xs
xsm
sm
md
lg

“โทนี่-ปู” แพกคู่ ป่วน “ลุงตู่” กลางคลับเฮาส์ “หมอวรงค์” ซัด ไม่สำนึกผิด “ดารา” พาเหรด “เชื่อหมอ ไม่เชื่อหมา”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ ปู น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับ โทนี่ แม้ว นายทักษิณ ชินวัตร จากเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom
มาอีกแล้วแพกคู่ “โทนี่แม้ว-ปู” ฉวยโอกาส “ลุงตู่” เผชิญวิกฤตรอบด้านถล่มสารพัด “หมอวรงค์” ซัดยังไม่สำนึกผิด “แรมโบ้” ให้ “นายเก่า” หุบปาก “ดาราดัง” แห่ฉีดวัคซีนเย้ยสามกีบ รุ่นใหญ่ “ตู่-นพพล” ตอบเจ็บ “เชื่อหมอ ไม่เชื่อหมา”

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งกระแสข่าวใหญ่วันนี้ (19 พ.ค. 64) หลังจากเมื่อวันที่ 18 พ.ค. อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร หรือ “พี่โทนี่” (Tony Woodsome) เข้ามาร่วมสนทนาใน Clubhouse (คลับเฮาส์) รายการ CARE Talk หัวข้อ “เป็นไงวัยรุ่น” ปลดล็อกยูนีคสกิลสู่ยุคใหม่ของวัยเยาวรุ่น กับ Tony Woodsome ซึ่งถ่ายทอดสดผ่านหลายช่องทาง ทั้งทาง Facebook และ youtube

นายทักษิณกล่าวตอนหนึ่งถึงประเด็นวอล์กอินฉีดวัคซีนว่า เนื่องจากมีการให้ข้อมูลไม่ตรงกัน เช่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข เตรียมจัดให้วอล์กอิน แต่เมื่อนายกฯ ไปดู แล้วมายกเลิก ส่วนตัวเข้าใจว่าวัคซีนไม่พอ และกลัวว่าจะเกิดแพนิก

วันนี้รัฐบาลต้องชัดเจนเรื่องวัคซีน อย่าไปคลุมเครือ ความจริงแล้วเหตุเกิดที่ไหนดับที่นั่น เมื่อเหตุเกิดก็จะต้องจัดการเรื่องรักษาก่อน คิดถึงนักโทษเป็นหมื่นคนที่ติดโควิด แล้วเราจะเอามารักษาข้างนอกก็ไม่ได้ ตนก็มานั่งคิดว่าแถวนั้นมีสนามฟุตบอล โรงอาหาร เรามาเปลี่ยนเป็น รพ.สนามได้หรือไม่ เพื่อไม่ต้องนอนปนกับคนไม่ป่วย ไม่งั้นติดโควิดกันหมด ตนคิดว่าน่าจะทำเป็นเรื่องเร่งด่วนก่อน ก่อนจะฉีดวัคซีน ซึ่งวัคซีนมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ก็เอามารักษา ตั้ง รพ.สนาม ถ้าตั้งแพงก็ขอพิมรี่พายก็ได้

ภาพ พิมรี่พาย กับ ทักษิณ ขอบคุณภาพ จากแนวหน้า
(พาดพิงอย่างนี้ พิมรี่พายออกมาตอบโต้ทันควันเช่นกัน อย่าเอาโครงการทำความดีของเธอไปเป็นเครื่องมือเหน็บคนอื่น หรือไปเกี่ยวข้องทางการเมือง เพราะยังอยากทำโครงการดีๆ อีกมาก และยังอยากอยู่ประเทศไทย)

คนไม่ป่วยจะได้เตรียมฉีดวัคซีนไป และภาพรวมตนอยากขอนายกฯ เถอะ เชิญคนที่เกี่ยวข้องอย่าไปห่วงความมั่นคง มันไม่ใช่เรื่องความมั่นคง มันเป็นเรื่องเชื้อโรค เอาคนที่เกี่ยวข้องมาระดมว่าตกลงสถานการณ์วัคซีนจะเป็นอย่างไร อย่าคิดเรื่องอนาคตมาก เอาวัคซีนมาระดมเลย วอล์กอินเต็มที่ รีบฉีด ไฟเซอร์จะมา โมเดอร์นาจะมา รีบให้มาจริงๆ ซิ รีบให้เซ็นซิ เอกชนก็รับไปฉีดเลย ใครอยากเสียเงินไปฉีดที่เอกชนเลย เรื่องตรวจสำคัญมาก รัฐต้องบอกให้ประชาชนรู้ว่าตกลงเก็บเงินหรือไม่

ฝากหมอเลี้ยบ (นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี) ให้ไปบอกหมออนุทิน ขยันไปคุยกับนายกฯ จะได้เข้าใจ เรื่องง่ายๆ ไปทำให้เป็นเรื่องยาก วันนี้ประชาชนประสาทกิน และคำตอบคืออะไรไม่รู้ วัคซีนไม่รู้อยู่ไหน และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมา วันนี้เราโคในฟาร์ม มีอะไรก็ฉีดกันซะ

อีกตอนหนึ่ง ประชาชนที่เข้ามาร่วมพูดคุย ได้สอบถามนายทักษิณในประเด็นเรื่องการทำรัฐประหารว่าจะมีปัจจัยอะไรที่สนับสนุนให้เขาอยู่ หรือไม่อยู่ได้ โดย นายทักษิณตอบว่า ต้องไปถามอดีต ผบ.ทบ.ว่าตอนที่ตัดสินใจทำรัฐประหาร 7 ปีที่แล้ว สถานการณ์ตอนทำรัฐประหาร กับตอนนี้ สถานการณ์ไหนน่าทำรัฐประหารมากกว่ากัน ไม่ก็ถามลุงป้อม ก็ไม่รู้

“ต้องคิดถึงประชาชนเป็นหลัก คนที่ไม่มีเงินเก็บ หนี้สินครัวเรือนเราสูงมาก อะไรกระทบนิดเดียวเดือดร้อนหมด คนที่เดือดร้อนมีมากกว่าเยอะ ไม่ใช่เอาเงินไปแจกแล้วหายเดือดร้อน อนาคตล่ะ ลูกเขาจะเรียนหนังสืออย่างไร รัฐบาลต้องรีบแก้ ถ้าแก้ไม่เป็นก็ให้คนอื่นทำ”

“เขาขอสัญญาว่ จะอยู่ไม่นาน ก็ต้องเอาเพลงมาเปิดให้เขาฟังบ่อยๆ เพราะเขาชอบฟังเพลง”

อย่างไรก็ตาม นายทักษิณกล่าวอีกว่า ปัญหาคือ ถ้าเป็นระบอบประชาธิปไตย ศรัทธาประชาชนไม่มีแล้ว ต้องให้ประชาชนตัดสินใจ ท่านไม่ได้มาด้วยวิถีประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญแบบนี้ สร้างความแข็งแกร่งให้เก้าอี้นายกฯ แต่สร้างความอ่อนแอให้ประเทศ “ต้องถามว่า ตู่เบื่อยัง ถ้าไม่เบื่อเขาก็อยู่ได้”

ทั้งนี้ นายดวงฤทธิ์ บุนนาค ผู้ดำเนินการเสวนา ถามว่า คือศรัทธาไม่มี ก็ต้องยุบสภาฯ ให้ประชาชนตัดสินใช่หรือไม่ ทักษิณหรือโทนี่กล่าวว่า ตามหลักก็เช่นนั้น ต้องให้ประชาชนตัดสิน

ขณะที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวเสริมว่า 7 ปีแล้ว ทุกครั้งที่มีรัฐประหาร ตั้งแต่ครั้งแรกจนครั้งนี้ก็ไม่มีอะไรที่ดีให้ประเทศ เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง ประเทศสูญเสียไปเยอะ เศรษฐกิจก็แก้ไม่ได้ อนาคตก็วางไม่ได้ เพราะขาดความต่อเนื่อง ยิ่งเจอปัญหาซ้ำเติมเรื่องโควิด เราจะอยู่ได้อย่างไร เหตุผลที่จะปฏิวัติที่จะคืนความสุขให้ประชาชน ตอนนี้ความสุขของประชาชนอยู่ที่ไหน “เราเศร้า สำหรับประเทศ เรา 2 คนอดทนได้” (ทักษิณ แทรกว่า สบาย)

ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความระบุว่า

“#สำนึกผิดบ้างไหม

เห็นโผล่หน้ามาหลายรอบ ผมอยากฟังคำพูดที่ออกจากปากของสองคนนี้ คือ นายทักษิณ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ว่ามีสำนึกอะไรบ้าง ทำอะไรผิดพลาดไปบ้างในช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายก และบริหารราชการแผ่นดิน

อย่างน้อยน่าจะบอกประชาชนสักหน่อยว่าการโกงเป็นสิ่งเลวร้าย การใช้อำนาจไม่ชอบเป็นสิ่งไม่ควรกระทำ ถ้าคุณทั้งสองยังไม่สำนึก คุณก็ไม่มีความชอบธรรมใดๆ ที่จะมาแนะนำประชาชน”

ด้าน นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ “แรมโบ้อีสาน” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง “นายเก่า” นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ วิพากษ์วิจารณ์การแก้ไขสถานการณ์โควิดของรัฐบาลว่า นายกฯ และรัฐบาลได้ทำทุกอย่างเพื่อที่จะแก้ไขวิกฤตที่เกิดขึ้น ทั้งดูแลสุขภาพ และความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงผู้ประกอบการต่างๆ มาตรการสินเชื่อ พักทรัพย์ พักหนี้ และมาตรการทางภาษี การลดภาษี และอีกมากมายหลายโครงการ

ขณะที่วัคซีนโควิดที่นำมาฉีดให้กับประชาชนนั้น ทาง “แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด” ยืนยันแล้วว่าวัคซีนที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ผ่านเกณฑ์การตรวจสอบคุณภาพจากห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ของแอสตร้าเซนเนก้าทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกาเรียบร้อยแล้ว และพร้อมส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 เดือนมิถุนายน 6 ล้านโดส และเดือนต่อไปอีกเดือนละ 10 ล้านโดส จนครบ 61 ล้านโดส ยังไม่นับวัคซีนทางเลือกที่รัฐบาลจะสั่งเข้ามาอีก ยืนยันว่ามีวัคซีนเพียงพอให้แก่ประชาชน

ส่วนวัคซีนไฟเซอร์นั้น การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้พูดคุยกับผู้แทนบริษัทไฟเซอร์เพื่อเจรจาจัดซื้อวัคซีน และผู้แทนบริษัทฯ แจ้งว่าพร้อมจัดหาวัคซีนให้ประเทศไทยจำนวน 10 ล้านโดส ถือเป็นการยืนยันได้แล้วว่าจะมีวัคซีนของไฟเซอร์เข้ามาอย่างแน่นอน

สำหรับการแก้ไขปัญหาผู้ติดเชื้อโควิดในเรือนจำนั้น นายกฯ ได้สั่งการให้เร่งแก้ปัญหาตรวจเชิงรุกให้มากและเร็วที่สุด จัดตั้งโรงพยาบาลสนามในเรือนจำแล้วเพื่อคัดแยกผู้ป่วยออกมารักษา หากมีผู้มีอาการรุนแรงจะนำออกมารักษาในโรงพยาบาลเฉพาะทางตามระบบต่อไป ให้การรักษาผู้ติดเชื้ออย่างดีที่สุด ด้วยความเท่าเทียม

“นายโทนี่ และนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ควรออกมาพูดวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ นายกฯ รัฐบาล หรือประเทศไทยได้ เพราะนายโทนี่และนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ได้มาเห็นว่านายกฯ รัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ หรือทุกหน่วยงาน ทำงานแก้ไขปัญหาอย่างไรบ้าง ซึ่งที่ผ่านมาทุกคนทำงานหนักตลอดเวลา

ดังนั้น ก็ขอให้หยุดเคลื่อนไหว หยุดพูดจะดีกว่า เพราะยิ่งพูดออกมาเคลื่อนไหวบ่อยๆ ยิ่งจะสร้างความสับสนต่อประชาชน เหมือนกรณีวัคซีนไฟเซอร์ที่นายโทนี่ให้ข้อมูลผิดพลาดจนหน้าแตกเย็บไม่ติดมาแล้วมิใช่หรือ” นายเสกสกล กล่าว

ขอบคุณภาพ จาก เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของดาราดังที่ไปฉีดวัคซีน ระบุว่า

“จากกรณีที่ ชมพู่ อารยา เอ.ฮาร์เก็ต ดารานักแสดงชื่อดัง ได้เข้ารับการฉีดวัคซีน Sinovac พร้อมกับรีวิวการฉีดวัคซีนอย่างละเอียดยิบ ในขณะเดียวกัน อั้ม พัชราภา ก็ได้พาครอบครัวเข้ารับวัคซีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ซึ่งทางด้าน น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ทวีตข้อความกรณีของชมพู่ว่า ในวาระที่ทุกคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์กรณี #ชมพู่ อารยา และ #วัคซีนโควิด อยากเชิญชวนไปดูคลิปนี้ค่ะ ว่าด้วยดาราและการแสดงออกทางการเมือง และคำถามสำคัญ ตกลงเรตติ้งคุณ ชื่อเสียงคุณ ได้มาจากใคร รัฐบาลหรือประชาชน?

