"จตุพร" ประกาศยกระดับ เดินสายไล่ "บิ๊กตู่" เริ่มจากเรียกร้อง ปชป.-ภท. ถอนตัว ผบ.เหล่าทัพเลิกเป็นส.ว. โวเมื่อไรได้ฤกษ์ลงถนนคนจะทะลักล้นเหมือนเขื่อนแตก
วานนี้ (23พ.ค.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. กล่าวที่เวทีคณะไทยไม่ทนออนไลน์ ว่า นับจากวันนี้ (24 พ.ค.) คณะไทยไม่ทนฯ จะยกระดับการต่อสู้ขึ้น โดยวันนี้ จะไปยื่นหนังสือถึง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่กระทรวงพาณิชย์ เรียกร้องให้ถอนตัวจากรัฐบาล เนื่องจากพรรคนี้ เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี สืบทอดอำนาจคสช.
หาก ปชป.ไม่ตระบัดสัตย์ต่อสัญญาที่ให้กับประชาชนแล้ว แม้พล.อ.ประยุทธ์ มีเสียง ส.ว.250 คน โหวตหนุนให้เป็นนายกฯ แต่ไม่สามารถบริหารประเทศได้ เพราะมีเสียงส.ส.ไม่ถึงครึ่งในสภาผู้แทนราษฎร
"ปชป.หาเสียงชูแก้รธน.และไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ แต่เมื่อเลือกตั้งปี 62 เสร็จ กลับทรยศประชาชน ไปลงมติเลือกพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ แล้วเข้าร่วมรัฐบาล พร้อมต่อรองให้มีแก้รธน. และพรรคได้ตำแหน่งประธานสภาส.ส. ถือเป็นการตระบัดสัตย์ และเป็นจุดเปลี่ยนอำนาจอย่างสำคัญ"
นายจตุพร กล่าวว่า ถึงที่สุดการแก้รธน.ถูกคว่ำในสภา ส่วนปชป.ไม่รับผิดชอบสัญญาการเมืองต่อประชาชนอีกตามเคย จนทำให้ประเทศอยู่ในสถานการณ์แสนสาหัส อีกทั้งถูกพล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจจากรมต.ของพรรค และพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ไปอยู่ในมือคนเดียว ปชป.ยังดื้อด้าน ทนเป็นรัฐบาลอีก
จากนั้น วันอังคาร เวลา 10.00 น. จะไปทำเนียบรัฐบาล ยื่นหนังสือให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก และวันพุธ ไปพรรคภูมิใจไทย ที่ประกาศไม่เอาส.ว. และการสืบทอดอำนาจ เมื่อกลับหลังหัน ก็ต้องรับผิดชอบเช่นเดียวกัน จึงเรียกร้องให้ถอนตัวร่วมรัฐบาล จากนั้น วันพฤหัสที่ 27 พ.ค. จะไปที่กองบัญชาการกองทัพบก เพราะการตั้ง ผบ.เหล่าทัพมาเป็น ส.ว.นั้น ผิดครรลองประชาธิปไตย พร้อมทั้งไม่มีเวลาไปทำหน้าที่ทหาร อีกอย่างหลักคิดให้ ผบ.เหล่าทัพมาเป็น ส.ว.นั้น เพื่อให้เป็นแบบประธาน วิป ส.ว. เพื่อปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นเมื่อ ผบ.เหล่าทัพประกาศไม่รับเงินเดือนส.ว.แล้ว ก็ไม่จำเป็นนั่งเป็นส.ว.อีก ควรออกไปทำหน้าที่ทหาร จึงจะไปเรียกร้องให้ลาออกส.ว. และทยอยไปยื่นให้ครบทั้ง 6 คน ที่เป็น ส.ว.โดยตำแหน่งทหาร และตำรวจ
"ผบ.เหล่าทัพ ยังจำเป็นต้องค้ำบัลลังก์นายกฯ อีกหรือ ผมไม่เรียกร้องให้ออกมายึดอำนาจอีก แต่ต้องการให้ออกจากการให้ความคุ้มครอง พล.อ.ประยุทธ์ โดยพล.อ.ประยุทธ์ ไม่จำเป็นต้องเป็นนายกฯ อีกต่อไปแล้ว และการอยู่มาถึงวันนี้ได้ แม้จะฉลาดในการรักษาอำนาจ แต่โง่ในการแก้ไขปัญหาของชาติ จึงเป็นนายกฯ ต่อไปอีกไม่ได้ รวมทั้งเป็นนายกฯ ที่ใช้งบประมาณบริหารประเทศมากที่สุด กู้มากที่สุด แต่แก้ปัญหาชาติไม่ได้มากที่สุด เราต้องลุกขึ้นมาจัดการด้วยสันติวิธี และเชื่อมั่นแนวทางประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ "
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์เอาเปรียบคนไทยทุกมิติ เพราะได้รับผลประโยชน์คนเดียว ดังนั้น เราจึงไม่ยินยอมให้บริหารประเทศอีกต่อไป และเชื่อว่าเงินเยียวยา 2,000 บาท ไม่อาจรักษาอำนาจไว้ได้ ตนมั่นใจว่า ถ้ามีการชุมนุม คนจะออกมาแบบเขื่อนแตก คือทะลักล้นหลามถนนอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ขอย้ำว่านี่ไม่ใช่การเปลี่ยนม้ากลางศึก เมื่อม้าใช้ไม่ได้ ต้องเอาไปรักษา เอาไปรบไม่ได้ มิฉะนั้นประเทศจะเสียดินแดน
"ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ เป็นม้าสมบูรณ์ มีความคล่องแคล่ว แล้วถูกเปลี่ยนตัว อย่างนั้นจึงเรียกว่าเปลี่ยนม้ากลางศึก แต่ในวันนี้ม้าขาขาด จึงต้องเปลี่ยน ที่ถามไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ แล้วเอาใคร ก็ต้องบอกว่า ใครก็ได้ ที่ไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์ ผมเชื่อว่าหากวันหนึ่ง พอจะออกไปชุมนุมกันได้ เชื่อว่าจะยิ่งกว่าเขื่อนแตก สิ่งที่พวกเราเริ่มต้นมานั้นได้รับการขานรับเป็นอย่างดี นับจากวันจันทร์เป็นต้นไป เราจะเริ่มยกระดับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะออกไป" นายจตุพร กล่าว
วานนี้ (23พ.ค.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. กล่าวที่เวทีคณะไทยไม่ทนออนไลน์ ว่า นับจากวันนี้ (24 พ.ค.) คณะไทยไม่ทนฯ จะยกระดับการต่อสู้ขึ้น โดยวันนี้ จะไปยื่นหนังสือถึง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่กระทรวงพาณิชย์ เรียกร้องให้ถอนตัวจากรัฐบาล เนื่องจากพรรคนี้ เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี สืบทอดอำนาจคสช.
หาก ปชป.ไม่ตระบัดสัตย์ต่อสัญญาที่ให้กับประชาชนแล้ว แม้พล.อ.ประยุทธ์ มีเสียง ส.ว.250 คน โหวตหนุนให้เป็นนายกฯ แต่ไม่สามารถบริหารประเทศได้ เพราะมีเสียงส.ส.ไม่ถึงครึ่งในสภาผู้แทนราษฎร
"ปชป.หาเสียงชูแก้รธน.และไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ แต่เมื่อเลือกตั้งปี 62 เสร็จ กลับทรยศประชาชน ไปลงมติเลือกพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ แล้วเข้าร่วมรัฐบาล พร้อมต่อรองให้มีแก้รธน. และพรรคได้ตำแหน่งประธานสภาส.ส. ถือเป็นการตระบัดสัตย์ และเป็นจุดเปลี่ยนอำนาจอย่างสำคัญ"
นายจตุพร กล่าวว่า ถึงที่สุดการแก้รธน.ถูกคว่ำในสภา ส่วนปชป.ไม่รับผิดชอบสัญญาการเมืองต่อประชาชนอีกตามเคย จนทำให้ประเทศอยู่ในสถานการณ์แสนสาหัส อีกทั้งถูกพล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจจากรมต.ของพรรค และพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ไปอยู่ในมือคนเดียว ปชป.ยังดื้อด้าน ทนเป็นรัฐบาลอีก
จากนั้น วันอังคาร เวลา 10.00 น. จะไปทำเนียบรัฐบาล ยื่นหนังสือให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก และวันพุธ ไปพรรคภูมิใจไทย ที่ประกาศไม่เอาส.ว. และการสืบทอดอำนาจ เมื่อกลับหลังหัน ก็ต้องรับผิดชอบเช่นเดียวกัน จึงเรียกร้องให้ถอนตัวร่วมรัฐบาล จากนั้น วันพฤหัสที่ 27 พ.ค. จะไปที่กองบัญชาการกองทัพบก เพราะการตั้ง ผบ.เหล่าทัพมาเป็น ส.ว.นั้น ผิดครรลองประชาธิปไตย พร้อมทั้งไม่มีเวลาไปทำหน้าที่ทหาร อีกอย่างหลักคิดให้ ผบ.เหล่าทัพมาเป็น ส.ว.นั้น เพื่อให้เป็นแบบประธาน วิป ส.ว. เพื่อปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นเมื่อ ผบ.เหล่าทัพประกาศไม่รับเงินเดือนส.ว.แล้ว ก็ไม่จำเป็นนั่งเป็นส.ว.อีก ควรออกไปทำหน้าที่ทหาร จึงจะไปเรียกร้องให้ลาออกส.ว. และทยอยไปยื่นให้ครบทั้ง 6 คน ที่เป็น ส.ว.โดยตำแหน่งทหาร และตำรวจ
"ผบ.เหล่าทัพ ยังจำเป็นต้องค้ำบัลลังก์นายกฯ อีกหรือ ผมไม่เรียกร้องให้ออกมายึดอำนาจอีก แต่ต้องการให้ออกจากการให้ความคุ้มครอง พล.อ.ประยุทธ์ โดยพล.อ.ประยุทธ์ ไม่จำเป็นต้องเป็นนายกฯ อีกต่อไปแล้ว และการอยู่มาถึงวันนี้ได้ แม้จะฉลาดในการรักษาอำนาจ แต่โง่ในการแก้ไขปัญหาของชาติ จึงเป็นนายกฯ ต่อไปอีกไม่ได้ รวมทั้งเป็นนายกฯ ที่ใช้งบประมาณบริหารประเทศมากที่สุด กู้มากที่สุด แต่แก้ปัญหาชาติไม่ได้มากที่สุด เราต้องลุกขึ้นมาจัดการด้วยสันติวิธี และเชื่อมั่นแนวทางประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ "
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์เอาเปรียบคนไทยทุกมิติ เพราะได้รับผลประโยชน์คนเดียว ดังนั้น เราจึงไม่ยินยอมให้บริหารประเทศอีกต่อไป และเชื่อว่าเงินเยียวยา 2,000 บาท ไม่อาจรักษาอำนาจไว้ได้ ตนมั่นใจว่า ถ้ามีการชุมนุม คนจะออกมาแบบเขื่อนแตก คือทะลักล้นหลามถนนอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ขอย้ำว่านี่ไม่ใช่การเปลี่ยนม้ากลางศึก เมื่อม้าใช้ไม่ได้ ต้องเอาไปรักษา เอาไปรบไม่ได้ มิฉะนั้นประเทศจะเสียดินแดน
"ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ เป็นม้าสมบูรณ์ มีความคล่องแคล่ว แล้วถูกเปลี่ยนตัว อย่างนั้นจึงเรียกว่าเปลี่ยนม้ากลางศึก แต่ในวันนี้ม้าขาขาด จึงต้องเปลี่ยน ที่ถามไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ แล้วเอาใคร ก็ต้องบอกว่า ใครก็ได้ ที่ไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์ ผมเชื่อว่าหากวันหนึ่ง พอจะออกไปชุมนุมกันได้ เชื่อว่าจะยิ่งกว่าเขื่อนแตก สิ่งที่พวกเราเริ่มต้นมานั้นได้รับการขานรับเป็นอย่างดี นับจากวันจันทร์เป็นต้นไป เราจะเริ่มยกระดับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะออกไป" นายจตุพร กล่าว
