xs
xsm
sm
md
lg

กระแสพลิกแย่งฉีดวัคซีน วัดกึ๋น “ลุงตู่” เอาอยู่ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ชมพู่ อารยา - ธงไชย แมคอินไตย์
เมืองไทย 360 องศา

นาทีนี้ไม่ต้องพูดกันแล้วว่าไม่เอาวัคซีนยี่ห้อนั้น ยี่ห้อนี้ หรือรังเกียจวัคซีน “ซิโนแวค” ของจีน เคย “บูลลี่” ว่าเป็น “วัคซีนเสิ่นเจิ้น” ไม่ฉีด อะไรบ้าง ตามแบบฉบับของพวกที่พูดไปเรื่อย เพื่อหวัง “ด้อยค่าวัคซีน” และรัฐบาลที่นำเข้ามา ซึ่งคนพวกนี้นอกจากไม่ได้มีความเชี่ยวชาญ หรือความรู้ทางการแพทย์ แต่ทำด้วยความไม่ชอบ และเกลียด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็มีให้เห็นมากมาย

เพราะที่เห็นในโลกโซเชียลฯ ส่วนใหญ่มีการให้และรับข้อมูลเท็จและบิดเบือน จนในช่วงแรกสามารถสร้างความหวาดกลัว และเกิดความลังเลใจของประชาชนจนไม่กล้าฉีดวัคซีน ไม่เว้นแม้แต่พวก ส.ส.ในสภาฯ ที่แม้ว่าตัวเองที่ได้รับสิทธิพิเศษได้รับวัคซีนก่อนประชาชนทั่วไป คนพวกนี้ก็ได้รับการฉีดวัคซีน “ซิโนแวค” ไปแล้ว จนผ่านมาเป็นเดือนแล้ว ก็ไม่เห็นใครตายหรือเป็นอัมพาตสักคนเดียวอย่างที่มีคนพยายามให้ข้อมูลบิดเบือนมาก่อนหน้านี้ ตรงกันข้ามที่เห็นมีแต่ยิ่งทำให้ “ปากกล้า” ยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากบรรยากาศในสถานการณ์จริงเวลานี้ ทุกอย่างกำลังพลิกกลับเป็นตรงกันข้าม บรรดาข้อมูลและประสิทธิภาพของวัคซีนต่างได้รับชี้แจงและนำเสนออย่างถูกต้อง อ้างอิงทางวิชาการ และด้านวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะคำยืนยันจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น จนสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนในวงกว้างกว่าเดิมมาก

อีกทั้งเมื่อได้เห็น “ดารา” คนในวงการบันเทิง คนดังหลายคนที่อยู่ในเงื่อนไขที่สามารถรับการฉีดวัคซีนไปก่อน ต่างออกมายืนยันตรงกันว่า “ไม่มีปัญหา” ไม่มีผลข้างเคียงอย่างที่กลัวกันก่อนหน้านี้ ตรงกันข้ามเมื่อฉีดวัคซีนเข้าไปแล้ว ทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น รวมไปถึงภูมิใจว่าได้ช่วยชาติ พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกคนมาฉีดวัคซีนให้มากที่สุด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และเพื่อให้ประเทศไทยกลับเข้าสู่ภาวะปกติ สามารถประกอบอาชีพ มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อีกครั้ง

จากการเคลื่อนไหวดังกล่าวทั้งในรูปแบบที่คนในวงการบันเทิงดังๆ ระดับ ซูเปอร์สตาร์หลายคนต่างเฮโลกันไปฉีดวัคซีน พร้อมกับรณรงค์ให้ทุกคนไปฉีดวัคซีน ทำให้มั่นใจได้เลยว่า “กระแสพลิก” จากเดิมที่ “คนกลัววัคซีน” จะเปลี่ยนมาเป็น “กลัวตายแล้วรีบฉีดวัคซีน” เสียมากกว่า

ประกอบข้อมูลล่าสุดที่มีการรายงานจากแอปฯ “หมอพร้อม” สำหรับให้ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และคนที่มีโรคประจำตัวใน 7 กลุ่ม ตามกำหนด ปรากฏว่า จนถึงวันที่ 18 พฤษภาคม มีตัวเลขผู้ลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนแล้วกว่า 7 ล้านคน จากจำนวนทั้งหมด 16 ล้านคน ซึ่งถือว่าในช่วงที่ผ่านมาสองสามวันนี้ตัวเลขได้ก้าวกระโดดมาก ซึ่งในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วยดังกล่าวที่มีตัวเลขจองวัคซีนน้อย ก็มีข้อสังเกตคือต้องรอลูกหลานลงทะเบียน ไม่มีสมาร์ทโฟน เป็นต้น

แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ ตัวเลขจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกันตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ และผู้เสียชีวิตรายวันในรอบสัปดาห์สองสัปดาห์ต่อเนื่องกันมีจำนวนพุ่งสูงทำสถิติใหม่ๆ ทุกวัน จนเวลานี้ไทยเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยสะสมเกินแสนคน แซงหน้าประเทศจีนไปแล้ว ทั้งที่เมื่อเทียบจำนวนประชากรแล้ว เทียบกันไม่ได้เลย โดยเฉพาะจีนที่หลังจากฉีดวัคซีน “ซิโนแวค” แล้วแทบไม่ได้เห็นรายงานคนเสียชีวิตออกมา อีกทั้งยังมีภาพปรากฏคนจำนวนมากออกไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของวัคซีนจีน

ดังนั้น เมื่อได้เห็นบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงไปแบบนี้ มันก็ยิ่งทำให้น่าเป็นห่วงว่าจะเกิดปัญหาการ “แย่งฉีด” กันเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เมื่อรัฐบาลเริ่มเปิดให้ประชาชนทั่วไป ตั้งแต่อายุ 18-59 ปี มาฉีดวัคซีนได้ โดยมีการแบ่งประเภททั้งการลงทะเบียน การนัดหมายแบบกลุ่มของบริษัทห้างร้าน และการเปิดให้ “วอล์กอิน” เข้าไปฉีดได้เลย

ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากจำนวนวัคซีนที่รัฐบาลสั่งซื้อและนำเข้ามาโดยไม่นับในช่วงเดือนกุมภาพพันธ์ถึงเดือนเมษายน ของจีน คือ ซิโนแวค ที่นำเข้ามาแล้ว 2 ล้านโดส ที่มีการกระจายฉีดกันอยู่ในเวลานี้ อย่างไรก็ดี ที่น่าเป็นห่วงก็คือ วัคซีนยี่ห้อ “แอสตร้าเซนเนก้า” ที่จ้างให้ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ เป็นผู้ผลิต และจะทยอยออกมาให้คนไทยจำนวนสองรอบ รอบแรก 26 ล้านโดส ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม แบ่งเป็นสามระยะ คือ มิถุนายน 6 ล้านโดส กรกฎาคม 10 ล้านโดส สิงหาคม 10 ล้านโดส

รอบที่สอง อีก 35 ล้านโดส ตั้งแต่เดือนกันยายน ถึงเดือนธันวาคม โดยเดือนกันยายนได้รับ 10 ล้านโดส ตุลาคม 10 ล้านโดส พฤศจิกายน 10 ล้านโดส และ ธันวาคมอีก 5 ล้านโดส

แน่นอนว่า เมื่อกระแสเริ่มพลิกไปแล้ว มันก็ทำให้เกิดความกังวลใหม่ขึ้นมาอีก นั่นคือ การ “แย่งฉีดวัคซีน” โดยเฉพาะในช่วงเดือนแรก คือ เดือนมิถุนายน ที่จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปมาลงทะเบียนฉีด และการเปิดให้วอล์กอินเข้ามาฉีดได้ทุกแห่ง เชื่อในเบื้องต้นว่าด้วยระบบการบริหารจัดการ ความไม่พร้อมจะรองรับคนจำนวนมาก ก็ย่อมเกิดปัญหาความวุ่นวาย โดยเฉพาะให้จับตากลุ่ม “วอล์กอิน” ซึ่งมีทั้งกลุ่มแอบแฝงการเมืองที่มีเจตนาป่วน ดิสเครดิต นำไปโวยวายด่าทอในโลกโซเชียลฯ หากเอาไม่อยู่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รับเละแน่ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น