เผยแล้ว เสนอ “อานนท์” ชิงรางวัล “โนเบล” ฝีมือกลุ่มแดงนอก ทั้งเคยยุ “สหรัฐฯ” เข้าแทรกแซงไทย ช่วย “ทอน” เงิบทั้งขบวน จนท.ปล่อยคลิปโต้ “กวิ้น” ถูก ตร.ทำร้าย ที่แท้ “เฟกนิวส์” สงสัยกันเอง “รายชื่อลับ” ดิ้นพล่านสั่งให้ลบ!?
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (10 ส.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น ขบวนการแดงรุ่นแรก!? “นริศรา” คือ ผู้เสนอ “อานนท์” ชิงรางวัลโนเบล เผยเคยยุ “สหรัฐฯ” เข้าแทรกแซงไทย หลายครั้ง!?
โดยระบุว่า เรียกได้ว่า มีเสียงฮือฮาและแปลกใจอย่างมาก หลังจากเมื่อวันที่ 9 ส.ค. 64 ข่าวว่า มีการเสนอชื่อ อานนท์ นำภา เข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ทั้งที่ค้านสายตาของประชาชนไทยเป็นจำนวนมาก เนื่องจากว่า การชุมนุมภายใต้แกนนำอานนท์ มักเกิดความรุนแรง ทำลายทรัพย์สินราชการอยู่บ่อยครั้ง
โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Narisara Viwatchara โพสต์ข้อความว่า ตนเองและเพื่อน คือ ผู้ที่ส่งชื่อ อานนท์ นำภา เพื่อเป็นบุคคลที่สมควรได้รับการพิจารณาให้ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติของโลก นั่นคือ รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปีนี้ โดยมีรายละเอียดว่า
“จดหมายฉบับนี้ ดิฉันและเพื่อนร่วมอุดมการณ์พี่ต้น Anthony Chaiwarin ผู้ซึ่งได้ประสบความสำเร็จทางด้านการศึกษาและการงานในเมกาได้ร่วมกันเขียนและได้ส่งไปยัง Cindy McCain แห่งสถาบัน McCain Institute ให้เป็นผู้เสนอชื่อ คุณอานนท์ นำภา ให้กับคณะกรรมการโนเบลสาขาสันติภาพของปีนี้
เนื่องจากการเสนอชื่อให้ได้รับการพิจารณาต้องได้รับการเสนอจากองค์กรหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงในระดับชาติ หรือเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยหรือบุคคลที่เคยได้รับรางวัลโนเบลเท่านั้น และท่านก็ตอบรับ ด้วยความยินดี Cindy McCain คือ ภริยาของวุฒิสมาชิก John McCain ที่ได้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน่าเสียดาย การเสนอชื่อต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของคณะกรรมการโนเบลที่ได้ตั้งไว้ ไม่ใช่ว่าใครที่ไหนจะเสนอชื่อก็ได
อย่างไรก็ตาม จากการสืบค้น นริศรา วิวัชรา เป็นหนึ่งในนักวิชาการแนวร่วม นปช. ที่มีชื่ออยู่ในขบวนการ “แดงชิคาโก”
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 5 เม.ย. 62 นริศรา เคยส่งจดหมายเปิดผนึกถึงเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำประเทศไทย ให้ช่วยเหลือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมทั้งสนับสนุนให้สหรัฐฯเข้าแทรกแซงประเทศไทย โดยมีรายละเอียดว่า
จดหมายเปิดผนึกถึงเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำประเทศไทย ให้ช่วยคุ้มครอง คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และทีมงาน ถ้าหน่วยสืบราชการลับของทางสถานทูตสืบทราบอะไรที่ไม่เป็นมงคลกับ คุณธนาธร ให้ช่วยแจ้งให้ทีมงานเขาทราบโดยด่วนด้วย เนื่องจากตำรวจไทยบางส่วน ภายใต้การนำของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่น่าให้ความเชื่อถือได้ในขณะนี้
นอกจากนี้แล้ว บริษัท Thai Summit America Corporation เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกาที่ครอบครัวคุณธนาธรเป็นผู้ก่อตั้งขึ้น มีความเชี่ยวชาญทางด้านการผลิตแผ่นเหล็ก (sheet metal) และเทคโนโลยีการแสตมป์และประกอบชิ้นส่วน (stamping and assembly) เป็นนายจ้างคนอเมริกันที่ทำงานในบริษัท เป็นจำนวนถึง 15,000 คน
จึงเป็นเหตุผลหนึ่งในหลายๆ เหตุผล ที่จะต้องปกป้องคนดีในสังคม และขับไล่ทหารนอกรีตไร้วิสัยทัศน์ตามโลกไม่ทัน วันๆ ไม่มีงานทำคิดแต่จะทำสิ่งชั่วร้ายให้กับประเทศ ซึ่งไม่ใช่เป็นหน้าที่ของตนเองแต่อย่างไร (ทหารที่ดีไม่เกี่ยวนะคะดิฉันกราบคารวะค่ะ)...
นอกจากนี้ เฟซบุ๊กของ นริศรา ส่วนใหญ่จะเป็นการโพสต์ข้อความจาบจ้วงสถาบันฯ และสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ตลอด
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น ความจริงอีกด้าน! จนท.ปล่อยคลิป ฝั่งห้องขัง หลังแม่อ้าง “เพนกวิน” ถูก ตร.ทำร้าย ที่แท้เป็นเพียง เฟกนิวส์?
โดยระบุว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงดึกของวันที่ 9 ส.ค. 64 ได้มีการปล่อยคลิป โดยอ้างว่า นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำคณะราษฎร ถูกทำร้าย ซึ่งผู้ที่ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Phimchanok Jaihong ได้โพสต์ข้อความว่า “ช่วยด้วยโดนทำร้าย” พร้อมทั้งโพสต์คลิป ที่กล่าวอ้างว่า เป็นการทุบตี
ชมคลิป https://www.facebook.com/phimchanok.jaihong.5/videos/260977882251888
ต่อมา น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ว่า เพนกวิน และเพื่อน รวม 9 คน ถูกนำตัวไปฝากขังที่เรือนจำกลางธัญบุรีแล้ว หลังศาลธัญบุรี มีคำสั่งให้ฝากขัง โดยก่อนหน้านั้น ทุกคนกระทำการอารยะขัดขืนไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมในห้องควบคุมตัวของศาล
ล่าสุด ได้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ท่านหนึ่ง เปิดเผยคลิปวิดีโอ ที่ถ่ายจากฝั่งด้านในที่คุมขัง “เพนกวิน” ซึ่งเรียกได้ว่าแตกต่างจากที่ ขบวนการสามกีบ นำไปขยายว่า แกนนำถูกทำร้าย สรุปแล้วเป็นเพียงเฟกนิวส์ โดยมีรายละเอียดดังนี้
“มีข่าวออกมาปั่นว่า แกนนำโดนทำร้าย นี่คือเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นครับ ตำรวจยังไม่ได้ทำอะไรเลยครับ”...
ขณะที่เฟซบุ๊ก เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ Parit Chiwarak ได้โพสต์ข้อความพร้อมคลิปวิดีโอ เพนกวิน โดยระบุว่า
“เป็นสาส์นสั่งลาถึงประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่านจากเพื่อนนักสู้เพื่อประชาธิปไตยของเรา เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ ที่ถูกพรากอิสรภาพไปเพียงเพราะต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ เพื่ออิสรภาพ เพื่อที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งความหวัง เป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตย และเป็นที่ที่ทุกคนจะมีความเท่าเทียมกันทุกคนไม่ว่าจะเกิดมาจากชนชั้นไหน ตระกูลใดก็ตาม
ขอให้พี่น้องทุกคนจงยึดมั่นในแนวทางการต่อสู้ของพวกเราต่อไป เพื่อที่ซักวันหนึ่งประเทศไทยจะเป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ ม็อบ 10 สิงหา”
นอกจากนี้ พริษฐ์ ยังถูกศาลอาญาไต่สวนเพิกถอนการปล่อยชั่วคราว โดยภายหลังไต่สวน ศาลมีคำสั่งว่า
“พิเคราะห์คำร้องขอเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวเพิ่มเติมที่ 1 ฉบับลงวันที่วันนี้ทั้งสองฉบับ ประกอบพยานหลักฐานตามเอกสารแนบท้ายคำร้องทั้งสองแล้ว เห็นว่า ในส่วนของจำเลยที่ 1 ข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานดังกล่าวรับฟังได้อย่างชัดแจ้ง โดยไม่จำต้องทำการไต่สวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงปรากฏเพิ่มเติมอีก การกระทำของจำเลยที่ 1 ดังกล่าว ถือว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาด้อยค่าหรือลดคุณค่าของสถาบันฯ และจะมีผลเสื่อมเสียต่อสถาบันฯ ในที่สุด อันเป็นการฝ่าฝืนเงื่อนไขที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 1 ทั้งศาลเคยตักเตือนจำเลยที่ 1 และกำชับจำเลยที่ 1 ผ่านผู้กำกับดูแลมาแล้ว จึงให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 1 ให้ผู้ประกันส่งตัวจำเลยที่ 1 ต่อศาลภายใน 3 วัน แจ้งคำสั่งให้ผู้ประกันจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ทราบ
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ยังมีประเด็น “เอกชัย” มีความเห็นต่อการเปิดรายชื่อลับ พร้อมตั้งข้อสงสัย จน “ทนายม็อบ-บก.ฟ้าเดียวกัน” ดิ้นพล่าน สั่งให้ลบ
เนื้อหาระบุว่า หลังจากเมื่อวันที่ 9 ส.ค. 64 ที่ผ่านมา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก อ้างว่าเป็นเอกสารหลุด ลิสต์รายชื่อบุคคล 183 รายชื่อ และบัญชีโซเชียลมีเดีย 19 บัญชีที่ถูกระบุเป็น Watchlist เป็นภัยความมั่นคง อีกทั้งยังได้โพสต์ข้อความว่า
ในรายชื่อดังกล่าว ปรากฏชื่อ คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล คุณชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค คุณอมรัตน์ โชคปมิตกุล และรายชื่อของผม อยู่ในบัญชี Watchlist ของฝ่ายความมั่นคงด้วย รวมถึงอีกหลายคนที่ดูแล้วก็เป็นประชาชนธรรมดาๆ ไปจนถึงผู้ชุมนุมและอดีตผู้บริหารพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบไปแล้ว อย่างคุณธนาธร อาจารย์ปิยบุตร และคุณพรรณิกา ซึ่งไม่ได้มีอะไรที่จะไปเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ
สรุปว่าหน่วยงานรัฐภายใต้รัฐบาลนี้ มองประชาชนและพรรคก้าวไกล เป็นภัยต่อความมั่นคงไปเสียแล้วหรือครับ? หรือได้รับคำสั่งให้มีการ “หมายหัว” ประชาชนที่ไม่สยบยอมต่อรัฐบาลนี้กันแน่? หากนี่เป็นเอกสารจริง ผมว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีคำตอบแล้วครับ เพราะการเริ่มต้นมองประชาชนในชาติเป็นภัยต่อความมั่นคงโดยไม่มีสาเหตุ คือความผิดปกติอย่างยิ่ง และจะยิ่งทำให้สถานการณ์ทางการเมืองที่มีความขัดแย้งรุนแรงอยู่แล้ว ยากต่อการแก้ไขมากกว่าเดิมแน่ๆครับ
ต่อมา นายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ก็ได้โพสต์ข้อความและเอกสารดังกล่าวโดยที่เปิดเผยชื่อและนามสกุล พร้อมกับโพสต์ข้อความในเชิงตั้งข้อสงสัยว่า “รู้สึกแปลกใจที่หลายคนมีชื่อ และหลายคนไม่ปรากฏชื่อ ดูแล้วน่าจะเป็นรายชื่อของผู้ที่ต้องคดีจากม็อบเด็กมากกว่า”
อย่างไรก็ตาม ฝั่งทนายความของแกนนำม็อบ อย่างนายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในทำนองขอให้ลบออกว่า “หลายคนเขาอาจจะไม่อยากให้เปิดเผยชื่อและภาพใบหน้า ผมว่าไม่เคยเอามาเปิดเผยแบบนี้นะครับ”
หลังจากนั้น นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ก็ได้แสดงความคิดเห็นว่า “ไม่ควรเปิดเผยใบหน้านะครับโดยเฉพาะกับเยาวชน รวมทั้งชื่อและนามสกุลด้วย”
แน่นอน, สถานการณ์ที่เป็นอยู่ ไม่ต่างอะไรกับการทำสงครามข่าว เพื่อเอาชนะทางการเมือง โดยเฉพาะการสร้างเงื่อนไข ให้ฝ่ายตรงข้าม เป็น “ผู้ร้าย” ในสายตาสาธารณชน และประชาชน เพียงแต่ว่า ฝ่ายอำนาจรัฐอาจต้องเจอหนัก เพราะอยู่ในฐานะที่ต้องรับมือและตั้งรับด้วยความอดทนมากกว่า เพื่อไม่ให้กลายเป็นเงื่อนไขความรุนแรง และไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน เพราะมีทั้งอาวุธ และกฎหมายในมือ แม้ว่าจะไม่ใช้ แต่ภาพลักษณ์ก็ยังเป็นผู้มีโอกาสใช้ความรุนแรงได้มากกว่า นี่เอง เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่รัฐจะต้องเสียสละด้วยความอดทนอดกลั้น และทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเท่านั้น
ดังนั้น สิ่งที่เห็นชัดมากขึ้นจากการชุมนุม ก็คือ การหาหลักฐานมัดแน่นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเป็นเกราะป้องกันตัวเอง ไม่ให้ถูกกล่าวหาว่าใช้ความรุนแรงกับม็อบมือเปล่า และสันติวิธี ซึ่งถือว่าทำได้ดี เพราะภาพสะท้อนจากม็อบ “7 สิงหา” สาธารณชนได้เห็นความจริงว่า ม็อบไม่ได้มามือเปล่า และความรุนแรงไม่ได้เกิดจากฝ่ายเจ้าหน้าคุมฝูงชนเท่านั้น
แม้แต่ กรณีเฟกนิวส์ “เพนกวิน” ถูกทำร้ายก็เช่นกัน ถ้าไม่มีความจริงอีกด้านออกมาเผยแพร่ เจ้าหน้าที่ก็คงตกเป็น “ผู้ร้าย” ในสายตาสาธารณชนอย่างไม่ต้องสงสัย
หรือแม้แต่เอกสาร “หลุด” ที่เอามาใช้กล่าวหาว่า รัฐบาลเห็นประชาชนเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ก็เช่นกัน? ที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ว่า ของจริง
และที่ตลกร้ายไปกว่านั้นก็คือ การเสนอชื่อ อานนท์ นำภา คนที่เป็นผู้ต้องหา ม.112 และเหยียบย่ำหัวใจคนไทยหลายล้านดวง ชิงรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ
เพราะอย่าลืมว่า คนที่ควรได้รางวัลนี้ น่าจะเป็นคนที่ต่อสู้เพื่อคนส่วนใหญ่ของประเทศ นี่ยังไม่พูดถึงระดับโลก ว่ามีผลงานอะไร แค่นี้ก็แทบมองไม่เห็นความเป็นไปได้แล้ว ยิ่งการส่งเสริมให้ม็อบใช้วิธีรุนแรงการต่อสู้ จนอาจเกิดสงครามกลางเมืองในที่สุด มันเกิดสันติภาพตรงไหน?
เอาเป็นว่า เวลานี้แกนนำม็อบกลายเป็นผู้ต้องหากันหมดแล้ว ที่เหลือก็รังแต่จะเอาตัวเองเข้าใกล้ และสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนคนไทยเท่านั้น