xs
xsm
sm
md
lg

เห็นหน้าคนไล่-แบ็กกราวนด์ “ลุงตู่” คงอยู่ยาว !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา

แม้ว่ายังรู้สึกงงๆ ไม่หายกับการที่ได้เห็นหน้าตาแต่ละคนที่มา “รวมหมู่” กันในเวลานี้ โดยเฉพาะในสารพัดชื่อ แต่เป้าหมายเดียวกัน คือ ขมีขมันต้องการขับไล่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้พ้นไปจากอำนาจ หรือพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปให้ได้โดยพลัน ทำกันทุกวิถีทาง

ก่อนหน้านี้ ก็ใช้วิธีการชุมนุมขับไล่ ตั้งเวทีด่าทางอากาศ หรือทางออนไลน์ มาจนกระทั่งล่าสุดยกขบวนกันไปเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาล อย่างเช่น พรรคประชาธิปัตย์ ถอนตัวออกมา เพื่อให้รัฐบาลล่ม และ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องพ้นจากเก้าอี้เสียที

และเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พวกเขาได้ก็ยกขบวนไปถึงทำเนียบรัฐบาล ไปยื่นหนังสือเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เสียสละลาออกจากตำแหน่ง เรียกร้อง “เดินไปไล่กันดื้อๆ” อะไรแบบนี้

ที่น่าจับตาก็คือ การเคลื่อนไหวของกลุ่ม “ไทยไม่ทน” ที่มี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.เป็นหัวเรือใหญ่ มี นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานญาติวีรชนเดือนพฤษภาฯ ร่วมขบวน เป็นต้น กลุ่มดังกล่าวมีการเคลื่อนไหวอย่างเอาจริงเอาจังต่อเนื่องมานานนับเดือนแล้ว

นี่ยังไม่นับกลุ่มอื่นที่เคลื่อนไหวแบบมีเป้าหมายเดียวกัน คือ ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านี้ ก็มีกลุ่มที่เรียกว่า “กลุ่มประชาชนคนไทย” ก็ได้ยื่นหนังสือเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ เสียสละด้วยการลาออกเช่นเดียวกัน โดยกลุ่มนี้ยังเสนอให้ นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ “อังค์ถัด” รวมถึงอดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน

ยังมีพวก ฝ่ายค้านและกลุ่ม “สามนิ้ว” ที่เคลื่อนไหวประสานงานกันทั้งในและนอกสภา โดยเฉพาะการชุมนุมของพวกม็อบสามนิ้ว ที่เคลื่อนไหวรุนแรงมาก่อนหน้านี้ แต่ล่าสุดทุกอย่างก็เริ่ม “ฝ่อลง” ทุกวัน บรรดาแกนนำเด็กๆ ทั้งหลายที่ถูก “เชิด” มานำหน้าก็ถูกดำเนินคดีกันทั้งหมด ขณะเดียวกัน บรรดามวลชนที่เคยสนับสนุนก็ลดลงมาเรื่อยๆ หลังจากมีเจตนาที่ถูกมองว่าต้องการล้มล้างสถาบันกษัตริย์

อย่างไรก็ดี นาทีนี้อยากจะโฟกัสไปที่กลุ่ม “ไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย” ที่มี นายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นหัวเรือหลัก และลักษณะการเคลื่อนไหวก็เหมือนกับว่า “รับช่วงต่อจากกลุ่มสามนิ้ว” ที่ “แผ่ว” ไปแล้ว หลังจากมีมวลชนสนับสนุนบางตาลงไปเรื่อยๆ ประกอบกับบรรดาแกนนำทุกคนถูกดำเนินคดีในข้อหาร้ายแรง สะสมคดียาวเป็นหางว่าว โอกาสติดคุกยาวนั้นมีสูงยิ่ง

สิ่งที่ต้องพิจารณากันก็คือ กลุ่ม “ไทยไม่ทน” มันจะไปได้สักกี่น้ำ รวมไปถึงต้องพิจารณาว่า “มีใครอยู่เบื้องหลัง” หรือ “ใครที่ได้ประโยชน์” หากกระทำการสำเร็จ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลาออกจริงๆ ซึ่งแน่นอนว่าในทางตรงสำหรับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ คงไม่มีแน่ เพราะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี นี่ก็เพิ่งผ่านมาแค่ไม่กี่เดือน หรืออย่างมากก็ราวปีเศษเท่านั้น ดังนั้น ผลประโยชน์ทางตรงในเรื่องตำแหน่งทางการเมืองคงไม่มี แต่ในทางอ้อมหรือในเรื่องอื่นๆ ก็ต้องมาวิเคราะห์กันว่ามันคุ้มค่าหรือไม่

