ข่าวปนคน คนปนข่าว
**แฮร์รีพอตเตอร์พา “นนท์ นำภา” นอนคุก งานนี้ ติ่ง 3 นิ้วเพิ่งอวยส่งชื่อชิงโนเบลหงอยคงเป็นได้แค่ “มโนเบล”
กรณี “ทนายอานนท์ นำภา” นักเคลื่อนไหว และแกนนำม็อบราษฎร ถูกออกหมายจับ หลังจากเข้าร่วมกิจกรรม “เสกคาถาผู้พิทักษ์ปกป้องประชาชน” หรือ ม็อบแฮร์รีพอตเตอร์ 2 ที่บริเวณลานหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา โดย “อานนท์” ซึ่งแต่งตัวเลียนแบบตัวละครดังในภาพยนตร์ แฮร์รีพอตเตอร์ ได้กล่าวพาดพิงสถาบันเบื้องสูง และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ห้ามชุมนุมหรือมั่วสุมกันเกินกว่า 5 คน ที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ อีกด้วย
ฟังว่า พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ยื่นคำร้องฝากขังทางไกลผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ “อานนท์ นำภา” ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ในความผิดฐานหมิ่นประมาทดูหมิ่นสถาบันฯ เเละข้อหาอื่นๆ ไปยื่นคำร้องขอฝากขังครั้งเเรก เป็นเวลา 12 วันตั้งเเต่วันที่ 11-22 ส.ค.
หลังเสร็จสิ้นกระบวนการฝากขังแล้ว ทนายความของผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว “อานนท์” แต่ ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง และพนักงานสอบสวนคัดค้านว่า หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยชั่วคราว จะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก และมีการฝ่าฝืนเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวของศาลอาญาด้วย ในชั้นนี้จึงเห็นควรไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ...ให้ยกคำร้อง
การนี้ก็เป็นอันว่า แฮร์รี “นนท์ นำภา” พอตเตอร์ ถูกนำพาไปนอนคุกยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯทันที
น่าสนใจว่า ผลจากการเข้าเรือนจำครั้งนี้ ซึ่งศาลพิเคราะห์คดีไม่ให้ประกันตัว เพราะ มีอัตราโทษสูงนั้น อนาคตของแกนนำม็อบ 3 นิ้วรายนี้ จะเป็นอย่างไร
ที่แน่ๆ ข่าวนี้ ทำเอาสาวกทนายอานนท์ และติ่ง 3 นิ้ว หงอยไปตามๆ กัน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเพิ่งได้รับข่าวดีเฮฮา ยินดีปรีดากับ “ทนายอานนท์ นำภา” ที่มีคนซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นแฟนตัวยง... “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า มิตรรักทนายอานนท์ โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า ได้ส่งชื่อทนายอานนท์ เป็นบุคคลที่สมควรได้รับการพิจารณาให้ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติของโลก นั่นคือ รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปีนี้
งานนี้จากที่ติ่ง 3 นิ้ว อวยและมโนรางวัลโนเบลกันไปไกล ระหว่างทนายอานนท์ ผู้ถูกเสนอชื่อโดยติ่งนอนคุก คงต้องลุ้นรางวัล “มโนเบล” กันไปพลางๆ ก่อนละกัน
** ม็อบสามกีบยิ่งใช้ ความรุนแรง เถื่อน ถ่อย ยิ่งเข้าทาง “ลุงตู่” อยู่ยาว
ในช่วงที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องรบกับโควิด ทั้งประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน “ล็อกดาวน์” พื้นที่ที่มีความเสียงสูง โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล
แต่กลุ่ม “ม็อบสามกีบ” กลับไม่สนใจการแพร่ระบาดของโรค ฉวยโอกาสที่ “ลุงตู่” กำลังซวนเซนี้ จัดการชุมนุมแบบรุกหนัก หวังเผด็จศึกให้ได้
การชุมนุมแต่ละครั้งไม่เน้นไปที่ข้อเรียกร้องอะไรมากมาย นอกจาก “ไล่ลุงตู่” … แต่พฤติกรรมระหว่างที่มีการชุมนุมนั้น แม้จะเป็นช่วงเวลาเพียงสั้นๆ จากช่วงบ่ายไปถึงช่วงใกล้ค่ำ ...แต่ก็เน้นไปที่ความรุนแรง เถื่อน ถ่อย การปะทะกับเจ้าหน้าที่กลายเป็นเรื่องปกติ ไปแล้ว
ดังจะเห็นได้จาก การชุมนุมเมื่อวันที่ 7สิงหา ซึ่งมีทั้งการปะทะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยิงหนังสติ๊ก อาวุธปืน ขว้างระเบิดเพลิง ระเบิดปิงปอง เผารถตำรวจ พ่นสีด้วยข้อความหยาบคาย ลบหลู่ “วีรชนของชาติ” ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ต่อมาวันที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา “คาร์ม็อบ” ของพวกสามกีบ ก็ป่วนเมืองอีกรอบ มีการเคลื่อนขบวนรถไปที่หน้า ตึกซิโนไทย ทาวเวอร์ ซึ่งเป็นบริษัทในตระกูลของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และ รมว.สาธารณาสุข นำเลือดหมูไปสาดบริเวณป้ายอาคาร... ไปที่ “คิง เพาเวอร์” ซอยรางน้ำ อ้างว่า กลุ่มธุรกิจเหล่านี้ให้การสนับสนุนรัฐบาล... จากนั้นก็ปิดท้ายด้วยการปะทะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้ง ระบิดเพลิง ระเบิดปิงปอง อาวุธปืน เผาป้อมตำรวจ ที่แยกดินแดง และ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ล่าสุด เมื่อวานนี้ (11ส.ค.) ม็อบสามกีบ ที่อ้างชื่อ “กลุ่มทะลุฟ้า” ก็เริ่มตั้งหลัก รวมตัวที่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อจัดกิจกรรม เชิงสัญญลักษณ์เผาศาลพระภูมิ เรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำและแนวร่วมผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมในเรือนจำ... จากนั้นก็ เคลื่อนขบวนไปยัง ร.1 รอ. ซึ่งเป็นที่พักของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” แน่นอนว่าก็ต้องเจอด่านสกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็เกิดการปะทะกันอีก
บริเวณตั้งแต่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปถึงแยกดินแดง กลายเป็นสมรภูมิ เป็นจุดปะทะประจำวันที่ชาวบ้านในย่านนั้น ไม่เป็นอันทำมาหากิน ต้องขวัญผวา ไม่รู้จะโดนลูกหลงเข้าเมื่อไร
เจ้าหน้าที่ตั้งแถว ฉีดน้ำ ยิงแก๊สน้ำตา ยิงกระสุนยาง ... ฝ่ายม็อบ ยิงลูกเหล็ก ขว้างระเบิดปิงปอง ระเบิดเพลิง อาวุธปืน ทุบ ทำลาย เผาทรัพย์สินของทางราชการ เป็นการโต้ตอบ
การชุมนุมของ “ม็อบสามกีบ” ในช่วงนี้ ไม่ต้องมีแกนนำ นัดหมายกันผ่านทางโซเชียลฯ ไม่จำเป็นต้องมีข้อเรียกร้องอะไรมากมาย นอกจาก “ไล่ลุงตู่” หรือไม่ก็ “ปฏิรูปสถาบันฯ” แต่ที่หนักข้อขึ้นทุกวัน คือ มีพวก ”ฮาร์ดคอร์” เป็นแนวหน้า มีอาวุธ และสิ่งเทียมอาวุธ ระเบิดปิงปอง ระเบิดเพลิง กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ไปแล้ว
เป้าหมายของการออกมาชุมนุมของม็อบสามกีบในวันนี้ คือ ออกมาปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกมาสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินของทางราชการ หรือเอกชนที่พวกเขามองว่าเป็นผู้ให้การสนับสนุนรัฐบาล
จากการชุมนุมของคนรุ่นใหม่ เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ภาพในวันนี้กลายเป็น “ม็อบป่วนเมือง” ที่น่ารังเกียจ มีแต่ความเถื่อน ถ่อย ไม่รับผิดชอบต่อสังคมที่กำลังหวาดผวากับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด
เสียงเรียกร้องของสังคมที่กำลังกดดันรัฐบาลในเรื่องบริหารจัดการการแพร่ระบาดของโควิด ในขณะนี้ จึงเบนประเด็นไปที่ ให้เจ้าหน้าที่จัดการขั้นเด็ดขาดกลับม็อบกลุ่มนี้แทน
แน่นอนว่า หากม็อบสามกีบยังคงยึดแนวทางนี้ นอกจากจะทำให้แนวร่วมลดน้อยถอยลง และไม่มีทางบรรลุเป้าหมายแล้ว ยังเป็นการไปเสริมความชอบธรรมให้รัฐบาลลุงตู่อยู่ยาว!!