หญิงเหล็กทั้งคู่ “คำ ผกา” ด่า “สลิ่ม” กลางรายการ “โบว์” ซัด ถ้าเป็นสื่อ สร้างความเกลียดชังเพื่อเรียกเรตติ้ง คุณเลว! “ณัฐวุฒิ” โชว์ผู้นำสามกีบ ชี้เป้าชาว “3 นิ้ว” ถล่ม “หมอยง” “หมอแล็บ” โพสต์แคมป์แรงงานว่างเปล่า เตือน หมู่บ้าน
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(26 มิ.ย.64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็นที่โลกโซเชียลลุกเป็นไฟ “โต้กันเดือด! คำผกา เปิดเครื่องด่า “สลิ่ม” กลางรายการ โบว์ ซัด ถ้าเป็นสื่อ สร้างความเกลียดชังเพื่อเรียกเรตติ้ง คุณเลว!”
โดยเนื้อหาระบุว่า จากกรณีที่มีการแชร์คลิปวิดิโอ ของรายการ In Her Eyes ทางช่อง Voice TV โดยมี น.ส.ลักขณา ปันวิชัย หรือ คำ ผกา หรือ แขก พิธีกรชื่อดัง เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยในคลิปมีการด่าทอฝ่ายตรงข้างที่เขาเรียกว่า สลิ่ม ผ่านทางรายการด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก
ต่อมา โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า
ในสภาวะสังคมที่ตึงเครียด คนทั่วไปจะด่าระบายอารมณ์บ้างเป็นเรื่องเข้าใจได้ และควบคุมไม่ได้ แต่ถ้าคุณเป็นสื่อและจงใจแสดงความคลั่งออกมาหน้าจอ ต่อเติมเสริมสร้างความเกลียดชังเพื่อเรตติ้ง .. คุณเลว
และยังโพสต์ข้อความต่อว่า มีคนถามว่า ดูแล้วคิดยังไง.. ถาม @VoiceTVOfficial ดีกว่าค่ะว่าคิดอย่างไรกับการด่าประชาชนที่ถูกเรียกว่า “สลิ่ม” ที่เข้าไปคอมเมนท์ในรายการด้วยคำพูดเหล่านี้ คิดว่าจะส่งผลยังไงต่อสังคม ต่อคนหลากหลายวัย วุฒิภาวะ และสภาพจิตที่นั่งอยู่หน้าจอ และจะมีจุดยืนอย่างไรกับกรณีนี้ในฐานะ “สื่อมวลชน”
ซึ่งล่าสุดทางด้าน แขก คำ ผกา ได้ตอบกลับว่า กูไม่ใช่สื่อกูเป็น คำ ผกา
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน โบว์ก็ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีไปออกรายการของ TopNews ว่า เมื่อวาน Top News ชวนโบว์ไปคุยหลายประเด็นที่ผู้ชมสนใจและตั้งคำถามมา ทางรายการตัดข้อมูลบางส่วนออกไปบ้าง คงเพราะอัดเทปไว้เกินเวลา แต่เป็นการพูดคุยที่เข้มข้นและหวังว่าจะเป็นประโยชน์ ขอบคุณที่รับฟังกันนะคะ Bow Nuttaa Mahattana https://youtu.be/RZM6TfcrB7Q
ซึ่งทางด้าน คำ ผกา ออกมาโพสต์ข้อความว่า “ขวัญใจ สลิ่มคนใหม่ ผลิตงานเขียนได้ดูมีสติกว่า ดี้ กว่าโจ กว่า ดร.นันยาง มีดีกรีเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อปชต. ไม่ต้องจ้าง ขอแต่สปอตไลท์ ที่น่าเห็นใจคือ อาจทำไปโดยไม่รู้ตัว รู้แต่ว่าอย่างน้อยๆ ยังมีแฟนคลับ แม้นแฟนคลับกลุ่มใหม่จะเรียก ฝ่ายปชต. ว่า “สามกีบ” ไม่หยุดหย่อน
ปากบอกขอความสุภาพและมีเหตุผล แต่ไม่มีสักครั้งที่เธอจะแวะ เขียนสัก 1 สเตตัสว่า การเรียกคนที่ชูสามนิ้วว่า “สามกีบ” นั้น ไม่ถูกต้องอย่างไรบ้าง คนที่โวยวายว่าตนเองถูกไซเบอร์บูลลี่ กลับไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจที่ตนเองเป็นที่นิยมจากกลุ่มคนที่รักในการ dehumanized ผู้อื่น แปลกกว่านั้นยังสามารถไปออกรายการในสื่อที่ได้ชื่อว่า ทั้งปลอมทั้งปลุกปั่น คนมันหิว
ต่อมาโบว์ก็ได้ตอกกลับว่า “ประเด็น สามกีบ เคยพูดไว้ตั้งแต่ 24 พ.ค. และไม่เคยสนับสนุนให้ใครสื่อสารอย่างไม่ให้เกียรติกันอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเหตุให้คุณด่าเราว่า “ดัดจริต” และ “หิวแสง” ว่าแต่คุณเคยประณามคนที่ก่ออาชญากรรมกับเรามั้ย จำได้ว่า เคยนั่งจัดรายการหัวเราะสนุกสนานเรื่องที่ปวินเอาภาพแอบถ่ายไปปล่อยพร้อมกล่าวหาว่า เราถ่ายเองปล่อยเองเพราะอยากจับผู้ชาย และคุณพูดว่า เราจะไปแจ้งความทำไม ถ้าเป็นคุณจะถ่ายคลิปที่เด็ดกว่ามาปล่อยเลย https://www.facebook.com/575635818/posts/10158187678915819/?d=n
การไปออกรายการสื่อช่องใดก็ตามคือโอกาสในการพูดกับประชาชนหน้าจอของสื่อนั้น เมื่อเขาต้องการฟังเราก็พูดให้ฟัง ที่ผ่านมาหลายคนในฝั่งที่คุณสนับสนุนก็ไปร่วมรายการมาก่อน ซึ่งเป็นโอกาสดีที่คนจะได้รับฟังมุมมองที่แตกต่างกัน ไม่ใช่ด่าทอสร้างความเกลียดชังไปวันๆhttps://www.facebook.com/khaosod/videos/483073012927575/”
นอกจากนี้ยังพบว่า โบว์ ได้แชร์ข้อความของคำ ผกา จากการโพสต์ข้อความดังกล่าวมาลงในเฟซบุ๊ก Bow Nuttaa Mahattana พร้อมคำชี้แจงดังกล่าว
ซึ่งล่าสุด โบว์ก็ได้มีการพูดถึงกรณีนี้ด้วยเช่นกันว่า จุดยืนของเราคือคุยได้กับทุกสื่อ เพราะมันคือทางผ่านไปถึงปชช.ทุกฝ่าย ตอนไปคุยก็มีที่วิจารณ์เขาไปด้วยนะ แต่ถูกตัดออก เช่นเดียวกับสื่ออีกฝั่งสื่อหนึ่งที่ไม่ใช่ทีวีและเป็นขั้วตรงข้ามกับสื่อแรก เคยสัมภาษณ์โบว์เรื่องการใช้ความรุนแรง อันนั้นไม่ใช่แค่ตัดออก แต่ไม่ลงบทความไปเลย ไม่ต่างค่ะ
และยังโพสต์ต่อว่า ส่วนสื่อที่ตรงไปตรงมาและพยายามรักษามาตรฐานคุณภาพให้สังคม ไม่ไหลไปตามกระแส ขอให้กำลังใจ และจะพยายามพูดถึงให้บ่อยขึ้นค่ะ
ต่อมา นายยื่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เนตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือไอลอว์ ก็ได้ตอบกลับโพสต์ดังกล่าวว่า ถ้าผมได้รับเชิญจาก Top News และว่างตรงกัน ก็จะพยายามไปครับ ตอนเนชั่นเชิญก็ไปหลายครั้ง มันยากกว่าการไปออก Voice มาก หลังไปมาก็พบว่าเขาไม่มีทางเอาชนะเหตุผลได้ เราได้รู้จุดอ่อนของเขาด้วย รู้ว่าอะไรที่เขายอมเราได้ และมีโอกาสยัดประเด็น ยัดข้อมูลใส่หูคนที่เกลียดเรา
และโบว์ก็บอกว่า กลุ่มคนนั่งหน้าจอเป็นคนละกลุ่ม ถ้าอยากคุยกับทุกคนก็ต้องไปทุกที่จริงๆค่ะ ประชาชนต้องคุยกันได้ ยังไงก็อยู่ประเทศเดียวกัน
สำหรับคำ ผกา และโบว์ ณัฏฐา ถือว่าเป็นคู่ปรับที่ออกมาโต้กันไปกันมาหลายครั้ง ซึ่งทางด้าน คำ ผกา ก่อนหน้านี้ ก็ถูกเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาหมิ่นประมาทนายกรัฐมนตรี กรณีวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ในรายการ Talking Thailand เมื่อเดือน มี.ค. 64 ที่ผ่านมา หลังก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มอบหมายกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ในฐานะทนายความ เข้าแจ้งความ เบื้องต้นเจ้าตัวให้การปฏิเสธตลอดทุกข้อกล่าวหา
