“แหวน” พยาบาลอาสา โผล่รักษาม็อบ อ้างมีคนถูกยิงเบ้าตา 5 ราย คนเมนต์ทำไมไม่เป็นข่าว เพจ “คนเล่นปืน” ชี้ “ไฮโซลูกนัท” โดน หัวนอต หรือ ลูกแก้ว เชื่อบูชายัญ? “พิชิต” ตอกกลับ นักวิชาการสามนิ้ว ตรรกะป่วย!
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (14 ส.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น “แหวน” ปล่อยข่าว ถูกยิงเบ้าตาเหมือน “ไฮโซลูกนัท” 5 คน? คนเมนต์ถามทำไมไม่เป็นข่าว
โดยระบุว่า จากกรณีผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนไปยังบ้านพักนายกรัฐมนตรี มีการปะทะกันบริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง และ ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท ซึ่งเพจทะลุฟ้าที่ไลฟ์สด ระบุช่วงเวลา 17.22 น. ไฮโซลูกนัทถูกยิงได้รับบาดเจ็บ
ขณะที่เช้าวันนี้ 14 สิงหาคม 2564 น.ส.ณัฏฐธิดา มีวังปลา หรือ แหวน พยาบาลอาสาและผู้ต้องหาคดีร่วมปาระเบิดศาลอาญาปี 2558 ได้ออกมาโพสต์ข้อความพร้อมภาพถึงการได้เข้าไปช่วยเหลือปฐมพยาบาลผู้ชุมนุมหลายโพสต์ตามไทม์ไลน์ดังนี้
“ก่อนไฮโซลูกนัทจะถูกยิง มีโดรนบินดู การยิงมาจากมุมใดมุมหนึ่ง รอบบริเวณซึ่งมีทั้งตึกและสะพานสูง วิธีการยิงแม้จะเป็นกระสุนยาง แต่เป้าหมายชัดเจน ต้องการให้เสียชีวิต หรือ พิการ ยิงประชาชนพร้อมกันหลายคนลักษณะเหมือนการใช้พลซุ่มยิง เพื่อไม่ให้มีการช่วยเหลือกันได้ ทำให้เกิดความตกใจเพื่อสร้างความวุ่นวาย และเป็นการเก็บศัตรูสำคัญ ที่เป็นพยานที่มีข้อมูลหลักฐาน เอาผิด ศอฉ. กปปส. คสช. ซึ่งเป็นกลุ่มมหาอำนาจ ที่ปล้นทุกอย่างอย่างถูกกฎหมายของตัวเอง
กฎหมายที่กลุ่มคนเหล่านี้เขียนขึ้นมา ไม่ใช่กฎหมายอาญาอย่างเดียว แต่เป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดแต่บังคับใช้กฎหมายอาญา การสลายการชุมนุมนั้นผิดหลักสากลทุกประการ การยิงผู้ชุมนุมไม่มีจุดไหนต่ำกว่าหัวเข่ามีแต่ยิงเข้าเบ้าตาทั้งนั้น เมื่อไหร่จะตาสว่างสักที”
13 สิงหาคม 64 เวลา 21.56 น. แหวน โพสต์ว่า วันนี้แก๊สน้ำตาแรงมาก โดนกันถ้วนหน้า **เคสโดนแก๊สน้ำตาจุกลิ้นปี่หายใจไม่ออก
เด็กสาววัยรุ่นสองคน ขับมอเตอร์ไซค์ มาขอความช่วยเหลือ ดูเผินๆ ตาแดงเหมือนคนโดนแก๊สน้ำตาทั่วไป แต่พอเช็กร่างกายแล้วไม่ปกติเลย น่าจะสูดเข้าเต็มปอดหลายอึก ออกซิเจนกระป๋องช่วยได้เยอะเลย ปฐมพยาบาล สักพักน้องดีขึ้นแล้วเราก็ได้ขยับรถ หาจุดตั้งรับใหม่ แก๊สน้ำตามาเป็นระลอก ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บได้ไม่เต็มที่ แม้ไฮโซนัท จะมาล้มข้างๆ แต่คนถูกยิงเข้าเบ้าตา มาพร้อมๆ กันหลายคนมาก ต้องช่วยเหลือทุกคน #ม็อบศุกร์13สิงหา64
ต่อมามีคนเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นหลายข้อความ แต่มีอยู่ข้อความหนึ่ง ที่ชวนให้ตั้งคำถาม และสงสัยด้วย ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีข้อเท็จจริงอย่างไร เช่น
“คนถูกยิงเข้าเบ้าตาคนอื่นๆ แทบไม่มีข่าว ไม่ได้อยากให้ไฮโซลูกนัทโดนหลอกนะคะ ไม่มีใครควรต้องโดน อยากให้ประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บรวมตัวกันฟ้องเอาผิดเจ้าหน้าที่คนสั่งการจังค่ะ ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า”
