“แรมโบ้” ซัด “รังสิมันต์ โรม” จี้นายกฯ ลาออก เพื่อประโยชน์ทางการเมืองตนเอง ไม่นำมาเป็นสาระ มั่นใจประชาชนส่วนใหญ่ยังอยากให้นายกฯ แก้ไขปัญหา พร้อมเตือน “จตุพร” เปิดอภิปรายนายกฯ คงเป็นได้แค่สะพานให้ฝ่ายค้านเหยียบย่ำ
วันนี้ (1 พ.ค.) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กข้อความตอนหนึ่งของข้อกำหนดที่ประกาศราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 29 เมษายน ในเชิงการระบาดในระลอกเดือนเมษายน เกิดจากประชาชนส่วนใหญ่ไม่ค่อยระมัดระวังป้องกัน เป็นการโทษประชาชน พร้อมอยากให้นายกฯ ลาออก โดยนายเสกสกล ยืนยันว่า นายกฯ ไม่เคยกล่าวโทษประชาชน แต่เป็นการชี้แจงและบอกกล่าวเพื่อให้ประชาชนมีความระมัดระวังตัวให้มากขึ้น พร้อมกันนี้ ยังยืนยันว่า ที่ผ่านมา นายกฯ รัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ทำงานแก้ไขปัญหา รักษาประชาชนอย่างหนัก ไม่เคยเลือกปฏิบัติ ซึ่งนายรังสิมันต์ไม่ได้เข้ามาดำเนินการตรงนี้ ก็คงไม่ทราบถึงการทำงานอย่างแน่นอน
นายเสกสกล ยังระบุว่า นายรังสิมันต์ ยังไม่ควรออกมากล่าวโทษ ใส่ร้ายนายกฯ รัฐบาล แม้แต่บุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังทำงานในขณะนี้ ซึ่งการผ่อนคลายต่างๆ ที่ผ่านมา หลังสถานการณ์คลี่คลาย ก็เพราะนายกฯ ต้องการให้ประชาชนได้กลับไปใช้ชีวิต และทำมาหากินตามปกติ และการแพร่ระบาดรอบใหม่นายกฯ ก็ไม่เคยที่จะกล่าวโทษใคร มีแต่ขอขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือกันจนทำให้การระบาดในระลอกเดือนเมษายนผู้ติดเชื้อค่อยๆ ลดลงตามลำดับ
“นายกฯ ไม่ควรลาออกในตอนนี้ และต้องอยู่จนครบวาระ 4 ปี ซึ่งผมเองมองว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังไว้วางใจให้นายกฯ แก้ไขปัญหาอยู่ ทั้งนี้ นายกฯ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรับฟังข้อเสนอของนายรังสิมันต์ หรือพรรคฝ่ายค้าน ที่ออกมาเรียกร้องซ้ำๆ ทุกวันให้นายกฯ ลาออก ไม่มีประเด็นใหม่ เพราะข้อเรียกร้องล้วนแต่เพื่อประโยชน์ทางการเมืองของตนเองเท่านั้น ซึ่งไม่ควรนำมาเป็นสาระ เพราะนายกฯ รัฐบาล และบุคลากรทางการแพทย์ กำลังทำงานให้กับประชาชนอยู่ ไม่มีเวลามาเล่นการเมืองกับพวกที่ไม่ทำประโยชน์อะไรให้กับบ้านเมือง มีแต่ใช้ปากพูดจ้อและเห่าหอนไปวันๆ เท่านั้น ไร้สาระที่สุด ไม่เคยมีเรื่องที่มีสาระเลยสักเรื่อง ดังนั้น นายกฯ ไม่ควรลาออก ประชาชนอยากให้อยู่จนครบวาระครบเทอม 4 ปี ให้พวกฝ่ายค้านที่อยากมาเป็นรัฐบาล อยากมีอำนาจ ให้รอไปนานๆ จนหัวอกแตกสลายไปเลย”
ส่วนกรณีที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.เตรียมอภิปรายของคณะสามัคคีประชาชน วันที่ 1-2 พ.ค.โดยจะมีนักวิชาการและ ส.ส.มาร่วมอภิปรายถึงการทำงานของนายกฯ รวมถึงการโอนอำนาจรัฐมนตรีตามกฎหมายใน 31 พ.ร.บ.ให้นายกฯ นายเสกสกล ยืนยันว่า ไม่ใช่ควบรวมอำนาจ และไม่ได้ลดบทบาทของรัฐมนตรี แต่เพื่อให้การแก้ไขปัญหาโควิด-19 ให้กับประชาชนเป็นไปด้วยความรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีก ขณะที่การทำงานของรัฐบาลนายกฯยืนยันแล้วว่ายังทำงานร่วมกันได้ดีกับพรรคร่วม จึงขอนายจตุพรอย่ามากล่าวหา ใส่ร้าย หรือโจมตีรัฐบาล และทำให้พรรคร่วมรัฐบาลแตกคอกัน เป็นความคิดที่ฝันกลางวันที่จะยุให้แตก ไม่มีทางเพราะพรรคร่วมรัฐบาลยังสมัครสมานกลมเกลียวกัน เพราะทุกพรรคนึกถึงความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก ไม่มีเวลาเอาความเดือดร้อนของประชาชนมาเล่นการเมืองเหมือนนายจตุพรและพวกพรรคฝ่ายค้าน
“ที่นายจตุพรบอกว่า จะร่วมอภิปรายกับนักวิชาการ และ ส.ส.นั้น ผมก็ขอเตือนทั้งนายจตุพรและนักวิชาการ จะตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของ ส.ส. ซึ่งน่าจะเป็นพรรคฝ่ายค้าน ที่จะยืมปากมากล่าวโจมตีนายกฯ รัฐบาล เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมืองของฝ่ายค้านเอง จึงขอให้นายจตุพรคิดให้ดีว่า ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ ส.ส.ฝ่ายค้าน หรือไม่ เพราะหากเข้าไปยุ่งเกี่ยวมากๆ ประชาชนก็จะมองนายจตุพรเป็นเหมือนกับ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ที่วันๆ ไม่ทำอะไรเพื่อประชาชนในยามเกิดวิกฤตบ้านเมืองเลย มีแต่จะเล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น
“ส่วนนายจตุพรเองก็จะเป็นเพียงสะพานให้ฝ่ายค้านเหยียบย่ำ เพื่อระบายความใคร่ทางการเมืองด้วยปากใส่นายกฯ และรัฐบาลเท่านั้นเอง ฝ่ายค้านเองก็ไม่ได้ให้ค่าให้ราคาสำคัญอะไรกับนายจตุพร หวังเพียงหลอกใช้นายจตุพรเป็นเครื่องมือ ดังนั้น จะยอมไปเป็นเครื่องมือให้พวกเขาทำไม เอาบทเรียนในอดีตมาเตือนใจเคยช่วยคนตระกูลหนึ่ง และพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่งจนได้เป็นรัฐบาล รับปากจะให้นายจตุพรเป็นรัฐมนตรีให้ตัดชุดเครื่องแบบรอได้เลย สุดท้ายก็ถูกหลอก เขาไม่เคยเห็นเงาหัวนายจตุพรเลย จะยอมให้เขาหลอกซ้ำซากอีกหรือ ทำไมไม่รู้จักเข็ดหลาบบ้าง เตือนกันมาเพื่อให้มีสติคิดในฐานะเกลอเก่ากัน” นายเสกสกล กล่าว