และแม้ว่าในความเป็นไปได้มากที่สุดในทางการเมือง ที่จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องพ้นไป หากพิจารณาเหตุการณ์ในอดีต ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นจากการถอนตัวของพรรคร่วมรัฐบาล และนายกฯ ประกาศยุบสภา ซึ่งเป็นไปได้หรือไม่ที่การเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้ มีเจตนาที่แท้จริงในเบื้องลึกเพื่อกดดันให้ “ยุบสภา” เลือกตั้งใหม่ ที่ “กลุ่มการเมือง” อีกกลุ่ม ที่มีทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคฝ่ายค้าน รวมไปถึงกลุ่มการเมือง และพรรคการเมืองตั้งใหม่ หรือแม้แต่พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลในปัจจุบัน ก็มีโอกาสลุ้นได้กลับมาจับมือ “จับขั้วใหม่” ตั้งรัฐบาล คิดฝันกันแบบนั้นหรือเปล่า

แน่นอนว่า ความคิด ความฝันนั้นทุกคนสามารถนั่งฝันกลางวันกันได้ แต่ในความเป็นจริง สถานการณ์จริงนั้นมันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และต้องไม่ลืมว่า “เครดิต” และความเชื่อมั่นทั้ง “ฝ่ายไล่” และ “ฝ่ายถูกไล่” นั้นเป็นอย่างไร

พิจารณากันแบบไม่เกรงใจก็ต้องบอกตรงๆ ว่า “ฝ่ายไล่” นั้น ไม่ว่ากลุ่มไหนก็ตาม รวมไปถึงพรรคการเมือง ผู้นำพรรคในเวลานี้ ทอดตากันไปทั่ว ยังมองไม่เห็น “ยังเทียบไม่ได้” กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้ว่าในความหมายที่ว่า “ลุงตู่” ดีหรือไม่ หรือมีความสมบูรณ์หรือไม่ก็ตาม แต่ในบรรดาพรรคการเมืองเท่าที่เห็นในเวลานี้ มันยังมองไม่ออกจริงๆ คำถามก็คือ เราเชื่อมั่น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายชัยเกษม นิติสิริ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่มีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ รวมไปถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อีกหนึ่งแคนดิเดต หากพลิกขั้วไปจริงๆ

ทีนี้มาถึงพวกกลุ่มการเมืองที่ออกมาไล่ หากโฟกัสมาที่ กลุ่มของนายจตุพร พรหมพันธุ์ คำถามก็คือ พวกเขามีเครดิตทางสังคมแค่ไหน มีมวลชนสนับสนุนแค่ไหน หรือแต่ละคนมีแค่ชื่อ แต่ในกลุ่มกลับไม่มีตัวตน เช่น กลุ่มของนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ที่ใช่ชื่อ ประธานญาติวีรชนฯ ในความเป็นจริงแล้วเขามีมวลชนจริงกี่คนกันแน่ ไม่เว้นแม้แต่นายจตุพร ที่หากบอกว่าเป็นประธานนปช. แล้วความจริง คนเสื้อแดงที่แตกกันไปคนละทิศละทางยังเหลือที่เดินตามหลังกี่คน

แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับ “เครดิต” และความเชื่อมั่น ที่คนพวกนี้มีมากน้อยแค่ไหน สิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดก็คือ “ปฏิกิริยาสังคม” นั้นเวลานี้ตอบรับหรือไม่ ทุกอย่างก็มองเห็นชัดว่าไม่อาจสร้างแรงกดดันได้เลย

ขณะเดียวกัน ในสถานการณ์โรคระบาด มันก็อาจมีคนอ้างได้ว่า “ไม่อยากเปลี่ยนม้ากลางศึก” ซึ่งหากบางสถานการณ์ หากจำเป็นยิ่งยวดมันก็ต้องเปลี่ยน แต่สำหรับในเวลานี้เมื่อเหลียวมองรอบตัวแล้ว มันยังมองไม่เห็น ประกอบกับ “ลุงตู่” ยังแน่นอนกว่า

ถึงได้บอกว่า เมื่อดูเครดิตและแบ็กกราวนด์แต่ละคนของคนไล่แล้ว รวมไปถึงยังไม่รู้ว่าหากไล่สำเร็จแล้วจะเอาใครมาแทน มันก็ยิ่งทำให้ “ลุงตู่” อยู่ได้ยาว !!


กำลังโหลดความคิดเห็น