“ประยุทธ์” ยืนยันแอสตร้าฯถึงไทยแล้ว พร้อมฉีดให้ ปชช.เดือน มิ.ย. เผยจะทยอยเข้าอีกหลายยี่ห้อ ระบุไม่ขัดข้อง อปท.จัดซื้อวัคซีนเอง โดยไม่ต้องแก้ระเบียบ มท. ชี้ต้องซื้อบริษัทขึ้นทะเบียนในไทย แต่ต้องไม่ตัดยอด รบ.
วันนี้ (2 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.15 น. ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกำหนดการที่วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจะมาถึงไทยวันที่ 3 มิ.ย.ว่า วันนี้วัคซีนได้เข้ามาและมีการรับมอบแล้วจากนี้จะเป็นการจัดสรรฉีดให้กับประชาชนในเดือน มิ.ย. คาดว่า วัคซีนจะมีเพียงพอที่จะฉีดให้กับประชาชนได้มากขึ้นตามสัดส่วนที่ได้เพิ่มให้อยู่แล้วในปัจจุบันโดยเฉพาะในพื้นที่เสียงแต่ทุกจังหวัดจะได้รับวัคซีนหมด ทั้งแอสตร้าเซนเนก้า ซิโนแวค และซิโนฟาร์ม ก็จะส่งมาอีก ยืนยันในเดือน มิ.ย.ไม่มีปัญหา และในเดือนต่อๆ ไปก็มีการหารือกันอยู่แล้ว มีอีกหลายบริษัทที่เสนอจะมาขึ้นทะเบียนกับเรา คิดว่าจะต้องติดตามและพิจารณาหากมีอุปสรรคใดๆ จะต้องแก้ปัญหาให้ได้ เรื่องวัคซีนตนได้พูดไปหลายครั้งแล้ว และอยากให้คนไทยได้รับวัคซีนทุกคนอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าจากเดิมที่มีการตั้งเป้าไว้ว่าจะได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เดือนละ 10 ล้านโดส ยังเป็นไปตามเดิมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นการตั้งเกณฑ์ไว้และหารือร่วมกับเขาถึงขีดความสามารถฉีดวัคซีนของเรา จะได้ประมาณเดือนละ 5 แสนโดสเขาก็ตัดให้เราหมดในยอดนี้ และปกติเขาก็ต้องส่งไปที่อื่นด้วย อันนี้คือส่วนแรกจากนั้นเขาก็จะตัดเสริมเติมให้ตามสัญญา เมื่อถามว่าเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้ประชาชน 50 ล้านคนในเดือนธ.ค. ยังเป็นตามเดิมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นตามนั้นก็จะได้ 60 กว่าล้านคนระหว่างนี้ก็เตรียมวัคซีนอื่นเข้ามาเพิ่ม ท้งซิโนแวค และซิโนฟาร์ม ไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4 ก็กำลังทำสัญญากันอยู่ ยังเชื่อมั่นว่าจะจัดหาวัคซีนได้ ส่วนกรณีที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ให้การรับรองวัคซีนซิโนแวคนั้น เราได้ติดตามอยู่แล้วจึงได้ให้เขามาขึ้นทะเบียน อันดับแรกคือได้รับการรับรองจาก who จากนั้นเป็นการติดตามผลที่หลายประเทศได้ทดลองฉีด ซึ่งได้รับผลใกล้กันหมดนี้คือมาตรฐานที่ได้กำหนดไว้ บางประเทศได้ผลถึง 80-90% อย่างอินโดนิเซีย ขณะที่ who ตั้งไว้เพียง 70%
เมื่อถามว่าวันนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังสูงอยู่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่าแน่นอนที่สูงขึ้นเพราะเรามีการคัดกรองเชิงรุกแต่ก็ยังสามารถควบคุมในแต่ละพื้นที่จำกัดไว้ได้ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง 39 คลัสเตอร์ เวลานี้มี 5-6 คลัสเตอร์ที่ตัวเลขไม่ขึ้นเลย ในช่วง1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อมันเกิดขึ้นก็ต้องควบคุมให้ได้โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชุนแออัด แคมป์คนงานตลาดสด ซึ่งได้ทำงานเป็นขั้นตอนตามแผนงานที่วางไว้ และวันนี้เตียงว่างมีเพียงพอ
เมื่อถามถึงการจัดซื้อวัคซีนในส่วนขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ต้องการจัดซื้อเอง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หารือกับฝ่ายกฎหมายแล้วหากซื้อได้ก็ให้ซื้อแต่การซื้อจะผ่านช่องทางไหนเพราะต้องผ่านบริษัทที่มาขึ้นทะเบียนในไทยแล้วและเขาจะจัดให้ได้เท่าไหร่ก็ต้องดูประสิทธิภาพของเขาในการบริหารจัดการเพราะบริษัทที่มาขึ้นทะเบียนเป็นการประสานระหว่างรัฐต่อรัฐ เมื่อถามว่ากระทรวงมาดไตยต้องไปปลดล็อกระเบียบอะไรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าไม่ต้องแก้อะไรเพราะมีอำนาจหน้าที่ของเขาอยู่แล้วไม่ต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สามารถให้กฎหมายปกติได้เพียงแต่ความแตกต่างงบประมาณรายได้ของแต่ละจังหวัดไม่เท่ากันขีดความสามารถของจังหวัดไม่เท่ากัน สถาท้องถิ่นจะว่าอย่างไรและขึ้นอยู่กับว่า อปท.ติดต่อกับใครบริษัทไหน ซึ่งวันนี้มีอยู่ 3 บริษัทที่มาขึ้นทะเบียนเป็นการติดต่อรับรองโดยรัฐบาลกับรัฐบาล บริษัทเหล่านี้คือตัวแทนที่อยู่ในประเทศไทย หากจะซื้อกับบริษัทเหล่านี้ก็ไม่ขัดข้อง แต่วัคซีนที่เขานำเข้าอยู่ในยอดของรัฐบาลถ้าเขาเพิ่มยอดมาให้ก็ซื้อได้โอเค แต่ถ้าเขาซื้อในยอดที่เขาจัดให้เรา สมมติว่า 5 ล้านโดส เขาขอซื้อ 10 ล้านโดส บริษัทจะมาตัดของรัฐบาลออกหรือไม่ เพราะเป็นจำนวนที่บริษัทส่งให้ตามภูมิภาคประเทศต่างๆ
“ยืนยันว่า ผมไม่ขัดข้องเพราะยังไงก็ต้องฉีดให้กับประชาชนตนไม่ได้ไปหวงอะไรไว้เลย ถ้าทำได้ทำเถอะครับ ถ้าเพิ่มปริมาณได้ก็ยิ่งดี เพราะของรัฐบาลฉีดฟรีตลอดดูแลทุกขั้นตอน การที่จะซื้อไปฉีดก็ต้องมีค่าบริการซึ่งต้องไม่เกินตามข้อกำหนดและขายต่อไม่ได้กติกากฎหมายเป็นอย่างนี้ ยืนยันไม่มีปัญหาถ้าอยากซื้อแต่ปัญหาคือซื้อจากที่ไหนอย่างไรจำนวนเท่าไหร่เป็นเรื่องของ อปท.กับบริษัทผู้แทนต้องไปเจรจากันเองโดยไม่เกี่ยวกับ ศบค.เป็นเรื่องของสภาท้องถิ่น งบประมาณใช้ตรงไหนเป็นเรื่องของจังหวัดที่มีอยู่แล้ว หรือจะเป็นงบสะสมของ อปท.ถ้าอยู่ตรงนี้ก็เป็นเรื่องของสภาท้องถิ่นที่จะพิจารณา ซึ่งกระทรวงมหาดไทยทราบแล้วและตนได้คุยกับรมว.มหาดไทยแล้ว เพราะนั้นคือความเป็นธรรม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว