ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ดรามา “ชมพู่ อารยา” รีวิวฉีดวัคซีน ซิโนแวค “ช่อ”- ติ่ง 3 นิ้ว ไม่พลาดขอมีซีนจัดทัวร์แซะดารามีวาระซ่อนเร้น รับงานพีอาร์ รัฐบาลลุง
กลายเป็นไวรัลบนโลกโซเชียลฯ จน “#ชมพู่อารยา” ติดอันดับหนึ่งในทวิตเตอร์ หลังจากดาราสาวชื่อดัง “ชมพู่ อารยา เอ.ฮาร์เก็ต” รีวิวแบบจัดเต็ม เข้ารับการฉีดวัคซีน Sinovac
ที่ดรามาบังเกิด แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะดาราสาวได้เลือกวัคซีนจีน ที่มีกระแสดรามา มาก่อนนี้ถึงประสิทธิภาพ และผลข้างเคียงที่ถกเถียงบิดเบือนจนฝ่ายตรงข้ามจับมา “ด้อยค่า” วัคซีนของรัฐบาล ที่นำมาให้ประชาชน
บ้างก็จับผิดทางชนชั้น ระดับดาราดังแถมมีฐานะอย่าง “ชมพู่” ทำไมไม่เลือกยี่ห้อ “ไฟเซอร์ หรือ โมเดอร์นา”... มารีวิว “ซิโนแวค” ต้องมี “วาระซ่อนเร้น” อะไรหรือไม่ ซึ่ง “ชมพู่” ได้ออกมายืนยันว่าได้ศึกษามาเป็นอย่างดี และมีเหตุผลเพียงพอ โดยอยากฉีดให้เร็วที่สุดจึงไม่ลังเลที่จะรอ เพราะมีห่วงอีกเยอะ
งานนี้ ความเห็นส่วนมากที่เข้ามาด่าทอและแซะ “ชมพู่” ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นฝ่ายถือหาง 3 นิ้ว หรือฝ่ายประชาธิปไตยตามฟอร์ม โดยเชื่อหมดใจว่า “ชมพู่” รับจ๊อบพีอาร์ให้รัฐบาลแหง๋มๆ ให้มาเรียกความเชื่อมั่นต่อวัคซีนจีน
เห็นชัดๆ จากทวิตเตอร์ No Salim Shopping List ของผู้สนับสนุนกลุ่มเยาวชนปลดแอก กลุ่มราษฎร คณะก้าวหน้า พรรคก้าวไกล และ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ไม่เปิดเผยตัวตน ถึงกับทำอินโฟกราฟิก “รวมรายชื่อดาราที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนให้ฉีดวัคซีนซิโนแวค โดยไม่ชี้แจงถึงผลข้างเคียงและประสิทธิภาพ (ครั้งที่ 1) #ชมพู่ อารยา”
ขณะที่ “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ได้ทวีตข้อความกรณีของ “ชมพู่” ว่า ในวาระที่ทุกคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์กรณี #ชมพู่ อารยา และ #วัคซีนโควิด อยากเชิญชวนไปดูคลิปนี้ค่ะ ว่าด้วยดารา และการแสดงออกทางการเมือง และคำถามสำคัญ ตกลงเรตติ้งคุณ ชื่อเสียงคุณ ได้มาจากใคร รัฐบาลหรือประชาชน ?
มาถึงตรงนี้ “วัคซีน” เป็นเรื่องของ “ปัญญา” ที่ผู้มีสติจะคิดได้เองว่า ตัวเองสมควรจะฉีดหรือไม่ อย่างไร ข้อมูลประสิทธิภาพ และผลข้างเคียงก็มีให้ศีกษาพิจารณากันไม่ยาก นอกเสียจาก “การศึกษา” ไม่ได้ช่วยอะไร ก็มีเพียงกลุ่มนี้ที่นิยม “ด่าทอ” ใครที่เห็นต่างไว้ก่อน
ในขณะที่ “โบว์” ณัฏฐา มหัทธนา นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้ทวีตข้อความถึงกรณีดังกล่าว ว่า การที่ดาราเขาศึกษาข้อมูลอัปเดต ซึ่งไม่ใช่ความลับอะไรสำหรับคนที่เข้าถึงข้อมูลได้ แล้วตัดสินใจฉีดวัคซีน พร้อมอธิบายเหตุผลการให้น้ำหนักปัจจัยต่างๆ ในการเลือกวัคซีนของตัวเอง แต่กลับถูกแปะป้ายว่า ทำเพื่อเอาใจรัฐบาลหรือถึงขั้น “รับงาน” มา .. มันดูสิ้นคิด นะคะ
เรื่องนี้นอกจากสิ้นคิด ใจคับแคบ ก็ต้องบอกว่า พฤติกรรม “มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ“ นี่งานถนัดของฝ่ายประชาธิปไตยเขาละ!!
