ข่าวปนคน คนปนข่าว
**อะไรๆ ก็กู อยู่ดีๆ ก็โดนลากไปเอี่ยว “หมอหนู” ควันออกหู ด่า “ป้าศรีนวล” สยบดรามาลูกพรรคหิวแสง เอาหน้าหาเสียงพาให้ซวยขึ้นป้ายคู่ชวนฉีดวัคซีน
เรื่อง “หิวแสง” หาเสียงที่หนึ่งไม่มีใครเกินก็ต้องยกให้นักการเมืองเขาล่ะ ขนาดสถานการณ์โควิดเรื่องของวัคซีนที่เป็นวาระแห่งชาติ ก็ยังอุตส่าห์ขึ้นป้ายเคลมผลงานตัวเองซะงั้น อย่างกรณีของ “ป้าศรีนวล” ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคภูมิใจไทย ที่ขึ้นป้ายคู่กับ “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เชิญชวนประชาชนให้ไปฉีดวัคซีน จนกลายเป็นเชิญชวนให้ทัวร์มาลง คนด่ากันขรมว่าเหมาะสมแล้วหรือ จะมาหาเสียงในช่วงเวลาแบบนี้
“ศรีนวล” พยายามใจดีสู้ทัวร์ บอกว่ามีเจตนาดีที่จะรณรงค์ช่วยชาติ แต่งานนี้ป้ายมันฟ้องว่า ตัวหนังสือชื่อและภาพถ่ายตัวป้าศรีนวลและอนุทินนั้นใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มขนาดนั้น ขณะที่สถานที่ฉีด และข้อมูลที่เป็นความรู้เรื่องวัคซีนแทบจะมองไม่เห็น
ภาพป้ายหาเสียงนี้ถูกแชร์ว่อนเน็ตไปทั่ว ยิ่งมีคนมีชื่อเสียงระดับ “ธงทอง จันทรางศุ” อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาผสมโรงจับไปขยี้ซ้ำ เรื่องก็ยิ่งขยายกลายเป็น “ดรามาป้าศรีนวล” ขึ้นมา
คนที่พลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วยจนเป็นตำบลกระสุนตกอีกจนได้ ก็คือ “อนุทิน” ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ต้องออกมาดับเรื่องดรามา แปลว่า ละคร บอกว่า ควรเอาความจริงมาคุยกัน และยืนยันว่า ไม่ได้สั่งการให้ทำ เป็นการทำกันเองโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากตัวเอง และได้ตำหนิไปแล้วว่า ไม่ควรทำ พร้อมทั้งสั่งให้เอาป้ายออกแล้ว
พร้อมกันนี้ “หมอหนู” ยังย้ำว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมานั่งหาเสียง เพราะเรื่องวัคซีน เป็นเรื่องของความสำคัญของการป้องกันโรค ไม่ใช่เรื่องที่เอาหน้าตัวเองไปเชิญชวน แต่คนต้องมาฉีดวัคซีน เพราะต้องรักตัวเอง ไม่ต้องให้ใครมาชักชวนและได้ตำหนิ ส.ส.ศรีนวล ไปอย่างแรง เพราะโกรธมาก
งานนี้ก็ต้องชม “หมอหนู” ที่ตัดสินใจสยบลูกพรรค แถมด่าสะกิดให้คิด ไม่ให้ดรามาลุกลามไปไกลกว่านี้ ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ไม่ต้องแถไม่ต้องแก้ตัวให้ตกเป็นเป้าไปมากกว่านี้ เพราะเวลานี้ไม่ใช่เรื่องที่นักการเมืองจะมาห่วงหิวแสง หาเสียงบนสถานการณ์แบบนี้ แต่ก็นั่นล่ะ น่าปวดหัวแทน “หมอหนู” จริงๆ ที่จากบนลงล่าง อะไรๆ ก็มาลงตรงที่ตัวเอง วัคซีน Walk in นั่นก็ทีนึง เป็นแพะรับบาปให้ลุง มาดรามาป้าศรีนวล ก็โดนลากไปเอี่ยวให้ถูกด่าฟรีซะงั้น
แบบว่า ...ตอนนี้ หมอหนูคงอยากจะบอก อะไรๆ ก็กู !!