นอกจากนี้ แหวน ยังโพสต์ข้อความในวันที่ 13 สิงหาคม 2564 ช่วงเวลา 21.02 น.ว่า แผลจากผู้บาดเจ็บที่หนักมากวันนี้ถูกยิงเข้าเบ้าตาล้วนๆ รวม 5 ราย (จากจุดที่เราทำแผล) เป็นหญิง 2 ราย ชาย 3 ราย ทุกบาดแผลถูกยิงเข้าเบ้าตา หากเป็นกระสุนจริง คิดดูว่าวันนี้จะมีกี่ศพ เหนือสิ่งอื่นใด นี่ไม่ใช่การสลายการชุมนุมตามหลักสากลและแก๊สน้ำตาโยนจากที่สูงลงกลางผู้ชุมนุมใต้ทางด่วน #ที่นี่ประเทศไทย #ม็อบศุกร์13ส.ค.64
อย่างไรก็ตาม มีข้อความและภาพที่แหวน โพสต์ไว้ในวันที่ 13 สิงหาคม เวลา 16.06 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่ลูกนัทจะได้รับบาดเจ็บด้วยว่า เครื่องรางพระดีไม่มีหรอก มีแค่นี้มาดูแลลูกๆ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ โปรดอย่ายิงเด็กๆ อย่าทำร้ายประชาชน
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น เป็นไปได้หรือไม่ที่ “ไฮโซลูกนัท” จะโดนฝ่ายเดียวกันจับบูชายัญ เมื่อ “คนเล่นปืน” ชี้ ไม่ได้โดนแก๊สน้ำตา-กระสุนยาง แต่ถูกลูกหนังสติ๊ก?
โดยระบุว่า ...เวลาประมาณ 17.20 น. นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ “ไฮโซลูกนัท” ได้โดนแก๊สน้ำตาเข้าที่บริเวณใบหน้า ทำให้ศีรษะแตก ส่งผลให้กลุ่มผู้ชุมนุมประกาศยุติการชุมนุมทันที
ต่อมาเฟซบุ๊ก Nat Thanakitamnuay ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กส่วนตัวของ ไฮโซลูกนัท ได้เปิดเผยอาการโดยมีรายละเอียดว่า
ขออนุญาตอัปเดตความคืบหน้าอาการบาดเจ็บของพี่ลูกนัทนะคะ ขอบคุณทุกๆ คนที่เป็นห่วงพี่ลูกนัทค่ะ
อาการเบื้องต้นตอนนี้ ลูกโลหะแก๊สน้ำตาถูกยิงเข้ามาที่เบ้าคิ้วพี่นัท ทำให้เกิดบาดแผลรูปครึ่งวงกลมที่เบ้าคิ้ว ซึ่งทีมแพทย์ค่อนข้างกังวลว่า การบาดเจ็บนั้นอาจก่อความเสียหายให้แก่ดวงตาของพี่นัท
เนื่องจากทีมแพทย์ได้เปิดบาดแผล เพื่อพยายามตรวจดวงตาเบื้องต้นแล้ว แต่พบก้อนเลือดกีดขวางอยู่เยอะมาก ทำให้ต้องรมยาสลบพี่นัท และนำตัวเข้าห้องผ่าตัดเพื่อตรวจเช็คความเสียหายอาจที่เกิดขึ้นกับดวงตาค่ะ
ขณะที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Amnart Ruangturakit โพสต์ข้อความถึงกรณีลูกนัทด้วย รวมถึงแชร์ความคิดเห็นต่อสาเหตุ ความน่าจะเป็นของบาดแผล จากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Themoment Tum ด้วย
“สืบจากแผลดูคมน่าจะเป็น หัวนอตหรือลูกแก้ว หรือลื่นล้มฟาดอะไรคมๆ??? ไม่น่าใช่กระสุนยางและแก๊สน้ำตา – ขอบคุณมุมมองจาก “คนเล่นปืน” : Themoment Tum #ที่เหลือรอฟังข้อมูลเพิ่ม #12 ส.ค.ใส่ชุดดำ 13 โดนตำตา
ส่วนโพสต์ที่แชร์ ของ Themoment Tum ระบุว่า
๑๓๑๘๐๐ ส.ค. ๖๔ กระสุนแก๊สน้ำตาตัวกระสุนเบา เพราะข้างในบรรจุแก๊ส กระสุนจะมีวิถีโค้งที่ไม่เกิน 150 หลา (137 เมตร) ความเร็วต้นจึงไม่สูง ไม่สามารถทำอันตรายสาหัสด้วยแรงปะทะได้ รัศมีควัน 10-15 หลา (9-13 เมตร) กระสุนดังกล่าวไม่มีสะเก็ดระเบิด ถ้าคิ้วแตกเพราะกระสุนนี้ ต้องโดนยิงจ่อในระยะเผาขน ไม่เกิน 5 เมตรครับ
ซึ่งไม่มีทางที่ ควบคุมฝูงชน จะอยู่ห่างจากไอ้นี่ไม่เกิน 5 เมตร นอกจากว่า แม่…ยิงกันเอง
ถ้าถูกลูกแก๊สน้ำตาก็ควรจะหยิบมาประกอบการออกข่าว เพราะลูกแก๊สน้ำตานั่นค่อนข้างใหญ่ สังเกตง่าย ซึ่งฝ่ายม็อบไม่เคยพลาดเรื่องการหาอะไรมาเป็นหลักฐาน
ถ้าถูกกระสุนยางรอยแตกจะไม่คม แต่จะออกช้ำๆ แต่ตัวลูกกระสุนอาจกระเด็นหายไปได้ ถ้าถูกลูกหนังสติ๊ก มีความน่าจะเป็น ที่ลูกหนังสติ๊กจะกระเด็นหายไป และที่สำคัญ คือ ถ้าถูกลูกหนังสติ๊ก ก็เป็นไปได้ว่าจะโดนฝั่งเดียวกันจับบูชายัญ
ความคิดเห็นส่วนตัวผมในฐานะคนที่ชอบยิงปืนครับ
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวเดอะทรูธ เข้าไปตรวจสอบเฟซบุ๊ก Themoment Tum ก็ปรากฏว่า เจ้าของเฟซบุ๊ก โพสต์ภาพลูกนัทขณะกำลังบาดเจ็บ พร้อมข้อความเนื้อหาเดียวกับที่ Amnart Ruangturakit ได้แชร์นำไปโพสต์ไว้จริง
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ยังมีกรณี “พิชิต” ข้องใจ นักวิชาการสามนิ้ว ตรรกะป่วย? ชี้ เผาเป็นสันติวิธี ถ้าไม่มีคนตาย พร้อมเหน็บกลับ จนท.ใช้ “แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง” ก็อยู่ในกรอบสันติวิธี?
เนื้อหาระบุว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2564 ที่มีการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก โดยผู้ชุมนุมได้รวมตัวกันอยู่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แล้วพบว่าเกิดเหตุเผารถควบคุมผู้ต้องหาของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จอดอยู่บริเวณถนนพญาไทขาเข้า ใกล้โรงพยาบาลราชวิถี หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดม็อบยังมีการเผาทรัพย์สินของทางราชการหลายครั้ง และแทบทุกครั้งที่มีการชุมนุม ก็จะมีการเผามาโดยตลอด และอ้างว่า เป็นสันติวิธี
จนกระทั่งต่อมา นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ออกมากล่าวถึงกรณีการเผารถตำรวจของม็อบเยาวชนปลดแอก ว่า ต่อให้ประชาชนเป็นคนเผารถของตำรวจจริง และหากไม่มีคนตายจากเหตุนี้อย่างตั้งใจ ผมเห็นว่า ก็ยังอยู่ในกรอบของสันติวิธี
สันติวิธีไม่ใช่การนั่งสวดภาวนาเพื่อให้อีกฝ่ายดวงตาเห็นธรรม ขั้นต่ำสุดที่ไม่อาจก้าวข้ามคือสิทธิในชีวิต รวมถึงสิทธิพื้นฐานของบุคคลอื่น ยิ่งในสถานการณ์ที่เห็นได้ชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่รัฐมุ่งใช้กำลังและอาวุธในการสลายการชุมนุม การทำลายเครื่องมือของรัฐ ก็คือ การตอบโต้ชนิดหนึ่ง ส่วนจะผิดกฎหมายก็เป็นเรื่องที่ว่ากันไปได้ สันติวิธีไม่ได้สมาทานกฎหมายเป็นสัจธรรมสูงสุดแต่อย่างใด ว่าแต่กรณีนี้ไม่ใช่การจัดฉากจากผู้มีอำนาจหรือเปล่า ควรต้องค้นหาความจริงให้ได้อย่างชัดเจน
เรื่องนี้ นายพิชิต ไชยมงคล อดีตโฆษกกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้โพสต์ข้อความว่า
นักวิชาการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ท่านหนึ่งบอกว่า การเผารถตำรวจ ป้อมตำรวจก็เป็นการแสดงออกและอยู่ในกรอบสันติวิธี ตราบใดที่ยังไม่มีคนตาย
ในความหมายคล้ายกัน ถ้าใช้เกณฑ์ตีกรอบสันติวิธี ว่า ตราบใดที่ยังไม่มีคนตาย เป็นหลักตัดสินสันติวิธี การยิงแก๊สน้ำตา กระสุนยาง ของตำรวจ ก็อยู่ในกรอบสันติวิธีเช่นเดียวกันไหม น้องมือขาด ก็ระเบิดมือตัวเองด้วยสันติวิธีใช่ไหมครับอาจารย์ ไฮโซลูกนัท ก็ถูกสันติวิธี วิ่งชน ตาเกือบแตก ทุกอย่างล้วนเป็นการตอบโต้กันด้วยสันติวิธีใช่ไหมครับ
