลงข่าวแจกไปยังสื่อต่างๆ โดยประกาศเดินหน้าลงนามสัญญาซื้อ ATK 8.5 ล้านชุด กับ บริษัท ออสท์แลนด์ แคปปิตอล จำกัด ผู้ชนะการประมูล มูลค่า 1,014 ล้านบาท หลังได้รับการยืนยันคุณภาพตามมาตรฐาน อย. และตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อแล้ว ส่วนการกำหนดวันเซ็นสัญญาจะเป็นเมื่อไรนั้น อภ.จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง
แต่แล้ว ในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด-19 (ศปก.สธ.) และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ปัญหาในการดำเนินงานโดยเร่งด่วน โดยเฉพาะประเด็นสำคัญ “การเร่งดำเนินการจัดหาชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบแอนติเจน (Antigen Test Kit:ATK) ที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีจำหน่ายในไทย มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) รวมทั้งต้องมีความแม่นยำในการตรวจ เพื่อนำไปสู่การรักษาที่ทันท่วงทีและพร้อมจัดส่งให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด”
จากข้อสังการของนายกฯ ดังกล่าว ทำให้ถูกตีความกันว่า การระบุคุณสมบัติของชุดตรวจ ATK ที่จะต้องได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก อาจจะทำให้การเตรียมจะเซ็นสัญญาระหว่างองค์กรเภสัชกรรม และบริษัท ออสท์แลนด์ แคปปิตอล จำกัด ผู้ชนะการประมูล ไม่สามารถเดินต่อไปได้ เนื่องจากชุดตรวจ ATK ของ Lepu ไม่ได้รับการรับรองจาก WHO
พลันที่ประเด็นนี้ถูกแพร่ออกมา กลุ่ม “หมอชนบท” ที่ออกมาเคลื่อนไหวเปิดประเด็นให้ยกเลิกประมูล ถึงกับขอบคุณนายกฯที่มีข้อสั่งการในเรื่องนี้
งานนี้ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร เพราะ อภ.ก็ยืนยัน “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ก็ยืนยันการประมูลโปร่งใส ตามหลักเกณฑ์ ผู้ชนะประมูลให้ราคาที่ดีที่สุดแล้วเมื่อเทียบกับคนเข้าประมูลหลายราย
ว่ากันอย่างใจร่มๆ เรื่องนี้ถ้ายึดเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง หรือถ้าสิ่งไหนเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมาพิจารณา ก็จะเห็นว่า มีแนวทางที่จะจบเรื่องนี้ได้ไม่ต้องยืดเยื้อ
ต้องยอมรับว่า ATK เวลานี้เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน สถานการณ์วิกฤตขณะนี้ สิ่งที่รัฐต้องทำคือ กระจาย ATK ให้ได้มากที่สุด ประชาชนต่างรอคอยเพื่อที่จะได้มีชุดตรวจฟรี ไม่ต้องกระเสือกกระสนซื้อหาในราคาที่แพง ทอดเวลาออกไป หรือคิดในแง่ร้าย ตั้งแง่เล่นการเมือง จ้องล้มโต๊ะกัน มันดูแล้วไม่ใช่เวลาที่จะต้องมาเล่นการเมืองกันเลย
ข้อครหาที่ว่า คนชนะประมูลเสนอราคาตกชุดละ 70 บาท ว่าแพง ขณะที่ราคากลางกำหนด 120 บาท ก็ต้องมีตัวเทียบให้เห็นว่า แพงจริงหรือไม่ หรือเอกชนรายอื่นทำไมไม่เสนอราคาที่ถูก หากตามที่เสิร์ชหาในอินเทอร์เน็ตกันนั้นมีอยู่จริง อีกอย่างการทำธุรกิจของเอกชนแน่นอนว่า เรื่องกำไรค้าขายก็เข้าใจได้ แต่ก็ต้องไม่สูงเกินไป ตามหลักเกณฑ์การประมูลก็ถือว่า อภ.ยอมรับได้ ไม่ใช่หรือ ประหยัดงบประมาณกว่า