** “ตู่-จตุพร” ไม่จำอดีตที่เคยพาเสื้อแดงไล่ “รัฐบาลอภิสิทธิ์” วันนี้บุกไปขอให้ประชาธิปัตย์ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล เลยโดน “อี้-แทนคุณ” สวนกลับออกจากพรรคแทบไม่ทัน
หลังจาก “ม็อบสามนิ้ว” ซาลงไป เพราะแกนนำส่วนหนึ่งอยู่ในคุก คนที่ได้ประกันตัวออกมาก็ติดเงื่อนไขศาล ห้ามกระทำผิดซ้ำ ประกอบกับโควิดระบาดหนัก ทำให้ “กลุ่มไทยไม่ทน“ นำโดย “ตุ๊ดตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. พร้อมแนวร่วมอย่าง อดุลย์ เขียวบริบูรณ์, วีระ สมความคิด โดดออกมารับช่วงเคลื่อนไหวไล่รัฐบาล “ลุงตู่” ต่อ และเริ่มยกระดับด้วยการเดินสายไปยื่นหนังสือข้อเรียกร้อง
กำหนดไทม์ไลน์ไว้เสร็จสรรพว่า อันดับแรกจะไปยื่นหนังสือถึง “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้นำพรรคถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล จากนั้นจะไปทำเนียบฯ ยื่นหนังสือให้ “บิ๊กตู่” ลาออก... ไปพรรคภูมิใจไทย เรียกร้องให้ถอนตัวจากรัฐบาล และไปที่กองทัพบก จี้ให้ผู้นำเหล่าทัพ ลาออกจากการเป็น ส.ว.
“จตุพร” บอกว่า นี่เป็นการใช้แนวทางสันติวิธี แต่ถ้าไม่ได้รับการตอบสนอง ถึงวันหนึ่งเมื่อต้องลงถนนเชื่อว่าประชาชนจะมาร่วมล้นทะลักเหมือนเขื่อนแตก!!
ก่อนหน้านี้ “จุรินทร์” ได้ออกมาแสดงท่าทีชัดเจนว่า จะไม่นำพรรคประชาธิปัตย์ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล โดยบอกว่า “ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้”
แต่เมื่อวานนี้ (24 พ.ค.) จตุพรและคณะ ก็ยังบุกไปที่พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อยื่นหนังสือดังกล่าว โดยมี “อี้” แทนคุณ จิตต์อิสระ คณะทำงานของ รมว.พาณิชย์ ออกมารับหน้า
คงจำกันได้ว่าเมื่อหลายปีก่อน “จตุพร” เคยนำพลพรรค “เสื้อแดง“ ชุมนุมไล่รัฐบาล “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” จนเกิดเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองมาแล้ว ถือว่าเป็น “คู่แค้น” ในทางการเมือง แล้ววันนี้ “จตุพร” จะมาขอร้องให้ประชาธิปัตย์ ทำตามที่ตัวเองต้องการ ... มันจะง่ายดายขนาดนั้นหรือ ?
การปะทะคารมระหว่าง "อี้" กับ "ตู่" จึงเกิดขึ้น !!
“อี้“ บอกว่า...เหตุที่ประชาธิปัตย์ตัดสินใจร่วมรัฐบาล เพราะการเลือกตั้งครั้งล่าสุดนี้ ประชาธิปัตย์ประกาศตัวเป็นทางเลือกที่ 3 แต่เมื่อพรรคไม่ได้รับเลือกจากประชาชน จึงเหลือเพียง 2 ทาง คือ “ทักษิณ” กับฝั่ง “พล.อ.ประยุทธ์” ที่ผ่านมา ประชาธิปัตย์สู้กับการทุจริตจำนำข้าว สู้กับการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย แล้วจะให้ไปอยู่ฝั่ง “ทักษิณ” ได้อย่างไร
“ตู่” สวนกลับว่า ... อย่ามาอ้างว่า มีแค่ 2 ทางเลือก วันนั้นพรรคประชาธิปัตย์อยู่กับตัวเอง อยู่กับประชาชนก็ได้ อย่ามาใช้วิธีแบบนักเลือกตั้ง วันนี้เรามาชวนเพื่อหาทางออกจากวิกฤตให้กับประเทศ แต่ถ้าอธิบายแบบนักเลือกตั้งกระจอกๆ คุณมาเถียงอะไรกับผม คุณจะสู้อะไรผมได้ ... วันนี้พวกเรามาทวงสัญญาที่ประชาธิปัตย์ประกาศไว้ ยามที่ประเทศอยู่ในภาวะแบบนี้ ชื่อคุณคือ แทนคุณ คุณก็ต้องแทนคุณ ไม่ใช่อธิบายแบบนักเลือกตั้งกระจอกๆ อย่าเอา มาใช้กับผม...
...เล่นบุกมาด่ากันถึงบ้าน “อี้” จึงไม่ยอมลดละ ... กระจอกไม่กระจอก ไม่ใช่ประเด็น ส่วนเรื่องยกตัวว่าใครจะมาสู้อะไรกับนายจตุพรได้ ก็ไม่แน่นัก ถ้าสู้กันจริงๆ ผมก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน ผมก็เคารพหลักการประชาธิปไตย จะให้ถอยและทิ้งภารกิจที่ทำอยู่ขณะนี้ ไม่ใช่วิถีทางของนักสู้ ความจริงถ้าจะถอยก็ต้องดูว่าใครจะได้ประโยชน์ ...จตุพรได้ประโยชน์หรือไม่ อาจมีความสุข หรืออาจจะมีกระบวนการอื่นสนับสนุน แต่เอาเป็นว่าจากประสบการณ์ทางการเมืองอันน้อยนิด ยังเชื่อว่าการสู้บนครรลองอุดมการณ์ จะไม่ทำให้ประเทศชาติตกหลุมเดิมๆ
“ตู่” ทำตาถลน ว่า วันนี้ประเทศเกิดวิกฤต ถ้าประชาธิปัตย์ไม่ยอมถอดสลักการเมือง ก็ช่างหัวประชาธิปัตย์ !!
สถานการณ์ทำท่าจะเดือดปรอทแตก “อดุลย์ เขียวบริบูรณ์” จึงเข้ามาเบรก ว่า ขออย่าพูดเรื่องในอดีต เพราะทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง ที่มาวันนี้เพียงแค่มาบอกว่า บ้านเมืองเกิดวิกฤต ขอให้ประชาธิปัตย์ช่วยถอนตัวเท่านั้น...
นี่เป็นเพียงด่านแรกที่คณะของจตุพรได้เจอ ...เห็นชัดว่า “คำขอ” นั้นประชาธิปัตย์ไม่ตอบสนองแน่ !!
คิวต่อไป “จตุพร” จะไปยื่นหนังสือถึง “บิ๊กตู่” ที่ทำเนียบฯ ก็คงเจอ “แรมโบ้” เสกสกล อัตถาวงศ์ ออกมารับหน้า ...แม้จะเคยใส่เสื้อแดง เป็นคนกันเอง แต่วันนี้จุดยืนของทั้งคู่อยู่ตรงกันข้าม ก็คอยดูกันว่าบรรยากาศจะออกมาอย่างไร ยังเหลือพรรคภูมิใจไทย ที่อาจเจอ “บังซุป” ศุภชัย ใจสมุทร และยังต้องไปที่กองทัพบก ทัพเรือ ทัพอากาศ ตำรวจ อีก
ดูเส้นทางแล้วเหมือน “จตุพร” กำลังเดินเอาหัวไปโขกกำแพง ก็ไม่รู้ว่าจะเดินไปถึงสุดท้ายปลายทางคนทะลักเขื่อนแตก หรือจะหัวแตกเลือดอาบจนต้องหยุดพักรักษาแผลก่อน