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ที่พักหลังมีกระแสข่าวว่า จะมาร่วมเป็นแกนนำม็อบ 3 นิ้ว ดูเหมือนเปิดตัวแรง โพสต์รูปภาพ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โดยนายณัฐวุฒิ ระบุว่า “หมอยง 1 คน ระดับน้องๆสุเทพเลยนะครับ”
ทั้งนี้โพสต์ของนายณัฐวุฒิ ได้ถูกกลุ่มต่อต้านรัฐบาลเข้าไปต่อว่าหมอยง อย่างสาดเสียเทเสีย เพียงเพราะถ่ายรูปคู่นายสุเทพ และห้อยนกหวีดเท่านั้น
ส่วนเกี่ยวกับนโยบายปิดแคมป์คนงานของรัฐบาล เพื่อจำกัดวงแพร่ระบาดของโควิด – 19 ก็ไม่ว่าจะได้ผล เพจเฟซบุ๊ก “หมอแล็บแพนด้า” ของนักเทคนิคการแพทย์ (ทนพ.) ภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์
โพสต์ภาพบรรยากาศเงียบเหงาที่พักในแคมป์คนงานก่อสร้างแห่งหนึ่ง พร้อมภาพของคนงานบางส่วนทยอยขนของขึ้นรถกระบะ พร้อมระบุข้อความว่า
"จะไปไหนกันครับนี่ อย่าเพิ่งไปคร้าบ" แต่ไม่มีรายละเอียดว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และที่ไหน หลังจากที่เมื่อวานนี้ (25 มิ.ย.) รัฐบาลประกาศเตรียมปิดแคมป์คนงานเป็นเวลา 1 เดือน ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19
เพจหมอแล็บแพนด้า ยังได้แคปหน้าจอลูกเพจที่ออกมาแจ้งข่าว ระบุว่า "แจ้งข่าวค่ะหมอแล็บ แคมป์คนงานก่อสร้างจะถูกปิด หลังจากปิดแล้วคนงานจะแห่กลับบ้านต่างจังหวัดกันค่ะ ที่ตึกหนูพักเริ่มเก็บของออกไปตั้งแต่ 6 โมงเย็นแล้วค่ะ หลังจากนี้หมอและพยาบาลจะเหนื่อยมากกว่าเดิมแน่เลยค่ะ"
ขณะที่บนหน้าเพจ มีการแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก บางคนระบุว่า ความหวังอยู่ที่กำนัน ผญบ. อสม. สแกน คนต่างพื้นที่เข้าหมู่บ้าน ต้องออกกฎข้อปฏิบัติอย่างชัดเจนและเข้มแข็ง เช่น การกักตัว หากมีอาการเสี่ยงต้องเข้ารับการตรวจโควิดไม่ปล่อยให้บานปลาย เป็นกำลังใจให้ทุกคน, ไม่ไปแล้วเอาอะไรกินอะหมอ เข้าใจแหละว่าไม่ควรออกนอกพื้นที่แต่ถ้ามองในมุมของเขานอนรอความตายขาดรายได้ จะกินจะอยู่ยังไง คนหาเช้ากินค่ำ หาตอนเช้าไว้กินตอนค่ำ แต่นี่ไม่มีงานไม่มีเงิน ไม่ได้เหมือนส.ว.ในสภาวะ ที่กักตัวอยู่บ้านก็มีเงินเดือนกิน เลิกโทษประชาชนกัน, บางคนเห็นว่ารัฐบาลออกคำสั่งแบบไม่มีแผนรับมือ, แถวบ้านก็กลับกันแล้วตั้งแต่เมื่อวาน ,คนขับรถบรรทุกส่งของที่โรงงานกลับมาบอกว่าช่วงรังสิตรถเยอะมากๆเหมือนสงกรานต์ย่อมๆเลยครับ,
เรื่องนี้ผมไม่กล้าโทษคนงานเลยครับ ลองนึกว่าเราอยู่ในสถานการณ์นั้น จะอยู่ยังไง กินอะไร ให้นายจ้างเป็นคนจัดหาอาหารส่ง เกิดนายจ้างไม่ได้มีศักยภาพพอจะทำให้ได้ล่ะ ค่าชดเชยก็ยังไม่ชัด (รมว.แรงงานบอกต้องเสนอ สบค. อนุมัติก่อน - คำถามคือเมื่อไหร่?) ถ้าผมเป็นเค้าผมก็ไม่ยอมเสี่ยงอยู่ในเพิงสังกะสีโดยที่ไม่รู้ชะตากรรมหรอก ประกาศใครๆ ก็ทำได้ แต่มาตรการรองรับยังไม่มีซักอย่าง แล้วประกาศมาทำไม,เหมือนไม่ใช่คำสั่ง เหมือนเป็นการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเพื่อการวางแผนการเดินทาง,เป็นต้น
แน่นอน, ทุกประเด็นล้วนน่าสนใจ นับแต่ ความขัดแย้งรุนแรงทางการเมือง และการแบ่งแยกประชาชนเป็นฝักฝ่าย ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ยุครัฐบาลทักษิณ เรืองอำนาจ ที่ประกาศทีเล่นทีจริงว่า จังหวัดใดไม่เลือกพรรคไทยรักไทยจะได้รับการพัฒนาทีหลัง อะไรทำนองนั้น จากนั้นก็มาถึงยุคจัดตั้งมวลชนคนเสื้อแดงมาสู้กับอำมาตย์ และมือที่มองไม่เห็น จนกลายเป็นแบ่งขั้วขัดแย้งกับ “คนเสื้อเหลือง” ที่ออกมาปกป้องสถาบัน และต่อสู้กันมาหลายม็อบ
จนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำ “คสช.” ทำรัฐประหาร และคู่ต่อสู้สำคัญเวลานี้ได้เปลี่ยนสภาพมาเป็น “ม็อบ 3 นิ้ว” เรียกร้อง 3 ข้อ คือ ไล่พล.อ.ประยุทธ์และองคาพยพ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และปฏิรูปสถาบันฯ
โดยเฉพาะเรื่องปฏิรูปสถาบันฯ ถือว่า สร้างความแตกแยกอย่างรุนแรง ถึงรากเหง้าของประเทศเลยทีเดียว
จึงไม่แปลก ที่พบว่า จนถึงวันนี้ ยังมีวิวาทะขัดแย้งกันของทั้งสองฝ่ายอยู่ไม่จบสิ้น ทั้งยังดูไร้สาระในบางครั้งด้วย
ประเด็นต่อมา ก็ไม่แตกต่างกัน ต้องยอมรับว่า สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ น้องสาว “ทักษิณ” มีความพยายามที่จะใช้เสียงข้างมากในสภา ออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย หรือ ทุกคดี เพื่อช่วย “ทักษิณ” ซึ่งหนีโทษคดีทุจริต ด้วยเหตุนี้ทำให้การออกมาเคลื่อนไหว เดินขบวนขับไล่ของ กปปส. มีคนเข้าร่วมอย่างมหาศาล โดยเฉพาะชนชั้นกลางในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด
แล้วก็ไม่แปลก หากจะพบว่า ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ เป็นหนึ่งในนั้น(ตามภาพ) แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ปัจจุบัน ก็ยังเป็นเช่นนั้นหรือไม่
และประเด็น แรงงานกลับบ้าน ที่มีสัญญาณเตือน จาก เพจหมอแล็บแพนด้า ก็นับว่าน่าสนใจ แม้จะเป็นคนละเรื่อง แต่สถานการณ์เดียวกัน คือ คนไทยกำลังสับสนว่า ตกลงจะให้รัฐบาลแก้อะไรกันแน่?
แก้ปัญหาโควิด ซึ่งต้องใช้สติ ใช้สมาธิ ใช้ปัญญาของคนเก่ง คนดีทั้งประเทศมาร่วมมือกัน และใครก็ตาม ที่ไม่มีบทบาทหน้าที่หลัก ก็จะต้องสนับสนุนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพื่อให้วิกฤติมันผ่านพ้นไปโดยเร็ว เพื่อจะได้คืนความเป็นปกติในการดำรงชีวิตกลับมา
ซึ่งถ้ามีแรงกดดันมาก การตัดสินใจของผู้บริหารก็อาจผิดพลาด และขาดความรอบด้านให้การคิดแก้ปัญหาด้วย เรื่องปิดแคมป์แรงงานก็เป็นอีกเรื่องที่สะท้อนได้ดี เพราะจะทำให้แรงงานส่วนใหญ่กลับสู่หมู่บ้าน และนั่นหมายถึงภาระทั้งหมดจะตกอยู่กับหมู่บ้านทันที ทั้งยังเสี่ยงแพร่โควิดชนิดชุมชนล่มสลายได้ง่ายด้วย
แต่ที่น่าเศร้าก็คือ สถานการณ์อย่างนี้ ยังมีคนเอามาเล่นเกมการเมือง มีคนฉวยโอกาสสร้างเงื่อนไขโจมตีเพื่อล้มรัฐบาล ยังมีคนก่อกวนปลุกปั่นให้สังคมแตกตื่น มีการผลิตเฟกนิวส์ ให้คนไทยสับสนต่างๆนานา สร้างความไม่สงบสุขไม่เว้นแต่ละวัน จากเรื่องหนึ่ง สู่เรื่องหนึ่ง เหมือนไม่ต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาได้ เหมือนกลัวว่า ถ้ารัฐบาลแก้ปัญหาสำเร็จ รัฐบาลจะอยู่ยาว เหมือนเอาชีวิตคนไทยมาเป็นตัวประกันการต่อสู้ทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง ที่อ้างทำเพื่อประชาชน นี่คือ ประเด็นทั้งหมดทั้งปวง ที่น่าคิดอย่างยิ่ง