“ไทยไม่ทน” บุก ปชป. ยื่นหนังสือถึง “จุรินทร์” จี้ ถอนตัวร่วมรัฐบาล ชี้ ระบอบประยุทธ์ เป็นภัยคุมคาม ปชต.-สถาบัน
วันนี้ (24 พ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ คณะไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย นำโดย นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายวีระ สมความคิด พร้อมคณะ ยื่นหนังสือถึง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผ่านนายแทนคุณ จิตต์อิสระ คณะทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ขอให้พรรคประชาธิปัตย์ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อเห็นแก่ชาติและประชาชน
ในหนังสือดังกล่าว มีสาระสำคัญระบุว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์บ้านเมือง ภายใต้การบริหารประเทศของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สืบทอดอำนาจมาถึง 7 ปี แม้จะอ้างว่า ในช่วง 2 ปีหลังเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่วิญญูชนย่อมรู้ดีว่า นับแต่รัฐประหารเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 พล.อ.ประยุทธ์ และเครือข่ายก็วางโรดแมปเพื่อสืบทอดอำนาจนับแต่นั้นเป็นต้นมา จนสามารถสถาปนา “ระบอบประยุทธ์” ที่สร้างความทุกข์ยากแสนสาหัสให้กับผู้คนในประเทศ ความเลวร้ายของระบอบประยุทธ์ไม่สามารถสาธยายได้หมด แต่ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ที่ประชาชนกำลังเผชิญไม่ว่าจะเป็นวิกฤติโควิด-19 ที่ประชาชนเสียชีวิตเป็นใบไม้ร่วงทุกวันๆ ปัญหาเศรษฐกิจทั้งในระดับครัวเรือนและมหภาค การทุจริตคอร์รัปชันที่นำอำนาจผลประโยชน์ไปหล่อเลี้ยงความสามานย์ของระบอบประยุทธ์ การเติบโตขยายอำนาจของรัฐระบบราชการ ที่ไม่เห็นหัวประชาชน ด้อยค่า ลดทอนอำนาจฝ่ายการเมืองที่เป็นตัวแทนประชาชนลงทุกขณะ ที่สำคัญคือ การแอบอ้างสถาบันแสวงหาประโยชน์ แบ่งแยกประชาชน จนสถาบันเกิดความมัวหมอง
เวลานี้ประชาชนที่ไม่ยอมจำนนและไม่ทนกับความชั่วร้ายของระบอบประยุทธ์ กำลังเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อเปิดทางให้ประเทศได้มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เป็นคนดีมีความรู้ความสามารถนำพาประเทศให้หลุดพ้นปากเหวแห่งหายนะ เสียงเรียกร้องและความเคลื่อนไหวนี้ค่อยๆ พัฒนา ยกระดับขึ้นต่อเนื่อง เช่นเดียวกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ และคนในเครือข่ายระบอบประยุทธ์ก็พยายามโต้กลับ กำราบปราบปรามทุกวิถีทางและมีแนวโน้มว่าถึงที่สุดก็จะใช้ความรุนแรงปราบปราม เข่นฆ่าประชาชน ซึ่งนั่นหมายความว่า ประเทศก็จะยิ่งวิกฤติและเป็นบาดแผลครั้งใหญ่มากกว่าเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ชาติไทย
ด้วยความเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดอยู่คู่กับประเทศมาถึง 75 ปี ย่อมมองเห็นแนวโน้มของวิกฤตภายใต้ระบอบประยุทธ์ ไม่ต่างไปจากความเคลื่อนไหวเรียกร้องของภาคประชาชน สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ดำรงอยู่ได้ต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า เพราะมีประชาชนให้การสนับสนุน วาทะที่นายชวน หลีกภัย แกนนำคนสำคัญของพรรค กล่าวอยู่เสมอว่า “เชื่อมั่นในระบบรัฐสภา” หรือ “ถึงที่สุดแล้วประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน” นั้น สะท้อนให้เห็นถึงจิตสำนึกประชาธิปไตยที่มองประชาชนเป็นใหญ่ ซึ่งเหล่านี้คือบทบาทของพรรคที่นับได้ว่ามีส่วนและคุณูปการช่วยธำรงรักษาระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภามาไม่น้อย
ดังนั้น เมื่อระบอบประยุทธ์ คือ ภัยคุกคามของระบอบประชาธิปไตย ภัยคุกคามต่อสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของประชาชน ภัยคุกคามความเจริญก้าวหน้าในทุกมิติของประเทศที่จะต้องส่งมอบต่ออนาคตให้คนรุ่นลูกหลานได้ดำรงอยู่ จึงขอให้พรรคประชาธิปัตย์ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อเปิดทางเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้ร่วมกันหาผู้นำประเทศคนใหม่ตามวิถีทางประชาธิปไตยต่อไป ขอพรรคประชาธิปัตย์ก้าวมาอยู่เคียงข้างประชาชน หยุดความชั่วร้ายสามานย์ของระบอบประยุทธ์