ล่าสุด บี น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ ซึ่งเจ้าตัวก็ได้โพสต์ภาพขณะฉีดวัคซีนป้องกันโควิด พร้อมอัปเดตอาการหลังฉีด รวมทั้งในคลิป บี น้ำทิพย์ก็ยังเขียนข้อความไว้ชัดเจนว่า “ไปฉีดแล้วจริงๆ นะคะ ok ไม่มีอาการอะไรเลย เป็นปกติมาก ไม่ได้เงินจากเรื่องนี้ไม่มีใครจ้างใดๆ ทั้งสิ้น สำหรับใครที่กลัวแพ้ หรือมีโรคประจำตัวก็คิดเยอะๆ นิดหนึ่งว่าควรฉีดมั้ย ปรึกษาแพทย์หาข้อมูลกันก่อน ก็อยู่ที่วิจารณญาณของแต่ละคนนะคะ”

พร้อมแคปชันว่า “#ชีวิตฉันฉันเลือกเอง ในอนาคตถ้ามีตัวที่ดีกว่าก็จะฉีดอีก #ฉีดแล้วก็จะไม่ใช้ชีวิตประมาทยังคงใส่มาสก์ไม่ไปที่สุ่มเสี่ยง”

ในขณะที่ ตู่ นพพล โกมารชุน ผู้กำกับละครและนักแสดงชื่อดัง ได้เข้ารับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โดยทางเพจดาราภาพยนตร์ได้โพสต์ภาพและข้อความว่า

#ไอดอลรุ่นใหญ่ #ตู่ นพพล #นพพลโกมารชุน #ฉีดวัคซีน #AstraZeneca สำหรับผู้สูงอายุ #สถาบันบำราศนราดูร โดยนักแสดง&ผู้กำกับคนดังโพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า

“ขอบคุณแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านที่ให้การดูแลผู้ที่เข้ามาฉีดวัคซีนทุกคนเป็นอย่างดีครับ

ผมเชื่อในวัคซีนครับ ผมฉีด AstraZeneca สำหรับผู้สูงอายุครับ ผมเชื่อหมอครับ และผมไม่เชื่อหมาครับ”
#ฉีดวัคซีนหยุดเชื้อ”

ภาพ การชุมนุมประท้วงของคนเสื้อแดง เมื่อปี 53 จากแฟ้ม
แน่นอน, มาถึงวันนี้ สิ่งที่น่าคิดสำหรับปัญหาการเมืองในประเทศไทย ก็คือการเล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มคน แต่อ้างความต้องการของคนรุ่นใหม่ พยายามยัดเยียดชุดความคิดที่ถูกทำให้ “ตกตะกอน” มาแล้ว โดยกลุ่มซ้ายสุดโต่งในประเทศไทยให้คนไทยยอมรับความจริงเรื่องสถาบันฯ และยอมรับความต้องการของคนรุ่นใหม่ และรับฟังคนรุ่นใหม่ที่วิพากษ์วิจารณ์สถาบันอย่างตรงไปตรงมา

เรื่องนี้ย้อนดูได้ พรรคการเมืองบางพรรค แกนนำคณะการเมืองบางคณะพูดเอาไว้อย่างชัดเจนช่วงที่กระแส “ปฏิรูปสถาบันฯ” โดยม็อบคณะราษฎร 2563 กำลังพุ่งสูง

จนทำให้เชื่อกันว่ากลุ่มคนที่เป็น “อีแอบ” อยู่เบื้องหลังม็อบราษฎร หรือม็อบ 3 นิ้ว ก็คือคนกลุ่มนี้นั่นเอง

แต่นั่นมิใช่กลุ่มเดียวอย่างแน่นอนที่เป็น “อีแอบ” เพราะพบว่านอกจากนักการเมือง นักวิชาการ นักเคลื่อนไหวซ้ายสุดโต่งในไทยแล้ว ยังมีกลุ่มผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่มีแนวคิดซ้ายสุดโต่งในต่างประเทศด้วย ที่แสดงออกอย่างชัดแจ้งในการสนับสนุนม็อบ 3 นิ้ว และฝันลมๆ แล้งๆ ที่จะได้อาศัยความสำเร็จเดินทางกลับประเทศด้วย

แต่ที่มาเหนือเมฆจริงๆ ก็เห็นจะเป็น “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” สองพี่น้องอดีตนายกฯ ที่ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวอยู่นาน ก่อนจะเริ่มปรากฏตัวหลังกระแสม็อบ 3 นิ้วเรียกร้อง “ปฏิรูปสถาบันฯ” พุ่งสูง

จนแม้แต่ผู้ลี้ภัยล้มเจ้าบางกลุ่มยังกลัวว่า “ทักษิณ” ลงทุนจะรวบหัวรวบหางม็อบ ถึงขั้นแสดงออกอย่างชัดเจนในการต่อต้าน “ทักษิณ” หาว่าไม่มีแนวคิดปฏิรูปสถาบันฯ แค่อยากกลับมามีบทบาททางการเมือง เพื่อผลประโยชน์ตัวเอง และยังกล่าวหาว่า ตกขบวนที่คนรุ่นใหม่เขาเรียกร้องไปแล้ว ทั้งยังยุส่งให้สาวก 3 นิ้วก้าวข้าม “ทักษิณ” ได้เลย

แต่พอแกนนำม็อบ 3 นิ้วถูกคดีเป็นว่าเล่น และทำท่าว่าจะติดคุกยาวด้วย ส่วนนักการเมืองในไทย ประชาชนส่วนใหญ่ก็รู้เช่นเห็นชาติกันหมดแล้ว เลือกตั้งทุกครั้งก็แพ้ทุกครั้ง ปรากฏว่า ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ เริ่มอาศัย “คลับเฮาส์” ซึ่งใช้กลุ่ม CARE เป็น “ตัวชง” โดยเฉพาะกลุ่ม CARE ก็ชัดเจนเช่นกันว่าเป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยงทักษิณ กลับสู่เวทีการเมือง โดยเฉพาะการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แนะนำ เหน็บแนมแกมประชด เพื่อหาผลประโยชน์ทางการเมือง ในการปลุกกระแสความนิยมกับฐานการเมืองเดิมสมัยเป็นนายกรัฐมนตรี และดูเหมือนความถี่จะเข้าตากรรมการเสียด้วย

ขณะเดียวกัน ที่ไม่อาจมองข้ามก็คือ การเคลื่อนไหวของ “ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. แกนนำคนเสื้อแดง ที่ร่วมกับหลายฝ่ายจัดม็อบ “คนไทยไม่ทน” ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในเวลานี้

การเคลื่อนไหวของ “เต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. และคนเสื้อแดง ที่หนุนม็อบ 3 นิ้ว และแสดงออกอย่างชัดเจนว่า พร้อมเป็นแกนนำ 3 นิ้วเมื่อถึงเวลาที่ต้องชูธงรบ

ถามว่าทั้งหมดเกี่ยวข้องกับ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” หรือไม่ ถามว่า สิ่งที่ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ต้องการคือนิรโทษกรรมทางการเมืองใช่หรือไม่ และการจะได้นิรโทษกรรมต้องต่อสู้ขนาดไหน แค่ล้มพล.อ.ประยุทธ์เพียงพอหรือไม่ อย่าลืมว่า ต้องแก้รัฐธรรมนูญ 2560 ทั้งฉบับเลยทีเดียว

ส่วน “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” บทบาทถนัด มิใช่การนำมวลชนลงถนนอย่างแน่นอน หากแต่เป็นการปลุกกระแสความล้มเหลวของรัฐบาล และสร้างกระแสความนิยมให้กับตัวเอง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการกลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้ง

คิดดูก็แล้วกัน ว่าทุกอย่างมันช่างบังเอิญเกินไปหรือไม่ที่มาเคลื่อนไหวพร้อมกัน และการที่ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” เคลื่อนไหวถี่ขึ้นก็แค่หวังดีกับประเทศไทย และประชาชนคนไทย เท่านั้น ไม่ได้คิดอะไรอย่างอื่นเลย!?


กำลังโหลดความคิดเห็น