** “วอล์กอิน” ฉีดวัคซีน ประชาชนพร้อม หมอพร้อม แต่ “ลุงตู่” ไม่พร้อม ประกาศโละแล้ว.. เอวัง !
เมื่อสัปดาห์ก่อน แอปฯ “หมอพร้อม” ที่เปิดให้ผู้มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7กลุ่มโรคเรื้อรัง ลงทะเบียงจองฉีดวัคซีน ซึ่งตั้งเป้าไว้ที่ 16 ล้านคน แต่มีผู้มาลงทะเบียนเพียงไม่ถึง 2 ล้านคน
ส่วนหนึ่งนั้นอาจเป็นเพราะผู้สูงอายุ ไม่มีสมาร์ทโฟน ไม่สะดวก ไม่เข้าใจในวิธีการลงทะเบียน แต่ส่วนใหญ่แล้วผู้สูงอายุเหล่านั้นยัง ลังเล ไม่มั่นใจ “กลัววัคซีน” เพราะไม่ว่าจะเป็นสื่อหลัก สื่อโซเชียลฯ ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ต่างออกมาพูดถึงเรื่องผลข้างเคียงหลังการฉีดวัคซีน
ทำให้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องประกาศนโยบาย “วัคซีนแห่งชาติ” กระตุ้นให้ประชาชนพร้อมใจกันมาฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้นกันหมู่ ซึ่งเป็น “ทางรอด” ของประเทศ ที่จะยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้
บุคลากรทางการแพทย์ อย่างคณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ รามาธิบดี ต้องพร้อมใจกันออกมาชูป้าย “ฉีดวัคซีน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” สร้างความมั่นใจในการฉีดวัคซีน ความลังเลของสังคมจึงเริ่มคลายลง และเริ่มตัดสินใจว่า “ต้องฉีดวัคซีน”
ภาคเอกชนก็ขานรับ โดยสภาหอการค้าไทยร่วมกับโรงพยาบาลทั้งของรัฐและเอกชน และ กทม. ก็จัดสถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล เบื้องต้นแพลนไว้ 14 จุดทั่วกรุงเทพฯ โดย “ลุงตู่” ได้ไปตรวจเยี่ยมสถานที่ฉีดวัคซีนดังกล่าวที่ บริเวณชั้น 3 sky Hallศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าวเป็นประเดิม เมื่อ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา
และในวันเดียวกันนั้น “คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ” ก็ได้มีการประชุมกัน เพื่อกำหนดแนวทางในการ “ปูพรม” ฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุดเพื่อสนองนโยบายรัฐบาล... จึงมีคำว่า “วอล์กอิน” ขึ้นมา คือการจัดระบบให้ประชาชนเดินทางเข้ามาฉีดวัคซีนได้เลยโดยไม่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า
คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ มีแผนให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เริ่มดำเนินการตั้งแต่ มิ.ย. หรือ ทันทีที่พร้อม โดยจัดเป็น 3 กลุ่มบริการ คือ กลุ่มนัดหมายผ่านไลน์-แอปพลิเคชัน หมอพร้อม 30% กลุ่มนัดหมายจาก รพ. หรือ อสม. ในกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ ร้อยละ 50 และ กลุ่มวอล์กอิน ร้อยละ 20%
วันรุ่งขึ้นเรื่อง “วอล์กอิน” จึงมีการพูดถึงกันมาก...ประชาชนส่วนใหญ่ตอบรับ เพราะเห็นว่าเป็นสะดวกสบาย สามารถไปฉีดได้ที่จุดบริการใกล้บ้าน ไปเมื่อไรก็ได้ ฉีดยิ่งเร็วยิงดี ... ขณะเดียวกัน อีกกระแสก็เห็นว่าอาจสร้างความวุ่นวาย เพราะคนจะแห่ไป "วอล์กอิน" จนทำให้เกิดปัญหาแออัด ไม่รักษาระยะห่าง หรือคนที่ วอล์กอิน อาจจะได้ฉีดก่อนคนที่ลงทะเบียนไว้ที่แอปฯ “หมอพร้อม” จนสร้างความไม่พอใจได้
ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ก็จะถูกฝ่่ายค้านหยิบมาเป็นประเด็นโจมตีรัฐบาลอีก !!
