เมืองไทย 360 องศา
นับว่าเป็นข่าวดีทั้งกับคนไทย และโดยเฉพาะกับ “ลุงตู่” ที่เข้ามาพร้อมๆ กัน อย่างน้อยสองเรื่องหลัก นั่นคือ เรื่องแรกกับข่าวที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รับรองวัคซีนยี่ห้อ “ซิโนแวค” ของจีนแล้ว เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ซึ่งอย่างที่รับรู้กัน ก็คือ วัคซีนยี่ห้อดังกล่าวเป็นหนึ่งในสองวัคซีนยี่ห้อหลักที่รัฐบาลไทยสั่งซื้อ และนำมาฉีดให้กับประชาชน เพื่อสร้างภูมิต้านทานหมู่โดยมีเป้าหมายต้องฉีดให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของจำนวนประชากร
อีกหนึ่งข่าวดี คือ มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ มีภาพและข่าวชัดเจนออกมาให้เห็น ก็คือ รายงานข่าวที่ว่า บริษัท “สยามไบโอไซเอนซ์” ของไทย ที่รับจ้างผลิตวัคซีนยี่ห้อ “แอสตร้าเซนเนก้า” ได้ส่งมอบวัคซีนที่ผลิตได้ล็อตแรกให้กับ บริษัท แอสตร้าฯ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นตัวแทนบริษัทแม่ เพื่อส่งมอบให้กับกระทรวงสาธารณสุข และรัฐบาลไทย เพื่อนำไปกระจายฉีดให้กับประชาชนได้ทันตามกำหนดตามสัญญา โดยล็อตแรกตามข่าวที่ระบุ บอกว่า มีจำนวน 1.8 ล้านโดส ทำให้กำหนดการที่เริ่ม “ปูพรม” ฉีดวัคซีนของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้อำนวยการ ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน เป็นต้นไป
อย่างไรก็ดี สำหรับ “ยี่ห้อ” วัคซีนที่ได้รับมาอาจ “ไม่ตรงกัน” บ้าง เนื่องจากเมื่อฟังจากปากของ “พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์” เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ในฐานะ ผอ.ศปก.ศบค. กล่าวถึงการจัดสรรวัคซีนไปพื้นที่ต่างจังหวัดใน 1-2 วันนี้ เขาไม่ทราบในรายละเอียด โดยทราบเพียงว่ากระทรวงสาธารณสุข กระจายวัคซีนล่วงหน้าเพื่อฉีดภายในวันที่ 7 มิถุนายนนี้
พล.อ.ณัฐพล ยังระบุอีกว่า มีแผนจะกระจายวัคซีนในเดือนมิถุนายน แต่ยังไม่ยืนยันว่าจะเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ ซึ่ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการชี้แจงก่อนหน้านี้ ว่า การจัดส่งวัคซีนจะเป็นการกระจายส่ง จึงจำเป็นต้องพิจารณาเป็นรายเดือน ซึ่งจะทยอยแจกจ่ายต่อไปตามจำนวนวัคซีนที่เข้ามา ซึ่งมีการรายงานมายัง ศบค. ว่า “วัคซีนจะเข้ามาจำนวน 6 ล้านโดส ในเดือนมิถุนายน โดยเป็นของ แอสตร้าเซนเนก้า และซิโนแวค ส่วนวัคซีนของซิโนฟาร์ม นั้น ตนยังไม่ทราบในรายละเอียด”
ส่วนวันที่ 7 มิ.ย.นี้ กลุ่มผู้สูงอายุ และ 7 กลุ่มโรคเสี่ยง มีโอกาสจะได้ฉีดแอสตร้าเซนเนก้า ในพื้นที่ต่างจังหวัดเลยหรือไม่นั้น พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า หากตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงาน น่าจะมีครบทุกจังหวัด แต่ตนยังไม่ทราบในรายละเอียด ตอนนี้กระทรวงสาธารณสุข ได้แต่ชี้แจงว่า ได้ทยอยแจกจ่ายไปแล้ว โดยวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ที่ผลิตในไทย จะแจกจ่ายไปในพื้นที่ต่างจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน และวันถัดไป
พล.อ.ณัฐพล ย้ำว่า การวางแผนแจกจ่ายวัคซีนเป็นการบริหารโดยคำนวณจากวัคซีนเต็มจำนวน แต่วัคซีนที่ได้มาเป็นการทยอยส่งเป็นระลอก จึงไม่อยากรับปาก เนื่องจากประสบการณ์ที่ผ่านมา อาจมีเหตุการณ์ที่ขัดข้องเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งอาจจะเกิดความล่าช้าไปบ้าง แต่หากยึดตามสัญญาก็เป็นไปตามนั้น
ขณะที่เมื่อฟังจากปากของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็ยังย้ำว่า วัคซีนที่ได้รับจาก แอสตร้าเซนเนก้า ในเดือนมิถุนายน มีจำนวน 6 ล้านโดส
ดังนั้น หากพิจารณาจากคำพูดของนายอนุทิน ก็ทำให้พอรวบรวมตัวเลขได้ดังนี้ วัคซีนจากแอสตร้าฯ 6 ล้านโดส จากซิโนแวค อีกจำนวนหนึ่ง (ยังไม่ทราบตัวเลขแน่ชัด) และจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่แถลงก่อนหน้านี้ ที่ระบุว่า จะมีเข้ามาราว 1 ล้านโดส รวมๆ แล้ว ก็น่าจะราวๆ เกือบ 8 ล้านโดส สำหรับฉีดในเดือนนี้ ก็ถือว่าโอเค “เป็นเนื้อเป็นหนังเป็นกอบเป็นกำ”
ขณะที่เดือนถัดไป คือ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ถึงเดือนสิงหาคม ที่ตามไทม์ไลน์ก่อนหน้านี้ระบุเอาไว้ว่า จะเข้ามาเดือนละ 10 ล้านโดส รวม 20 ล้านโดส ซึ่งอย่างหลังนี่ พอมีเวลาให้ลุ้นกันอีกว่าจะมาตามนัดอีกหรือไม่
อย่างไรก็ดี การที่มีการส่งและรับมอบวัคซีนแอสตร้าฯ ได้ทันตามกำหนดเวลาดังกล่าวในครั้งนี้ สำหรับในทางการเมือง ถือว่างานนี้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี “รอด” อย่างหวุดหวิดทีเดียว เพราะหากไม่มาตามสัญญาหรือมีการ “เบี้ยว” ส่งออกไปให้ประเทศในยุโรปก่อน รับรองว่า “ยุ่งแน่” จะต้องเจอฝ่ายตรงข้ามถล่มจมดินแน่ แต่เมื่อมาล็อตแรกเป็นกอบเป็นกำ มันก็ทำให้ “แรงกดดัน” ลดลงไปได้มากทีเดียว
ขณะเดียวกัน ยังมีข่าวดีเรื่องที่องค์การอนามัยโลกรับรองวัคซีน “ซิโนแวค” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่รัฐบาลสั่งซื้อเข้ามาฉีด มันก็ยิ่งทำให้หายใจได้ทั่วท้อง เพราะหากพิจารณายี่ห้อวัคซีนที่ไทย “แทงม้า” ได้ถูกทั้งหมด และยังมีวัคซีนของ “ซิโนฟาร์ม” ที่เป็นวัคซีนที่เรียกว่า “ตัวเลือก” มาเสริมอีกล็อตใหญ่ มันก็ยิ่งผ่อนคลาย เมื่อเป็นแบบนี้ถือว่า “ลุงตู่ รอด” แล้ว !!