ส่วนประเด็นที่เพิ่งมาตั้งเงื่อนไขต้องได้รับรองจาก WHO ทั้งๆ ที่ อย.ก็รับรอง ATK ของผู้ชนะประมูล นี่ก็น่าคิดว่า ยี่ห้อที่ชนะก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ ยืนยันได้ตามเกณฑ์ทางกฎหมาย และเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกกำหนด รวมถึงสอดคล้องกับประกาศจาก อย.ไทย เรื่องชุดตรวจโควิด แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง ที่ได้กำหนดว่าต้องมีคุณภาพมาตรฐานโดยผ่านเกณฑ์ประเมิน คือ ความไวต้องมากกว่า หรือเท่ากับร้อยละ 90 ความจำเพาะมากกว่า หรือเท่ากับร้อยละ 98 และความไม่จำเพาะน้อยกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 10
เรียกว่า อย. และ อภ.ก็ตรวจแล้วตรวจอีก ประกอบกับยี่ห้อนี้ ก็มีใช้กันแพร่หลาย ทั้งจากจีน และ ยุโรป หลายประเทศ ก็น่าจะมั่นใจในมาตรฐานการนำมาใช้ได้ การบอกว่า ต้อง WHO รับรองเท่านั้น ก็เป็นเรื่องที่ตั้งการ์ดสูง เพื่อจะล้มประมูลหรือไม่ จึงถูกโยงไปเป็นเรื่องการเมือง ที่ “ลุงตู่” ต้องเคลียร์ให้ชัด จะเอายังไงกันแน่กับ ATK ที่เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ
สรุปว่า งานนี้ถ้ายึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง มากกว่าเกมการเมือง เรื่องก็จบไหมลุง !?
**กรณี “นารา เครปกะเทย” รับผิดรีวิวเว็บพนัน แต่มีดีที่ช่วยสังคมเป็นตัว Save โทษ งานนี้ 3 กีบ จะดรามาทำไม ?
กรณี ศาลพิพากษา “นารา เครปกะเทย” หรือ อนิวัต ประทุมถิ่น เน็ตไอดอลดัง คดีโฆษณาชักชวนเล่นพนันออนไลน์ ผ่านช่องยูทูบ โดยเจ้าตัวรับสารภาพ และไม่เคยทำความผิด จึงให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 2,500 บาท โทษจำคุก รอลงอาญา 2 ปี
ประเด็นนี้ได้กลายเป็นดรามา ท่วมโซเชียลฯ หลังเจ้าตัวโพสต์ขอกำลังใจ ปรากฏสาวกเข้ามาแสดงความเห็น วิพากษ์วิจารณ์กันอึกทึกครึกโครม ผุดแฮชแท็ก # Saveนารา จนขึ้นเทรนด์ติดอันดับฮอตในทวิตเตอร์
ส่วนใหญ่มุ่ง “ด้อยค่า” กระบวนการยุติธรรม ด่าทอสลิ่ม และเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับ “ไอดอลสาวสอง” อันเป็นที่รัก
อันที่จริงเรื่องนี้ ก็น่าจะแฟร์-แฟร์ กันหน่อย คนมีสติ ติดตามเรื่องคดีนี้ตั้งแต่เริ่มจากสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดี ศาลแขวง 2 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง “นารา” อดีตแม่ค้าเครปชื่อดัง เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันประกาศ โฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรง หรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนัน ซึ่งมิได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.การพนันฯ ก็จะเห็นเลยว่า จำเลย คือ นารา ก็ให้การรับสารภาพ ทำจริง
แล้วก็ว่ากันว่า ที่ “นารา” ได้ไปต่อ ไม่ต้องเดินเข้าคุก เหตุผลเพราะผู้คุมประพฤติ นำเรื่องราวจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ที่นาราเพิ่งจัดตั้งไปไม่นานมานี้ ช่วยยื่นอุทธรณ์ พร้อมกับจะเดินหน้าทำคลิปช่วยเหลือประชาชน และ เจ้าตัวสัญญาจะไม่ยุ่งเกี่ยวเว็บพนันอีก
ก่อนหน้า “นารา เครปกะเทย” ก็เพิ่งโพสต์ว่า แจกแท็บเล็ตให้กับนักเรียน 33 เครื่อง จ่ายปังๆ ลงทุนให้เด็กๆ ได้เรียนออนไลน์
พูดง่ายๆ ความดีงามในการช่วยเหลือสังคมของเธอก็มี และเป็นเกราะที่เป็นเหตุเป็นผลในการอุทธรณ์โทษ
ขณะที่โดยโปรไฟล์ “นารา เครปกระเทย” ก่อนจะเป็นเน็ตไอดอลชื่อดัง ก็ไม่ธรรมดา มีดีกรีเคยเรียนปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ใช้ชีวิตปากกัดตีนถีบมาทุกรูปแบบ ก็ถือได้ว่า เป็นคนที่มีคุณภาพคนหนึ่ง กับข้อหาชักชวนเล่นพนันก็คิดเสียว่าคนเราผิดพลาดกันได้ ข้อหาไม่น่าจะร้ายแรง ศาลท่านก็เมตตาให้กลับเนื้อกลับตัว
ทว่า เพียงเพราะ “ความเห็นทางการเมือง” ของนารา ที่มักจะแสดงออกสนับสนุนกลุ่มเยาวชน 3 นิ้ว ทำคอนเทนต์ โดนใจชาว 3 นิ้ว ออกสื่อตัวเองบ่อยๆ เลยทำให้ตรรกะที่สาวกเข้ามาดรามา ในวันที่ไอดอลขวัญใจ ถูกตัดสินคดีด้วยข้อหา “รีวิวเว็บพนัน” ซึ่งย้ำว่า เธอก็รับสารภาพไปแล้วนั้นผิดเพี้ยน แถมแสดงความเป็นเจ้าของเน็ตไอดอล ถือโอกาสลากการเมืองมา ตีโพยตีพาย อำนาจรัฐ ฟาดลุงตู่ รังแก “คนเห็นต่าง” เลยไปถึงพวกสลิ่ม จงใจขัดขวางคนไม่ให้ทำดี ไม่อยากให้ช่วยเหลือสังคมไปนู่น
งานนี้ ก็ต้องบอกว่า จะอะไรกันกันหนา สติหลุดกันเป็นพรวน ไม่แยกแยะถูกผิด เบาได้เบาเถอะ ดรามาออกทะเลลึกกันแบบนี้ ไม่ดีกับสำหรับสาวกประชาชน 3 กีบ นะจะบอกให้ ...สลิ่มนี่ยิ้มเลย
** ดีลลับเป็นเหตุ “ทักษิณ” สอนก้าวไกลอย่าใจร้อน เจอสวนตูม.. คิดว่าตัวเองฉลาด ที่แท้โง่มาจะ 20 ปีแล้ว !!
ที่พลพรรคก้าวไกล และ “ติ่งส้ม” ข้องใจเรื่องดีลลับ ระหว่าง “ทักษิณกับลุงป้อม” จนทำให้ พรรคเพื่อไทยไม่อภิปราย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กับ “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ...เรื่องนี้เห็นท่าจะยังไม่จบง่ายๆ
วันก่อน “ธนาพล อิ๋วสกุล” บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ที่เป็นเหมือนตัวแทนของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าคณะก้าวหน้า โพสต์เยาะเย้ย ถากถางคนเดือนตุลาฯ กระทบชิ่งไปถึง ทักษิณ ชินวัตร ว่า... ความกระจอกของพวกเดือนตุลาฯ ที่ไปทำงานให้ “ทักษิณ” คือ การปล่อยให้ทักษิณไปเลือก “สมัคร สุนทรเวช” เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคพลังประชาชน ด้วยความคิดตื้นๆ แต่เพียงว่า จะทำให้ข้อหาล้มเจ้า ที่ฝ่ายพันธมิตรฯกล่าวหาทักษิณนั้นหายไป (แต่ก็ไม่ช่วยอะไรเพราะสุดท้าย ฝ่ายเจ้าก็ถีบหัวส่งสมัคร และยุบพรรคพลังประชาชนอยู่ดี )
จังหวะเดียวกับ เมื่อคืนวันเดียวกันนั้น (17 ส.ค.) ทักษิณ ชินวัตร หรือ “พี่โทนี่” ได้เข้ามาร่วมสนทนาในรายการ CARE Talk x CARE clubHouse หัวข้อ “ทางออกประเทศ ทางรอดประชาชน” ก็มี “หน้าม้า” ถามเรื่องดีลลับ...เรื่องไม่อภิปราย “ลุงป้อม” จนทำให้ พรรคก้าวไกล ยกมาเป็นประเด็น “พี่โทนี่” ตอบว่า
…ไม่มีอะไร ใจร้อน ไม่ได้ดั่งใจก็หงุดหงิดเป็นเรื่องธรรมดา แต่การเมืองใจร้อนไม่ได้ ต้องมียุทธศาสตร์ ถ้าจะด่าให้มัน ด่าได้ทุกคน ด่าเวลาไหนก็ได้ แต่ลงคะแนนก็แพ้อยู่ดี เราต้องคิดว่า จะด่าอย่างไรให้ชนะ ต้องมียุทธศาสตร์ ครม.มี 36 คน ถ้าจะใส่ทั้ง 36 คน คนดูที่บ้านก็เบื่อ...
“ประวิตร มีหน้าที่อะไร เป็นรองนายกฯ ไม่ค่อยได้ทำไร การอภิปรายก็ต้องดูปัจจุบัน วันนี้เป็นเรื่องโควิด การบริหารงานบางอย่างมีหลักฐาน บางอย่างไม่มีหลักฐาน แต่การอภิปราย ควรมีหลักฐาน มีข้อมูลชัดเจนในการอภิปรายเขา”
…ต้องใจเย็นๆ พรรคก้าวไกล ถ้าจะทำงานร่วมกันเพื่อประชาธิปไตยแล้วอย่าใจร้อน ทะเลาะกันทำไม พวกเดียวกันทั้งนั้น ภารกิจคือต้องทำงานร่วมกัน เพื่อต่อสู้ เพื่อได้ประชาธิปไตย ไม่ใช่ด่า ประวิตร ธรรมนัส แล้วจะได้ประชาธิปไตย
พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคเก่ากว่า 20 กว่าปี ก้าวไกลเพิ่งไม่นานนี้ culture ต่างกัน ในที่สุดคือ ต้องทำงานร่วมกัน อย่าทะเลาะกันเป็นเด็กไปได้ โตแล้ว...
“พี่โทนี่” ออกมาเล่นบท ผู้ใหญ่ สอน “ละอ่อน” ในทางการเมือง ถึงขั้นยกเอาพรรษาทางการเมืองมาข่มกัน … แม้จะไม่พูดถึง “ดีลลับ” อย่างตรงๆ แต่ก็บอกเป็นนัยว่า ซักฟอก “ลุงป้อม-ผู้กองธรรมนัส” ด่าไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะไม่มีหลักฐาน โดยเฉพาะถ้าเป็นการอภิปรายเรื่องโควิด
ทางฝั่ง “ธนาธร” และติ่งส้ม ดูเหมือนจะติดตามความเคลื่อนไหวของ “พี่โทนี่” อยู่เหมือนกัน พอรุ่งเช้า กระบอกเสียงของธนาธร อย่าง “ธนาพล อิ๋วสกุล” ก็โพสต์สวนทันที คราวนี้ซัดไปที่หัวหน้าใหญ่ “พี่โทนี่” โดยตรง...
“ปัญหาของทักษิณ ชินวัตร และบรรดาคนเดือนตุลาฯ ในกลุ่มแคร์ คิด เคลื่อน ไทย คือ คิดว่าตัวเองฉลาดหลักแหลมมากกว่าใครทั้งหมดในการเมืองไทย ทั้งที่ตัวเองทิ้งไพ่โง่ มาจะยี่สิบปีแล้ว”
...เป็นไง ...แรงหรือไม่... ทุกตัวอักษรที่ร้อยเรียง บ่งบอกถึงการเยาะเย้ยทั้งองคาพยพของพรรคเก่าแก่กว่า 20 ปี ว่า เพราะเล่นการเมืองแบบโง่ๆ เลยต้องมาสิงสถิตที่ “คลับเฮาส์” กลับประเทศไม่ได้จนทุกวันนี้...
เอาเป็นว่าในเบื้องลึกแล้ว “ดีลลับ” มีจริงหรือไม่ คนทั่วไปไม่มีใครรู้ แต่เมื่อ “พี่โทนี่” ออกโรงมาเล่นเองอย่างนี้ ยิ่งมีนัยให้ต้องขบคิด … และหลังจากนี้ คงมี “สงครามน้ำลาย” ในโซเชียลฯ ระหว่าง “ติ่งแดง” กับ “ติ่งส้ม” ต่อเนื่องกันไปอีกหลายยก เป็นการอุ่นเครื่องก่อนเปิดศึกน้ำลายในสภาช่วงปลายเดือนนี้ หรือต้นเดือนหน้า!!