เรื่องนี้ “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ออกมาชี้แจงว่า เรื่อง “วอล์กอิน” ไม่ใช่ทำได้เลยในตอนนี้ แต่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. โดยยึดหลักว่าต้องดูที่หน้างานด้วย ต้องฉีดให้ผู้ที่จองคิวไว้ในแต่ละวันก่อน ถ้าคนที่จองคิวไม่มา หรือได้รับการฉีดวัคซีนจากช่องทางอื่นแล้ว ก็จะนำวัคซีนที่เหลือนั้นมาฉีดให้ ถ้าวอล์กอินมาแล้วไม่มีวัคซีนว่างในวันนั้น ก็สามารถนัดเพื่อมาฉีดในวันหลังได้
พร้อมย้ำว่า “ผู้ที่ลงทะเบียนไว้ ต้องได้รับสิทธิ์ก่อน” ดังนั้น ขอให้ประชาชนลงทะเบียนตามระบบ ส่วน “วอล์กอิน” เป็นช่องทางเสริมเท่านั้น
ล่าสุดในการประชุม ครม. เมื่อวานนี้ (18 พ.ค.) “ลุงตู่” ก็ใช้การบริหารแบบ “ซิงเกิลคอมมานด์” ที่ยึดอำนาจสั่งการตามกฎหมาย 30กว่าฉบับมาไว้ในมือ ประกาศโละแผน “วอล์กอิน” โดยอ้างว่าจะเกิดปัญหาชุลมุน หากประชาชนมาพร้อมกันในจุดๆ เดียวเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ จึงให้ไปใช้วิธีการเดิมคือ ลงทะเบียนผ่านแอปฯ “หมอพร้อม“ ที่กำลังจะเปิดให้คนทั่วไปลงทะเบียนในวันที่ 31 พ.ค.นี้ หรืออาจจะปรับรุปแบบใหม่ ให้ไปลงทะเบียน ณ จุดที่กำหนด ซึ่งต้องหารือกันอีกที
“ลุงตู่” ยังย้ำว่า ต่อไปนี้เรื่องการให้ข่าว “วอล์กอิน” ให้เป็นหน้าที่ของ ศบค. แต่เพียงแห่งเดียว คนอื่นๆ ไม่ต้อง !!
หลังประกาศออกไป เรื่อง “วอล์กอิน” จึงเป็นดรามาประจำวันในโซเชียลฯ ทัวร์ลง “ลุงตู่"ไม่ใช่น้อย ... ว่า นโยบายกลับไปกลับมา ชี้ให้เห็นถึง “กึ๋น” ในการบริหารจัดการในสถานการณ์วิกฤต ... ประชาชนพร้อม หมอพร้อม แต่ “ลุงตู่” ไม่พร้อม เพราะยังไม่มีวัคซีน ขืนปล่อยให้วอล์กอิน แล้วไม่มีให้ฉีด คงต้องถูกถล่มจมธรณีแน่ !!
นอกจากนี้ ยังมีอีกไม่น้อยที่เห็นว่า ในสถานการณ์หน้าสิ่ว หน้าขวานอย่างนี้ “ลุงตู่” ยังจะมาห่วงเล่นการเมืองอีก... กลัวว่าพรรคร่วมรัฐบาลที่ดูแลกระทรวงสาธารณสุขจะได้หน้า ได้แต้ม เพราะแผน “วอล์กอิน“ ออกมาจากกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้ออกมาจากปากลุงตู่ จึงต้องออกมาเบรกไว้ก่อน
เรื่อง “วอล์กอิน” ไปฉีดวัคซีน เลยเป็นฝันสลายของประชาชนไป ...เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ !!