เอาเข้าไป! อึ้งมั้ย “นักวิชาการสามนิ้ว” ยุยงต่อ เผารถตำรวจเป็นสันติวิธี หากไม่มีคนตาย แกะรอย “แดง ชินจัง” มือยิง M-79 ใส่ กปปส. โผล่ร่วมม็อบ ผวาแน่ มือปาประทัดยักษ์พลาดโดนตัวเอง ติดเชื้อโควิด จับตาคลัสเตอร์สามกีบ
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (12 ส.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น นักวิชาการสามนิ้ว ยุม็อบเผารถตำรวจเป็นสันติวิธี หากไม่มีคนตาย!? ย้อน เสื้อแดงเผาศาลากลาง ไร้คนเจ็บ-ตาย ยังถูกจำคุกตลอดชีวิต!?
โดยระบุว่า จากเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2564 กลุ่มทะลุฟ้านัดหมายจัดการชุมนุม โดยประกาศว่าจะเดินเท้าเคลื่อนขบวนไปยังบ้านพัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บริเวณราบ 1 แต่ทางเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชนได้เปิดฉากสลายการชุมนุมและจับกุมผู้ชุมนุมไปหลายราย ทำให้เวลา 15.55 น. กลุ่มทะลุฟ้า ได้ประกาศยุติการชุมนุม แต่ยังเกิดเหตุการณ์วุ่นวายอย่างต่อเนื่อง
นับแต่เวลา 16.00 น. หลังกลุ่มมวลชนที่แตกกระจายบริเวณโดยรอบ ได้กลับมารวมตัวกันบริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มุ่งหน้าถนนพญาไท ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มยิงกระสุนยางอยู่เป็นระยะ เพื่อให้ผู้ชุมนุมสลายตัว ต่อมากลุ่มมวลชนได้ช่วยกันรื้อแนวรั้วลวดหนามหีบเพลงออก มีการปาประทัดใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นระยะๆ ทางฝั่งตำรวจที่ขึ้นไปอยู่บนทางด่วนก็มีการยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยาง สกัดไม่ให้กลุ่มมวลชนเข้าใกล้แนวสกัด และระหว่างที่กลุ่มมวลชนหลบฝนไปใต้ทางด่วน มีการจุดไฟเผารถยกของ สน.ดินแดง ที่จอดทิ้งไว้ และเผายางรถยนต์ด้วย
ทั้งยังมีผู้ชุมนุมจำนวนมากอยู่ที่แยกดินแดง ก่อนหน้านี้ มีการเผายางใต้ทางด่วนดินแดง ควันไฟลอยขึ้นไปบนทางด่วน คฝ.ถอนกำลัง จากนั้นผู้ชุมนุมเข้าไปใกล้แนวคอนเทนเนอร์มากขึ้น
ต่อมา 18.00 น. มีการทุบทำลาย และใช้น้ำมันราดเผารถยกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดินแดง ทำให้ไฟโหมขึ้นอีกครั้ง ด้านผู้ชุมนุมที่อยู่รอบๆ ตะโกนให้ระวังรถระเบิด ที่แยกดินแดงมีเยาวชนจำนวนมากอยู่ในพื้นที่ ผู้ชุมนุมหลายร้อยคนยังปักหลักอยู่บนหลังรถมอเตอร์ไซค์
ย้อนไปเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ที่มีการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้รวมตัวกันอยู่ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อีกทั้งยังพบว่า เกิดเหตุเผารถควบคุมผู้ต้องหาของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จอดอยู่บริเวณถนนพญาไทขาเข้าด้วย ใกล้โรงพยาบาลราชวิถี
หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดม็อบยังมีการเผาทรัพย์สินของทางราชการหลายครั้ง และแทบทุกครั้งที่มีการชุมนุม ก็จะมีการเผามาโดยตลอด และอ้างว่าเป็นสันติวิธี
เช่นเดียวกับ นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ออกมากล่าวถึงกรณีการเผารถตำรวจของม็อบเยาวชนปลดแอกว่า
ต่อให้ประชาชนเป็นคนเผารถของตำรวจจริง และหากไม่มีคนตายจากเหตุนี้อย่างตั้งใจ ผมเห็นว่าก็ยังอยู่ในกรอบของสันติวิธี
สันติวิธีไม่ใช่การนั่งสวดภาวนาเพื่อให้อีกฝ่ายดวงตาเห็นธรรม ขั้นต่ำสุดที่ไม่อาจก้าวข้ามคือสิทธิในชีวิตรวมถึงสิทธิพื้นฐานของบุคคลอื่น
ยิ่งในสถานการณ์ที่เห็นได้ชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่รัฐมุ่งใช้กำลังและอาวุธในการสลายการชุมนุม การทำลายเครื่องมือของรัฐก็คือการตอบโต้ชนิดหนึ่ง ส่วนจะผิดกฎหมายก็เป็นเรื่องที่ว่ากันไปได้ สันติวิธีไม่ได้สมาทานกฎหมายเป็นสัจธรรมสูงสุดแต่อย่างใด ว่าแต่กรณีนี้ไม่ใช่การจัดฉากจากผู้มีอำนาจหรือเปล่า ควรต้องค้นหาความจริงให้ได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม รถตำรวจ ก็ถือว่าเป็นทรัพย์สินของทางราชการ ซึ่งก็เคยมีการก่อเหตุในลักษณะนี้มาก่อน หากย้อนไปเมื่อปี 2553 ที่มีม็อบของคนเสื้อแดง โดยคนเสื้อแดงบางส่วนที่ถูกแกนนำปราศรัยยุยงปลุกปั่นในช่วงปี 2553 ได้กระทำการเผาบ้านเผาเมือง เผาศาลากลางในหลายจังหวัด
เช่น จังหวัดอุบลราชธานี ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต นายพิเชษฐ์ ทาบุดดา หรือ อ.ต้อย แกนนำ นปช.อุบลราชธานี และพวก โดยโทษของแต่ละคน ลดหลั่นกันไปตามพฤติกรรม (คนที่โดนหนักสุด คือ คุกตลอดชีวิต)
จังหวัดอุดรธานี ศาลพิพากษาจำคุก 22 ปี นายวันชัย รักสงวนศิลป์ และพวก (แนวร่วมเสื้อแดง)
จังหวัดขอนแก่น ศาลพิพากษาจำคุก 13 ปี นายอดิศัย วิบูลเสข และพวก (แนวร่วมเสื้อแดง) ชี้ว่า มีพยานหลักฐานชัดเจน พฤติกรรมไม่มีความเกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง และไม่ต้องการให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อผู้กระทำความผิด
จังหวัดมุกดาหาร คดีที่มี นายวิชัย อุสุพันธ์ และพวก เป็นจำเลย (แนวร่วมเสื้อแดง) ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยกลุ่มแรก 13 คน คนละ 20 ปี โดยในส่วนของเยาวชนที่เป็นจำเลยนั้นขึ้นศาลเยาวชน พิพากษาให้มีความผิดฐานบุกรุกและให้คุมประพฤติ
อีกทั้งยังมีคดีอีกมากมายที่ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในกรุงเทพฯ อาทิ คดีเผาเซ็นเตอร์วัน ศาลแพ่งชี้ขาด คดีถึงที่สุดว่าเป็นลักษณะการก่อการร้าย ไม่เข้าเงื่อนไขประกันภัย, คดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ เอกชนก็ได้รับประกันภัยก่อการร้ายไปแล้ว, คงมีแต่กรณีเผาตลาดหลักทรัพย์ ที่ศาลชี้ว่า ไม่มีหลักฐานเพียงพอเท่านั้นเอง
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น เปิดประวัติ “แดง ชินจัง” มือลั่น M79 ใส่เวที กปปส. โผล่ร่วมม็อบสามกีบ พบคดีอื้อ “ส.ส.เจี๊ยบ” ใช้ตำแหน่งยื่นประกัน
โดยระบุว่า จากกรณีวานนี้ (11 สิงหาคม 2564) กลุ่มทะลุฟ้า ประกาศนัดหมายชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เกาะพญาไท ในเวลา 15.00 น. เพื่อเดินเท้าไปยังบ้านพักของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ภายใน กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ นั้น
เจ๊จุก คลองสาม ได้โพสต์ภาพและข้อความ ถึงกรณีที่ นายยงยุทธ บุญดี หรือ แดง ชินจัง มือยิง M79 ใส่เวที กปปส.ถนนแจ้งวัฒนะ โดยระบุว่า
ขอคั่นด้วย #ม็อบ7สิงหาคม นิสนึง พอดีไปเห็นภาพคนเคยรู้จักกันมาในอดีต เลยอยากเอามาให้ดูกัน พวก กปปส. หลายคนน่าจะจำ “แดง ชินจัง” กันได้ ถ้าจำไม่ได้ลองเอาชื่อไปถามกูเกิลดูจะร้องอ๋อ นี่เจ๊กำลังสงสัยอยู่ว่ามันมาม็อบสวะทำไม หากสามกีบคนไหนเจอเข้าไปถามพี่เขาได้ว่า ใครเป็นคนยิง M79 ปี 57
ย้อนไปเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 57 เวลากลางคืนประมาณ 22.53 น. นายยงยุทธ ได้ร่วมกับ นายชัชวาล หรือ ชัช ปราบบำรุง, นายทวีชัย วิชาคำ, นายสุนธร ผิวผ่วนนอก, นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ แกนนำเสื้อแดงฮาร์ดคอร์, นายสมศรี มาฤทธิ์ และ น.ส.แสงวรรณ รักเรียน วางแผนกันยิงระเบิด M79 จำนวน 1 นัด ใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ เหตุเกิดที่บริเวณหน้าห้างโลตัส ถ.แจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. โดยมีเจตนาจะทำให้มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ทำให้มีการระเบิดขึ้น
ต่อมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนมารับผิดชอบสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว กระทั่งเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 63 เวลา 20.00 น. ตำรวจปฏิบัติการพิเศษและกองปราบปรามได้ร่วมกันจับกุมนายยงยุทธ ผู้ต้องหาฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยจับกุมได้ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ต.เขาค้อ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์
นอกจากนี้ ยังปรากฏว่า ผู้ต้องหามีหมายจับข้อหา “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นฯ และร่วมกันเป็นอั้งยี่ฯ” รวม 6 คดี คือ ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าฯ หมายจับศาลอาญา 1349/2557, หมายจับศาลอาญา 1337/2557, หมายจับศาลอาญา 1347/2557 ลงวันที่ 7 ส.ค. 2557, หมายจับศาลอาญา 1451/2557 ลงวันที่ 20 ส.ค. 25557 หมายจับศาลอาญา 1500/2557 ลงวันที่ 27 ส.ค. 2557 และข้อหาร่วมกันเป็นอั้งยี่ หมายจับศาลธนบุรี 647/2557 ลงวันที่ 4 ก.ย. 2557 อีกด้วย
หลังถูกจับศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขัง ขณะที่ในวันนั้น มี “เจี๊ยบ นครปฐม” หรือ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ใช้ตำแหน่ง ส.ส.มาขอประกันตัว ศาลพิเคราะห์แล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยตีราคาประกัน 3 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนห้ามไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม แดง ชินจัง ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในม็อบของกลุ่มเยาวชนปลดแอก
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน THE TRUTH โพสต์ประเด็น สามกีบผวา! มือปาประทัดยักษ์พลาด ติดเชื้อโควิด อยู่กลางม็อบ การ์ดตกไม่สวมมาสก์ หวั่นเป็นคลัสเตอร์ใหม่!?
โดยระบุว่า จากกรณีวานนี้ (11 ส.ค. 64) กลุ่มทะลุฟ้าประกาศนัดหมายที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จากนั้นมวลชนทยอยมาถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยการชุมนุมในครั้งนี้ มีผู้ชุมนุมรายหนึ่งสวมเสื้อช็อปอาชีวะกำลังจุดประทัดยักษ์เตรียมปาใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณแยกดินแดง แต่เกิดพลาดระเบิดใส่มือตัวเองจนนิ้วมือขาดรุ่งริ่ง เลือดไหลนอง เมื่อเข้ารับการรักษา และทางรพ.ได้ทำการตรวจคัดกรองโควิด-19 ปรากฏว่า ผู้ชุมนุมคนดังกล่าวติดเชื้อโควิด-19 ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก
ล่าสุด วันนี้ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันจากศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ว่า มีการตรวจพบข่าวปลอมเพิ่มเติม 1 กรณี คือ กรณีตำรวจเอาประทัดยักษ์ยัดใส่มือม็อบ บังคับให้กำประทัดจนแตกใส่มือ นั้น ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตรวจสอบกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าเป็นข่าวปลอม
โดยทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า วันที่ 11 ส.ค. 64 ได้มีผู้ชุมนุมชื่อว่า ม็อบทะลุฟ้า มาชุมนุมกันที่บริเวณแยกดินแดง เขตดินแดง กทม. และมี ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุประมาณ 14 ปีเศษ สวมใส่เสื้อช็อปอาชีวะได้จุดประทัดยักษ์ แต่เกิดพลาดระเบิดใส่มือข้างซ้ายของตนเอง ทำให้ได้รับบาดเจ็บ
เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้เอาประทัดยักษ์ยัดใส่มือแต่อย่างใด ปัจจุบันถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลรามาธิบดี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบที่โรงพยาบาล พบว่า ได้นอนรักษาตัวอยู่ที่ห้อง ICU และแพทย์ได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ผลการตรวจเบื้องต้นพบว่า ติดเชื้อโควิด-19
ดังนั้น ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่งหรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.metro.police.go.th/ หรือโทร. 0-2282-8209...
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ สัญญาณความรุนแรงถึงขั้นเผาบ้านเผาเมือง ภาค 2 และการใช้อาวุธร้ายแรงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ คฝ. หลังพบว่า มีผู้ต้องหาคนสำคัญที่เคยเป็นมือยิง M79 เข้าร่วมชุมนุมกับม็อบ
โดยมีคนที่มีบทบาทในสังคม ไม่ว่าจะเป็น นักวิชาการ และพรรคการเมืองออกมาถือหาง ปกป้อง จนกลายเป็นการยุยงส่งเสริม อย่าง นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล และพรรคเพื่อไทย ที่แถลงการณ์ ให้เจ้าหน้าที่หยุดใช้ความรุนแรงกับลูกหลานประชาชน ที่เท่ากับห้ามฝ่ายเดียว ไม่นับขบวนการสามกีบที่หลบให้ความช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง
ที่สำคัญ คือ การเป็นตัวการแพร่เชื้อโควิด หรือ “คลัสเตอร์ม็อบ” ซึ่งมีข่าวว่า ผู้ร่วมชุมนุมและแกนนำบางคนติดเชื้อมาแล้ว รวมถึงมือปาประทัด ที่พลาดถูกมือตัวเอง เป็นรายล่าสุด ซึ่งทำเอามวลชนสามกีบผวากันใหญ่ เพราะไม่รู้ว่า เขาแพร่เชื้อไปยังจุดไหนบ้าง และไม่รู้กี่วันมาแล้วที่เข้าร่วมม็อบและอาจแพร่เชื้อก็เป็นได้
มาถึงตอนนี้ เห็นได้ชัดแล้วว่า ขณะที่คนส่วนใหญ่ยอมทุกข์ทน ลำบากยากแค้น ดูแลรับผิดชอบสังคม เสียสละไม่เป็นตัวแพร่เชื้อ เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตโรคระบาดไปได้ แม้ต้องแลกกับชีวิตอิสระโดยปกติก็ตาม แต่กลับมีคนจำนวนหนึ่งที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ผลประโยชน์ทางการเมือง ปลุกม็อบสร้างความรุนแรงปั่นป่วน เผาบ้านเผาเมือง ซ้ำเติม แถมไม่สนใจโรคระบาด ที่คนส่วนใหญ่เสียสละอย่างพร้อมเพรียง นี่หรือคือการทำเพื่อประชาชน เพื่ออนาคตประเทศไทย เพื่อประชาธิปไตย อย่างที่กล่าวอ้าง คิดว่า คนไทยโง่หรือ?