ด้วยความเคารพอาจารย์
แน่นอน, ตามหลักแล้ว คนที่น่าจะกลัวความรุนแรงมากที่สุด ก็คือ ฝ่ายรัฐบาล ยิ่งเป็นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งมาจากอำนาจรัฐประหาร ยิ่งต้องระวังความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นอีกหลายเท่า หรืออย่างที่มีคนเปรียบว่า รัฐบาลจำต้องดูแลม็อบเหมือนไข่ในหิน เพราะผิดพลาด เกิดเหตุรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตเมื่อไหร่ เมื่อนั้นรัฐบาลอาจจะโดนโจมตีอย่างหนัก ว่า เคยชินกับการใช้อำนาจปราบประชาชน ซึ่งอาจส่งผลถึงภาพลักษณ์และการต่อต้านในระดับสากลด้วย
ส่วนม็อบ 3 นิ้ว ที่เป้าหมายอยู่สูงเกินกำลัง และกระแสตอบรับจากคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ นั่นคือ “ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์” ซึ่งผู้เชี่ยวชาญการทำม็อบแทบพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ประเด็นร่วมของประชาชนยังไม่ใช่ ภาวะยังไม่สุกงอม ที่จะทำให้ประชาชนลุกฮือ เป็นเรื่องที่มีกลุ่มคนคิดเองทำเองมากกว่า โดยแบ่งบทบาทกันทำงาน มีนักแสดงหน้าฉาก ผู้กำกับหลังฉาก ผู้จัดการกองถ่าย (แม่ยก พ่อยกท่อน้ำเลี้ยง) ผู้อำนวยการสร้าง มีผลประโยชน์ทั้งในและต่างประเทศ แต่ปรากฏว่า คนไทยส่วนใหญ่รู้ทันเกมทุกอย่าง จะมีก็แต่สาวกจำนวนหนึ่งเท่านั้น ที่ยังเพ้อฝันตาม
ที่สำคัญ ม็อบต่างหากที่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ปราบปรามด้วยความรุนแรง ต้องการให้ตกหลุมพรางที่สร้างกับดักเอาไว้แล้ว คือ การฟ้องโลก ดึงองค์กรระหว่างประเทศเข้ามาแทรกแซง และเปลี่ยนแปลงการปกครองตามที่พวกเขาต้องการ
เอาให้ชัด ยิ่งเกิดสงครามกลางเมือง เกิดการรบราฆ่าฟันกันเอง ล้มตายทั้งสองฝ่าย ยิ่งเข้าทางม็อบ 3 นิ้ว เพราะรัฐบาลจะบริหารประเทศไม่ได้ ขาดความเชื่อถือจากต่างประเทศ ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงจากประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตย ยิ่งถ้าทำรัฐประหารตอนนี้ ก็ยิ่งจะถูกต่อต้านอย่างรุนแรง ทั้งในและต่างประเทศ คราวนี้อาจเป็นประเด็นร่วมที่แท้จริงของคนไทยอีกด้วยก็เป็นได้
เพราะฉะนั้น เห็นได้ชัดว่า โอกาสที่เจ้าหน้าที่รัฐจะเป็นฝ่ายก่อเหตุรุนแรงก่อนนั้น ดูขาดเหตุผลรองรับอย่างมาก ที่สำคัญ เจ้าหน้าที่อยู่ในระเบียบวินัย มีขั้นตอนบังคับบัญชา ไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจของแต่ละคนได้
ต่างจากม็อบ 3 นิ้ว ที่พักหลังมวลชนมีน้อย พวกเขาจึงมักสร้างความรุนแรง เพื่อหล่อเลี้ยงกระแส และสร้างประเด็นเพื่อให้มีเหตุผลในการออกมาเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องได้
แต่ก็ต้องไม่ลืม กรณีมีคนพูดเอาไว้แล้วว่า หากคนที่อยู่เบื้องหลัง ต้องการเหยื่อกล่าวหารัฐบาลฆ่าประชาชน คนที่จะถูก “บูชายัญ” ก็คือ แกนนำบางคนที่เป็นคนมีชื่อเสียง และสร้างผลกระทบวงกว้างสูง นั่นเอง
ไม่รู้ถึงเวลาหรือยัง หรือสัญญาณบางอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว?