xs
xsm
sm
md
lg

ล้มสถาบัน? “อุ๊ หฤทัย” จวกสามกีบเหิม ชูไพ่คิง-พระบรมฉายาลักษณ์กลับหัว “อดีตบิ๊ก ศรภ.” มอง “สุดเลว” ในแง่ดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ “อุ๊ หฤทัย” เดือดจัด! จวก สามกีบ ชูไพ่คิง-พระบรมฉายาลักษณ์กลับหัว ขอบคุณภาพ จากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
“อุ๊ หฤทัย” เดือดจัด! สามกีบ “ชูไพ่คิง-พระบรมฉายาลักษณ์กลับหัว” ลั่นต้องการ ปชต.หรือล้มสถาบัน!? “อดีตบิ๊ก ศรภ.” เปลี่ยนมุมมองม็อบทะลุฟ้า “สุดเลว” ในแง่ดี “อานนท์” รับสาดสี-เผาหุ่นหน้า ปชป.ผิดกฎหมาย แต่สันติวิธี

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (31 ก.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น “อุ๊ หฤทัย” เดือดจัด! จวก สามกีบ แสดงสัญลักษณ์ชูไพ่คิง-พระบรมฉายาลักษณ์กลับหัว ลั่นนี่ต้องการ ปชต.หรือล้มล้างสถาบัน!?

โดยระบุว่า จากกรณี หฤทัย ม่วงบุญศรี หรือ อุ๊ นักร้องชื่อดัง และแกนนำกลุ่มไทยภักดี ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีที่ถูกบล็อกเฟซบุ๊ก โดยระบุข้อความว่า เฟซบุ๊กหลักของอุ๊โดนบล็อกตั้งแต่ 9 ก.ค. ถึง 9 ส.ค. วันนี้อุ๊โพสต์เฟซบุ๊กเพจนี้ เป็นเพจสำรองคะ เรื่องโพสต์หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ลองฟังกันนะคะ ขอบคุณมากคะ

และได้มีการโพสต์คลิป ซึ่งพูดข้อความหมิ่นสถาบัน เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา รวมไปถึงการเคลื่อนไหวของแนวร่วมสามกีบที่นัดแต่งชุดดำ เนื้อหาที่น่าสนใจระบุว่า

ในวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเกิดของในหลวง ก็ออกมาแต่งดำกัน แสดงสัญลักษณ์ เช่น ชูไพ่คิง ชูพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เอาหัวทิ่มลง ทำมือ 3 นิ้วปิดหน้า และมีเขียนข้อความสั้นๆ บนเพจของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ว่า 4 พันกว่าชีวิตของราษฎร ต้องสูญเสียไป เพราะความละโมบและกระหายในอำนาจของรัฐบาลฆาตกรและตระกูลปรสิต 28 กรกฎาคม ร่วมใจใส่ชุดดำ

เพนกวิน พริษฐ์ ชูรูปพระเจ้าอยู่หัว เอาหัวทิ่มลง ชูสามนิ้วปิดหน้า ซึ่งเห็นแล้วปล่อยผ่านไปไม่ได้ ในฐานะที่อุ๊เป็นคนไทย มีสิทธิ์ที่จะออกมาแสดงความคิดเห็น ไม่คุณคนเดียวหรือกลุ่มพวกคุณคนเดียวที่มีสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็น กรณีแบบนี้ นี่คุณไม่ได้เรียกร้องประชาธิปไตย กรณีแบบนี้เขาเรียกว่า เป็นการฉกฉวยโอกาส ในขณะที่โลกทั้งโลก ไม่ใช่ 4 พันกว่าชีวิตที่เป็นพลเมืองไทยอย่างเดียวที่สูญเสีย คนทั้งโลก ไม่ว่าจะเป็นชาติมหาอำนาจ ไม่ว่าจะมีเงิน มีอำนาจยังไง เขาก็ล้วนแต่สูญเสีย ทุกคนก็ต้องการเอาชีวิตรอดต่อโรคระบาดที่เรากำลังเผชิญ แต่พวกคุณฉกฉวยโอกาสดึงสถานการณ์นี้มาเล่นการเมืองแล้วบอกเรียกร้องประชาธิปไตย

ถ้าพวกคุณเรียกร้องประชาธิปไตย ระบอบการปกครองของประเทศไทย คือ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ถ้าคุณเรียกร้องประชาธิปไตยจริงๆ ทำไมคุณแสดงสัญลักษณ์ที่ดูหมิ่น จาบจ้วงพระประมุขของประเทศ พระมหากษัตริย์ของประเทศที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติละ ที่คุณอ้างว่าสู้กับเผด็จการ ก็จริงๆ แล้ว คสช. นำโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ปฏิวัติกันตั้งแต่ปี 57 แล้ว ทำไมพวกมึงไม่ออกมา ทำไมออกมาหลังเลือกตั้ง?

ภาพ กิจกรรม สามนิ้ว เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ขอบคุณภาพ จากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
เพราะเลือกตั้งแล้วพวกคุณแพ้ คิดว่าเลือกตั้งแล้วพวกคุณจะชนะ พวกคุณจะกลับมามีอำนาจ แต่พอโหวตในสภา พวกคุณแพ้ พวกคุณบอกไม่เป็นประชาธิปไตย แล้วก็ป่วนบ้านป่วนเมือง มีม็อบและพยายามโจมตีสถาบันมาโดยตลอด หลักฐานก็มี ด้วยตัวของพวกคุณเองที่ออกมา เปิดหน้า เปิดตาทุกคน ไม่ได้กล่าวหา ไม่ได้ใส่ร้าย นี่พวกคุณต้องการประชาธิปไตย หรือต้องการที่จะล้มล้างสถาบันกันแน่? เพราะคนไทยส่วนใหญ่ ไม่ใช่มีแต่เฉพาะพวกคุณ คนไทยส่วนใหญ่ที่รู้เรื่องราว บริบททางการเมืองที่ผ่านมา

ทุกคนต่างรู้ดีว่า ประเทศจะต้องมีความมั่นคง ถ้าหากไม่มีความมั่นคงไม่มีความเป็นปึกแผ่น ประเทศจะระส่ำระส่าย ประเทศจะอ่อนแอ แล้วจะถูกแทรกแซงจากชาติมหาอำนาจ เพราะฉะนั้น ประเทศจะต้องมีความมั่นคง และสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นคือความมั่นคง คือ ศูนย์รวมจิตใจของไทยทั้งชาติ เป็นเสาหลักค้ำประกันว่า ประเทศไทยจะมีความสงบร่มเย็น มั่นคง แต่พวกคุณไม่ประสงค์ดีกับประเทศชาติ พยายามทำลาย คิดว่าเบื้องหลังของคุณก็คงไม่ธรรมดา...

ขณะเดียวกัน พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า

“มองม็อบทะลุฟ้า “สุดเลว” ในแง่ดีบ้าง

วันนี้ เด็กเลว 2-3 คน ร่วมกับผู้ใหญ่เลวๆ ในจำนวนที่มากกว่า

ฝ่าฝืนกฎหมายกว่า 10 เรื่อง ฝ่าฝืนหลักประชาธิปไตย

ออกมาด่าทอ เผาหุ้น สาดสี บุกรุกสถานที่ ทำลายสิ่งของ

ที่พรรคการเมืองร่วมรัฐบาล 3 พรรคใหญ่ (พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย) พฤติกรรมบอกได้ว่า เลวสุดขั้ว

แต่ม็อบทุเรศๆ แบบนี้ให้ผลดีอะไรกับคนไทยแยะมากครับ เช่น

1. ทำให้คนไทยส่วนใหญ่รู้ว่า ถ้าคนพวกนี้เข้ามาบริหารบ้านเมืองแล้ว ประเทศชาติและประชาชนจะยับเยินขนาดไหน

เรียกร้องประชาธิปไตย เรียกหาวัคซีน “ดีๆ” แต่เอาโควิดไปเหวี่ยงใส่ชาวบ้าน ที่เค้าพยายามเก็บเนื้อเก็บตัวเพื่อหยุดยั้งการระบาด ต้องเสียเสรีภาพออกจากบ้านไม่ได้ แล้วทำให้คนทั้งชาติต้องเสียเสรีภาพไปด้วย แม้กระทั่งเสรีภาพของเด็กๆ ที่จะไปเรียนหนังสือยังทำไม่ได้

วีรกรรมขนาดนี้ ทำให้อาชญากรตัวเป้งๆ หลายคนดูดีขึ้นหลายสิบเท่าละครับ

2. ทำให้พรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งกำลังทำท่าจะแตกกันเป็นเสี่ยงๆ แล้ว ต้องมารวมกันอีกครั้งอย่างมหัศจรรย์ และรู้ว่าการร่วมกันสู้ให้ผ่านวิกฤตโควิด เป็นเรื่องสำคัญกว่าแยกกันเดิน

3. เรื่องที่ดีที่สุด คือ คนพวกนี้จะหมดหนทางไปรับราชการ หรือทำงานในบริษัทสำคัญๆ ที่จะเข้ามาดูแลประเทศชาติอีกต่อไป เพราะ “ประวัติจะไม่ผ่าน” หรือไปเรียนต่อเมืองนอกในมหาวิทยาลัยดีๆ ก็ลำบากแล้ว เพราะการตรวจสอบประวัติผ่านเฟซบุ๊ก ไลน์ IG ฯลฯ

ระบบตรวจสอบทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย ก็จะไม่ผ่านอีกเช่นกัน

นี่แหละโลกสมัยใหม่ที่คนรุ่นเก่าอย่างผมโชคดีไม่ต้องเจอ

แผ่นดินเกิดของตัวเอง ยังเนรคุณได้อย่างประทับใจเช่นนี้

แล้วแผ่นดินที่ตัวเองแค่ไปอาศัยอยู่ จะมีความหมายอะไร

ขอให้เจริญๆเถอะพ่อคุณ”

ภาพ นายอานนท์ นำภา อ้างสาดสี-เผาหุ่นหน้าปชป.ผิดกฎหมาย แต่สันติวิธี ขอบคุณภาพ จากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน THE TRUTH โพสต์ประเด็น อานนท์รับสาดสี-เผาหุ่นหน้า ปชป.ผิดกฎหมาย แต่นี่แหละสันติวิธี เผยม็อบ 7 สิงหา ถามวิธีแก้แก๊สน้ำตาเอาไว้แล้ว

โดยระบุว่า เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำกลุ่มราษฎร ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงการเข้าร่วมกิจกรรมว่า

“วันพรุ่งนี้ ผมและเพื่อนๆ จะเข้าร่วมคาร์ม็อบใหญ่ของสมบัติทัวร์ เพื่อขับไล่รัฐบาลฆาตกรทรราช และเรียกร้องรัฐบาลใหม่ที่จะมาตามวิถีทางประชาธิปไตยและมาจากประชาชน

ขบวนรถราษฎรจะตั้งต้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยจะมีการพูดจาปราศรัยกันก่อนเคลื่อนขบวนไปสมทบกับขบวนสมบัติทัวร์ที่ถนนวิภาวดีรังสิต ท่านใดต้องการแห่รถไปด้วยกัน เชิญที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 10.30 น. นะครับ”

อย่างไรก็ตาม นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มราษฎร ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นทั้งในเรื่องของกิจกรรมคาร์ม็อบพรุ่งนี้ และการเดินทางไปหน้าพรรคประชาธิปัตย์ของกลุ่มเดินทะลุฟ้าเมื่อวานว่า

“ล้างแก๊สน้ำตานี่ระหว่างน้ำเกลือกับยาลดกรด อันไหนดีกว่ากันครับ หมายเหตุ พรุ่งนี้ไม่น่ามีไร แต่วันที่ 7 สิงหา โดนแน่ๆ เลยถามเผื่อไว้ก่อน”

ภาพ ม็อบทะลุฟ้าที่พรรคประชาธิปัตย์ ขอบคุณภาพ จากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
“ม็อบพรุ่งนี้ เท่าที่ทราบมีการจัดร่วมกันหลายกลุ่ม 1. สมบัติทัวร์ ของพี่หนูหริ่ง รวมตัวที่ถนนวิภาวดี-รังสิต 2. นปช.ทัวร์ ของพี่เต้น รวมตัวกันที่สี่แยกราชประสงค์ 3. ราษฎรทัวร์ ของกลุ่มราษฎร รวมตัวที่ราชดำเนิน”

“นี่แหละครับ ที่เรียกว่า แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ส่วนผิดกฎหมายหรือไม่ มันก็ผิดนั่นแหละครับ แต่มันเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์และเป็นสันติวิธี การตอบโต้พรรคที่สนับสนุนรัฐบาลฆาตกร จะให้เอากุหลาบไปมอบให้หรอครับ”

แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ นับวันการแสดงออกของม็อบราษฎร หรือ ม็อบ 3 นิ้ว ยิ่งทำให้คนไทยเห็นชัดว่า พวกเขาเรียกร้องประชาธิปไตย หรือ ต้องการล้มล้างสถาบันกันแน่ เพราะพฤติกรรมการม็อบมันฟ้อง และการกระทำในเชิงสัญลักษณ์มันชัดเจน เพียงแต่ฉวยโอกาสผสมโรงขับไล่ “ประยุทธ์” บังหน้าเท่านั้น

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ยุทธศาสตร์การต่อสู้ เพื่อล้มล้างสถาบันของคนบางกลุ่ม ก็คือ การทำให้คนไทยทะเลาะกันในประเด็นที่เกี่ยวกับสถาบัน ทำให้คนรุ่นใหม่ กับคนรุ่นเก่า แตกแยก เป็นสองฝั่ง แทรกซึมและครอบงำความคิดทุกวงการ และทุกสาขาอาชีพ เพื่อแย่งชิงแนวร่วม จนแตกแยกเป็นสองฝั่งเหมือนกัน ใช้เครือข่ายจัดตั้งทางการเมืองเปลี่ยนความคิดประชาชน เกี่ยวกับสถาบัน ด้วยชุดข้อมูลบิดเบือน หรือปลุกระดมบ่อนทำลายทุกรูปแบบ ทั้งหมดมีให้เห็นมากขึ้นทุกวัน แม้ไม่อาจพูดได้ว่า เต็มรูปแบบก็ตาม แต่ก็เห็นผลในระดับหนึ่ง

ขณะที่ม็อบราษฎร ก็ยังปักหลักหล่อเลี้ยงกระแส ยืดเยื้อ หาประเด็นเคลื่อนไหวไปตามสถานการณ์ ที่รัฐบาลเพลี่ยงพล้ำ โดยเฉพาะเรื่องทุจริต เพื่อฉวยโอกาสผสมโรงโจมตีเป้าหมายเชิงสัญลักษณ์ร่วมด้วย เพื่อให้มวลชนในกลุ่มประชาชน กล้าที่จะร่วมแสดงออก

แล้ววันหนึ่ง เมื่อพร้อมจัดม็อบใหญ่ และพร้อมปฏิวัติประชาชน ทุกอย่างก็จะเดินตามแผนยุทธศาสตร์ขั้นสุดท้าย อย่างเต็มรูปแบบ แม้ว่าต้องทำสงครามกลางเมือง กับฝ่ายต่อต้าน หรือคนที่ออกมาต่อต้านก็ตาม

นี่คือ สิ่งที่ทำให้เห็นว่า ทำไมม็อบยังอยู่ แม้ว่าจะไม่มีมวลชนออกไปร่วมมากนัก อีกอย่าง ม็อบก็แค่การสร้างสถานการณ์ความไม่สงบเท่านั้น ที่พวกเขาหวังผลได้อย่างแท้จริง คือ การสร้างข่าว สร้างข้อมูลบิดเบือน และการโจมตีผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่างหาก

ทั้งหมดเชื่อว่า ฝ่ายรัฐบาลก็รู้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่า การรับมือ จัดการอย่างเด็ดขาด มันไม่ง่ายเหมือนในอดีตอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะสร้างความอึดอัดให้กับหลายคนที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบัน ถึงขั้นมองรัฐบาลไร้ประสิทธิภาพในการจัดการเรื่องนี้เลยทีเดียว
รวมทั้งเมื่อไหร่ก็ตามที่ปราบปรามอย่างรุนแรง เมื่อนั้นก็เท่ากับเร่งให้เข้าสู่แผนยุทธศาสตร์พวกเขามากขึ้นเท่านั้น และยังต้องระมัดระวังสายตาประชาคมโลก อีกด้วย

เห็นหรือยังว่า ประเทศไทยกำลังเจออยู่กับปัญหาอะไร ที่อันตรายที่สุด “โควิด-19” อย่างเดียวหรือไม่ คนไทยต้องตอบคำถามให้ได้!?


กำลังโหลดความคิดเห็น